จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 212 ทะเลาะกันครั้งแรก / ตอนที่ 213 จริงใจ
ตอนที่ 212 ทะเลาะกันครั้งแรก
ถังเฉียนรู้ว่าที่เขาจงใจพูดเช่นนี้เพราะต้องการให้นางยอมรับโดยไม่ต้องมีภาระทางใจ เขารู้ดีว่าถังเฉียนมีจิตใจรับผิดชอบสูงกว่าคนอื่น
“มิน่าพ่อเจ้าถึงเอาใจนางเช่นนี้ ที่แท้พวกเจ้าหมั้นหมายกันก่อนแล้ว ที่จริงนางก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่ล้ำเลิศ คู่ควรกับเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องเอาข้ามาแบกรับเรื่องนี้ด้วย ข้าก็แค่ทำในสิ่งที่ข้าอยากทำ ข้ารู้ว่าที่ข้าเสี่ยงอันตรายเพื่อฮุ่ยฮุ่ยนั้น พวกเจ้ารู้สึกว่าไม่คู่ควร เพราะในใจพวกเจ้า ชีวิตเราไม่เคยมีค่า”
“เจ้า เจ้ารู้ดีว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เจ้ากับนางจะเหมือนกันได้อย่างไร”
ถังเฉียนได้ฟังคำพูดเช่นนี้ก็รู้สึกปวดใจ รู้สึกว่าเหนือความคาดหมาย กระทั่งรู้เหตุผลที่หงหลิงเอ๋อร์คอยทำร้ายนาง ก็ผู้หญิงนี่ ที่ใส่ใจที่สุดก็คือผู้ชายของตน เมื่อมีเหตุผลเช่นนี้ ต่อให้วันหน้านางอยากจะกล่าวโทษหงหลิงเอ๋อร์ ก็คงจะทำไม่ได้
“เจ้าอยากแต่งกับนางก็แต่งไป ข้าไปทำเรื่องของข้า มีสิ่งเกี่ยวข้องกัน”
เถิงเฟิงร้องหึแล้วพูดว่า
“เจ้าต้องอยู่เพื่อเตรียมการหมั้น หลังจากหมั้นแล้ว เจ้าต้องอยู่ที่เขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับการอบรมเป็นนายแม่ เจ้าคิดว่านายแม่เป็นได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ”
“ว่าอย่างไรนะ”
ถังเฉียนไม่รู้ว่านางยังต้องอยู่เรียนที่นี่
“เผ่าพีส่าไม่ใช่แค่ดูแลเขาศักดิ์สิทธิ์ของเราเท่านั้น ยังต้องควบคุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอินทรีเงินและเผ่าหมอผี เจ้ารู้หรือไม่ว่าเฉพาะผู้คนมีมากน้อยแค่ไหน ทั้งญาติพี่น้อง ทั้งที่แต่งงานข้ามเผ่า ยังมีพิธีบวงสรวงต่างๆ ของเผ่าพีส่า ของเผ่าหมอผี เวลานี้เจ้าจะไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”
ถังเฉียนเริ่มหงุดหงิดแล้ว เดิมนางคิดว่ายอมรับแต่ในนามก็สิ้นเรื่อง ใครจะคิดว่าจะมีเรื่องมากมายเช่นนี้ตามมา จึงพูดอย่างไม่พอใจ
“อย่างนั้นข้าก็ไม่เป็นแล้ว ในเมื่อหงหลิงเอ๋อร์เป็นคนที่ถูกกำหนดไว้ภายใน เจ้าแต่งกับนางก็ดีออก เหตุใดต้องทำให้ข้าลำบากไปด้วย”
เถิงเฟิงก็พลอยโมโหด้วย เขาจึงพูดเสียงแข็ง
“ข้าไม่มีวันแต่งกับนางเด็ดขาด ต่อให้ไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่แต่งกับนาง ข้ากับนางดวงไม่สมพงษ์กัน ทั้งนางยังใจคอโหดเ**้ยม ไม่คู่ควรที่จะเป็นเมียข้า เจ้าไม่อยากเป็นก็ไม่ต้องเป็นแล้ว เพราะอย่างไรในใจเจ้าข้าเทียบเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เสียทีที่ข้าคอยช่วยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า”
ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็ถอนหายใจ เขายังมีนิสัยเป็นเด็กจริงๆ อยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร ล้วนทำตามใจตัวเอง ไม่เคยไตร่ตรองให้ดี ตนเองถูกเขาดึงเข้ามาวุ่นวาย นางไม่เคยบอกว่าอยากเป็นนายแม่อะไรนั่น ล้วนแต่เขาเป็นคนจัดแจงทั้งสิ้น ส่วนนางก็แค่ตกกระไดพลอยโจนเท่านั้น
ถังเฉียนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แล้วเบือนหน้าหนีไม่พูดกับเถิงเฟิงอีก ทั้งสองคนต่างมีโทสะ เวลานี้พูดอะไรก็รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธ สู้ต่างฝ่ายต่างปล่อยให้ใจเย็นลงก่อนดีกว่า เถิงเฟิงเห็นว่าถังเฉียนโกรธจริงๆก็หันมามองนาง แล้วยื่นมือออกมาดึงชายแขนเสื้อนาง
“นี่ โมโหจริงๆ หรือ”
ถังเฉียนร้องหึ แล้วพูดว่า
“ไม่ได้โมโห ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบข้า มีอะไรให้ต้องโมโหด้วย”
“เด็กโง่ ยังบอกว่าไม่โมโห ทำปากเบ้ออกเช่นนั้นแล้ว”
เถิงฟังจงใจผลักนางเบาๆ จากนั้นก็ทำปากเบ้เลียนแบบถังเฉียน แต่เพียงครู่เดียวก็ตีสีหน้าเคร่งขรึมตามเดิม แล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“แม้ว่าที่ข้าทำอย่างนี้จะมีเหตุผลมากมาย แต่เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าชอบเจ้า ถ้าไม่ใช่อย่างนี้ แผ่นดินกว้างใหญ่ข้ายังจะหาผู้หญิงที่ข้าชอบไม่ได้หรือ อยากเป็นผู้หญิงที่โดดเด่น ทั่วดินแดนเผ่าม้ง อยากได้เท่าไรก็ได้ แต่ผู้หญิงที่ข้าสามารถนึกถึง มีเจ้าคนเดียวเท่านั้น”
ถังเฉียนโมโหเขาจนเจ็บแผล แต่เมื่อฟังคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกวาบหวามในใจ แล้วมองดูท่าทางเถิงเฟิงจึงไม่อาจทำใจตำหนิเขาได้ จะอย่างไรเขาก็เป็นคนป่วย
ตอนที่ 213 จริงใจ
แม้จะพูดเช่นนี้ก็ตาม แต่เมื่อเห็นท่าทีเขาเช่นนี้ ถังเฉียนก็ยังผลักเขาทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยความไม่พอใจ
“เถิงเฟิง ข้าเชื่อเจ้า เพราะเจ้าเป็นเพื่อนคนเดียวของข้าในเผ่าม้ง ฮุ่ยฮุ่ยไม่ใช่คนธรรมดา นางเป็นน้องสาวข้า เป็นญาติใกล้ชิดของข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้ารู้สึกผิดต่อนางแค่ไหน ข้าต้องช่วยนาง ทุกครั้งที่ข้าเห็นนางมีท่าทางเหม่อลอย ก็รู้สึกว่าพี่สาวอย่างข้านั้นใช้ไม่ได้เลย เจ้าเองก็มีพี่ชาย เจ้าน่าจะเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้”
เถิงเฟิงคาดไม่ถึงว่าถังเฉียนจะเปิดเผยความจริงให้ตนรู้ ถึงกับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่เขาเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งในคำพูดนี้ และรู้ว่าถังเฉียนบอกความลับให้แก่คนที่นางไว้ใจเท่านั้น ความรู้สึกนี้ทำให้เขาปลื้มใจ ครู่หนึ่งจึงพูดว่า
