จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 220 ลวนลาม / ตอนที่ 221 รอให้เจ้าตายก่อน
ตอนที่ 220 ลวนลาม
ถังเฉียนออกมาจากโลกแห่งจิตใจของถังเวย วิญญาณนางยังคงสั่นสะเทือน เป็นความรู้สึกราวกับสมองถูกกระแทกจากด้านหน้าและหลังไม่หยุดหย่อน นางโซเซแล้วโผเขาหาอ้อมกอดของเถิงอวิ๋น
เถิงอวิ๋นยื่นมือไปประคองร่างที่โงนเงนของนาง จากนั้นก็กอดนางไว้แน่นขึ้น
“ยังเวียนหัวหรือไม่”
ถังเฉียนสั่นศีรษะ แล้วพยายามยืนตัวตรง แต่ร่างกายนางไร้เรี่ยวแรง ยังคงเวียนหัว ถึงจะสั่นหัวอย่างไรก็ยังคงเวียนหัวอยู่ เดิมเถิงอวิ๋นตั้งใจจะพยุงนางไปนั่งข้างๆ แต่เมื่อเห็นว่ามีคนหลบอยู่นอกห้อง ประตูถูกเปิดแง้มไว้ มีรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากเขา
“เด็กสาวอย่างเจ้านับว่าน่ารัก หากต้องมาตายในนี้ก็น่าเสียดาย”
“ตาย เหตุใดข้าถึงจะตาย”
เถิงอวิ๋นลูบคลำศีรษะนางเบาๆ ท่าทางทะนุถนอม แต่ไม่ได้พูดอธิบาย แต่ปล่อยให้นางกอดแน่นขึ้น
“เวียนหัวจัง ปวดหัวมาก ช่วยพยุงข้าไปนั่งได้หรือไม่”
เถิงอวิ๋นประคองนางเดินไปข้างหน้าสองก้าว เป้าหมายไม่ใช่เก้าอี้แต่เป็นเตียง เมื่อมาถึงขอบเตียง เถิงอวิ๋นจงใจดึงถังเฉียน ทำให้นางโผเข้าหาอ้อมกอดเขาตามแรงดึง ทั้งสองกลิ้งลงไปบนเตียง
“ที่แท้เจ้าหมายตาข้าไว้ เพื่อน้องสาว เจ้าถึงกับยอมมอบกายให้ข้าหรือ น้องสะใภ้”
ถังเฉียนไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ เถิงอวิ๋นจึงพูดเช่นนี้ เขาทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก แม้ว่าขณะนี้นางจะปวดศีรษะมาก แต่รู้สึกว่าเถิงอวิ๋นตรงหน้านั้นอันตรายกว่า
“พี่เถิงอวิ๋น พี่เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแต่…”
แต่ถังเฉียนไม่มีเรี่ยวแรง นางยังไม่ทันพูดต่อ เถิงอวิ๋นก็พลิกตัวขึ้นมาทับร่างนางไว้
“ไม่เป็นไร อย่างไรข้าก็ยินดีที่เป็นเช่นนี้”
เถิงอวิ๋นทับอยู่บนร่างนาง ก้มหน้าลงเตรียมจะจูบริมฝีปากถังเฉียน
“พี่ใหญ่ พี่จะทำอะไร”
เถิงเฟิงเดินเข้ามาในห้อง เขาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว แต่ไม่ได้เข้ามา เพราะรู้ว่าจะขัดขวางพิธีของพี่ชายไม่ได้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าในเวลาเช่นนี้พี่ชายจะทำเรื่องเช่นนี้ ถังเฉียนยังคงไม่มีเรี่ยวแรง เมื่อครู่ยังถูกเถิงอวิ๋นฟาดจนสลบไป
ถังเฉียนจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้ พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าในห้องมีเพียงตนเองกับ ฮว่าเหยียน นางไม่ได้ถอดหน้ากากออก จ้องมองถังเฉียนอย่างเย็นชา ทำให้นางรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“เพื่อถังเวย เจ้าถึงกับยอมตายเชียวหรือ”
ถังเฉียนไม่คุ้นกับเสียงที่แหบพร่าของฮว่าเหยียน นางจะรู้สึกรังเกียจทุกครั้งไป แต่บัดนี้ ฮว่าเหยียนในความคิดของถังเฉียนดูเหมือนจะต่างจากเดิม โดยเฉพาะเมื่อเถิงเฟิงบอกนางว่าฮว่าเหยียนช่วยชีวิตนางไว้ เข็มทองคำนั่นทำให้ความรู้สึกของนางต่อฮว่าเหยียนเปลี่ยนไป
“นางเป็นน้องสาวข้า เป็นญาติคนเดียวของข้า ข้าไม่อาจทนดูนางเซ่อซ่าเช่นนี้ไปตลอด หากสามารถรักษาได้ ข้าหวังว่า…”
“เจ้าหวังอะไร หรือเจ้าหวังว่าทุกคนจะรู้ฐานะของเจ้า เจ้าอยากตายใช่หรือไม่ แต่อย่าพลอยทำร้ายข้าไปด้วย”