“หรือว่า นางก็คือถังเวยที่ถูกช่วยขึ้นมาหลังจากการพลัดตกเหว”
ถังเฉียนพยักหน้า แล้วพูดว่า
“ใช่ เป็นนาง น้องสาวข้าโชคร้าย ลำบากแทบแย่กว่าจะมีครอบครัวหนึ่งช่วยเลี้ยงดู ข้ายังคิดว่านางจะสามารถอยู่อย่างสงบสุขไปชั่วชีวิต แต่เมื่อกลับมาที่จวนอ๋องถึงได้รู้ว่าครอบครัวนางถูกนิกายเทพมังกรฆ่าตายหมด ส่วนนางต้องอยู่ตัวคนเดียว ตกใจจนเสียสติ เวลานี้ดูแล้วว่ามีวิธีที่จะรักษานางได้ ข้าจึงหวังว่าเจ้าจะช่วยข้า”
เถิงเฟิงเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกกังวลใจแทนถังเฉียน ความกังวลและห่วงใยเช่นนี้มีพื้นฐานจากความเป็นห่วงถังเฉียน แต่หากจะไปที่นิกายเทพมังกรเดี๋ยวนี้เพื่อเอาวิญญาณถังเวยคืนมา ย่อมเป็นไปไม่ได้ เขาจึงต้องใช้วิธีพิเศษ หากแต่ณ ตอนนี้เขายังไม่รู้วิธีพิเศษดังกล่าว จึงจำเป็นต้องไปถามเขา บางทีพี่ชายเขาอาจะมีวิธีหรืออาจจะไม่มี แต่ต้องลองดู ถือว่าเป็นหนึ่งโอกาส
เมื่อถังเฉียนรู้เรื่องนี้ก็คลายความกังวลลงบ้าง เถิงอวิ๋นเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก เขาต่างจากคนอื่นและยังต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตัวเอง เขาเพียงทำสิ่งที่ตนเองสนใจ ส่วนฐานะและแบบแผนเป็นเรื่องรองสำหรับเขา
“เรื่องพี่ใหญ่ เจ้ามีวิธีอะไร เขาเป็นเหมือนก้อนหินหัวรั้น เว้นแต่เขาจะสนใจ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะรู้อะไรจากปากเขาแม้แต่น้อย”
ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็รู้สึกเศร้าใจ แต่นางเชื่อว่าถ้านางไปปรากฏตัวข้างกายเถิงอวิ๋น ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ไม่ใช่เพื่อเรื่องอื่น ก็แค่เพื่อตีสนิทกับเขาและพูดคุยกัน ทำเช่นนี้เรื่อยๆ ก็น่าจะมีโอกาสบ้าง
“เจ้ารู้อยู่แล้วว่าใกล้ชิดเขายาก หากเจ้าใช้วิธีนี้ เจ้าคิดว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะใกล้ชิดเขาได้ รวมทั้งถามคำถามที่เจ้าอยากรู้”
ถังเฉียนกุมหน้าผากแล้วถอนหายใจ นางเองรู้ดีว่านี่เป็นวิธีที่โง่เขลา แต่เมื่อเถิงเฟิงพูดเช่นนี้นางจึงต้องทิ้งวิธีนี้ไป
“ถ้าเช่นนั้นข้ายอมเป็นเครื่องทดลองของเถิงอวิ๋น ขอเพียงไม่คิดเอาชีวิตข้า ข้าจะร่วมมืออย่างเต็มที่”
“โง่จริง! เมื่อพี่ชายข้าทำการทดลอง จะคำนึงถึงชีวิตเจ้าหรือ”
ถัวเฉียนเบ้ปาก คิดวิธีไม่ออกแล้ว
“พอเถอะ ข้าจัดการเอง แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าถังเวยไปที่ใดแล้ว”
ถังเฉียนตีเถิงเฟิงทีหนึ่ง แล้วบอกว่า
“นางชื่อฮุ่ยฮุ่ย!”
ถังเฉียนมองดูรอบๆ ไม่เห็นถังเวย จึงออกไปบอกให้อาห่าวไปตามหา เถิงเฟิงไม่วางใจจึงตามไปด้วย ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไปไหนเสียแล้ว ทำให้ทุกคนเป็นห่วงมาก
“ฮุ่ยฮุ่ยไปหาพี่ใหญ่แล้ว รีบตามข้ามา”
เถิงเฟิงกลับมาบอก แล้วดึงถังเฉียนวิ่งออกไป