ฮว่าเหยียนโกรธมาก ยังไม่ฟังถังเฉียนพูดให้จบก็บันดาลโทสะทันที ถังเฉียนเองรู้ดีว่าที่นางทำเช่นนี้เป็นการไม่รับผิดชอบ นางก้มหน้าลงพลางพูดว่า
“เจ้าอยากให้ข้าแต่งงานกับเถิงเฟิงใช่หรือไม่ แต่เขาต้องการเพียงแค่ให้ข้าช่วยรักษาอาการป่วยของเขาเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่เหมือนกับที่เจ้าคิดหรอก”
ฮว่าเหยียนพูดขึ้นทันที
“ข้าย่อมรู้”
ถังเฉียนกำชายเสื้อแน่น ไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถพูดอะไรได้อีก หากฮว่าเหยียนรู้เรื่องทั้งหมด ถ้าเช่นนั้นเวลานี้นางจะบังคับให้ตนทำเรื่องที่ตนเองไม่อยากทำหรือไม่ จะเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วใช่หรือไม่
“เจ้าต้องจำฐานะของเจ้าไว้ ก่อนที่เจ้ากับเถิงเฟิงจะหมั้นหมายกัน อย่าไปพบกับเถิงอวิ๋นอีก เข้าใกล้พี่น้องคู่นี้เกินไป ระวังไฟจะลามถึงตัว”
ฮว่าเหยียนพูดจบก็เดินออกจากห้องด้วยความโมโห
พออกจากประตู ร่างก็หายวับไปยังที่เก่า หากถังเฉียนมาเห็นฉากนี้ต้องแปลกใจมากเป็นแน่
ตอนที่ 221 รอให้เจ้าตายก่อน
ถังเฉียนพอจะเข้าใจอารมณ์ที่แปรปรวนของฮว่าเหยียนบ้างแล้ว นางเป็นคนขี้ขลาด ตนเองรู้ดี จึงไม่โกรธนางเพราะเรื่องนี้ เพราะไม่คู่ควรแม้แต่น้อย
แม้ถังเฉียนจะไม่โกรธ แต่เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องวันนี้ สิ่งที่เถิงอวิ๋นทำต่อนางนั้นก็ยังไม่ทำให้นางหายกลัว นางรู้สึกอึดอัดใจจึงเดินออกจากห้อง อยากไปสูดอากาศบ้าง
“เจ้าทำงานประสาอะไร เรื่องแค่นี้ก็ทำได้ไม่ดี ข้าจะเอาเจ้าไว้เพื่ออะไร”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทุกครั้งที่ถังเฉียนออกมาดูเหมือนจะพบเรื่องบางอย่างเสมอ บางครั้งพอแอบฟังก็จะทำให้รู้สึกหงุดหงิด นางจึงตัดสินใจเดินหนี โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงหงหลิงเอ๋อร์ ยิ่งทำให้นางอารมณ์เสีย
“ขอโทษเจ้าค่ะ คุณหนูหง คราวหลังข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว”
ถังเฉียนส่ายหน้า สาวใช้คนนั้นทำให้หงลิงเอ๋อร์โมโหถือว่าโชคร้าย แต่เหมือนดังที่ฮว่าเหยียนพูดไว้ว่านางไม่สามารถปกป้องทุกคนได้ ที่จริงนางต่างหากที่เป็นคนที่ต้องการการปกป้อง ถังเฉียนเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วได้ยินเสียงแก้วแตก ตามด้วยเสียงเกรี้ยวกราดของหงหลิงเอ๋อร์
“หึ นางสารเลว ดูซิ ข้าจะทำให้หน้าเจ้าเสียโฉม เจ้ายังจะออกไปหาผู้ชายได้อีกหรือไม่”
เมื่อถังเฉียนได้ยินเสียงเด็กสาวผู้นั้นร้องไห้ ในที่สุดก็ไม่อาจผละไป
“หงหลิงเอ๋อร์ ที่นี่เป็นเผ่าพีส่าไม่ใช่เผ่าหมอผีของเจ้า หากสาวใช้นางนี้รับใช้เจ้าไม่ดี เจ้าก็ไปจากที่นี่ได้ ไม่มีใครเชิญให้เจ้าอยู่”
ถังเฉียนพูดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย แต่สองคนนี้เป็นเหมือนน้ำกับไฟ ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่อาจเป็นเพื่อนกันได้
โดยเฉพาะถังเฉียนยังรู้มาว่าหงหลิงเอ๋อร์เมื่อก่อนเป็นผู้หญิงที่ถูกกำหนดไว้ของเถิงเฟิง จึงยิ่งไม่พอใจนางมากขึ้น
“อวดเบ่งอำนาจเช่นฮูหยินออกมาแล้วหรือ เจ้าเป็นใครกัน คิดว่าตัวเองบินขึ้นไปบนกิ่งไม้แล้วหรือ เจ้าก็เป็นแค่กระสายยาให้คุณชายเถิงเฟิง รอให้เจ้าตายก่อน…”
“หงหลิงเอ๋อร์ หุบปากเสีย!”
ถังเฉียนรู้สึกว่าคำพูดนี้ช่างน่ากลัวมาก แต่การปรากฏตัวของอิ๋นซานทำให้นางต้องกลืนคำพูดที่เตรียมไว้ลงไป ใบหน้าฉายแววเคืองแค้น ถังเฉียนแปลกใจมาก อิ๋นซานแสดงอำนาจต่อหงหลิงเอ๋อร์ ทั้งยังพูดตำหนิว่า
“ท่านป้าลงโทษเจ้าให้กักตัวสำนึกผิด เดิมทียกโทษให้เจ้าครั้งหนึ่งเพราะคิดว่าเจ้าสำนึกผิดแล้ว แต่ดูจากวันนี้แล้ว เกรงว่าเจ้ายังไม่สำนึกว่าตัวเองทำผิดอย่างแท้จริง พรุ่งนี้จงกลับไปเสีย ไม่ต้องอยู่ที่นี่อีก เราไม่กล้าปกป้องเจ้าแล้ว”
ถังเฉียนรู้ว่าที่อิ๋นซานทำเช่นนี้เพื่อปิดปากหงหลิงเอ๋อร์และให้นางรู้ว่าเมื่อครู่ตนเองพูดผิดไปแล้ว แต่ยิ่งทำเช่นนี้ถังเฉียนกลับยิ่งรู้สึกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าพีส่ายิ่งลึกล้ำสุดคาดเดา ผู้คนที่นี่ยิ่งน่ากลัว
“หลิงเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว เมื่อครู่เป็นการพลั้งปากไป ฮูหยินโปรดอย่าโมโห แม้จะบอกว่าข้าอยากกลับไป แต่ยังทำเรื่องที่บิดาสั่งไว้ไม่เรียบร้อย ข้าไม่กล้ากลับไปเช่นนี้ ฮูหยินโปรดยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะ”
อิ๋นซานเห็นว่านางรู้จักอ่อนข้อ จึงโบกมือให้นางออกไป แล้วหันมากุมมือถังเฉียนไว้ สีหน้าอ่อนโยนมาก
“ได้ยินเฟิงเอ๋อร์บอกนานแล้วว่าเด็กอย่างเจ้าจิตใจงดงามที่สุด แม้แต่สาวใช้ถูกรังแกก็ยังรู้จักแยกแยะ แต่เขาศักดิ์สิทธิ์เรามีผู้คนมากมาย จะอย่างไรก็คงดูแลไม่ทั่วถึง คนเหล่านี้เป็นเด็กสาวจากห้าเผ่า ฐานะก็เป็นเช่นนี้ เจ้ายังอุตส่าห์ออกหน้าช่วยพวกเขา”
ถังเฉียนฟังที่นางจงใจพูดชม ในใจกลับยิ่งนึกถึงคำพูดของหงหลิงเอ๋อร์
“เมื่อครู่นางบอกว่ารอให้ข้าตายก่อน นางก็จะมาแทนที่ข้าได้ ฮูหยิน ที่นางพูดจริงหรือไม่”
ดวงตาฮูหยินฉายแววสับสนออกมา แต่การผ่านการอบรมที่ดีของนางช่วยปิดบังให้ผ่านไปได้ นางใช้รอยยิ้มสลายความรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อครู่
“นางพูดจาเหลวไหล เจ้าอย่าใส่ใจเลย เจ้าต้องจิตใจหนักแน่น”