จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 232 โรคประหลาด / ตอนที่ 233 ถูกปรักปรำ
ตอนที่ 232 โรคประหลาด
เหวินเยียนนิ่งคิดทบทวนครู่หนึ่งแล้วจึงยอมพูด แต่ครั้งนี้นางดึงตัวถังเฉียน ขยับเข้ามาใกล้อย่างระวังตัว
“ที่จริงเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าคุณชายเถิงเฟิงป่วยเป็นโรคประหลาด แม้ว่าคนรับใช้อย่างพวกเราจะไม่รู้ว่าโรคที่ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ข้าได้เห็นตอนที่นางตาย ร่างนางถูกดูดเลือดไปจนเหือดแห้ง เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ช่างน่ากลัวจริงๆ”
เมื่อถังเฉียนฟังที่นางพูด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงต้องคิดว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ขณะนี้นางเชื่ออย่างสนิทใจ เหวินเยียนเล่าต่อด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“วันนั้นท่านหัวหน้าผู้บวงสรวงและฮูหยินท่าทางเครียดเป็นพิเศษ คุณชายรองถูกกักไว้ที่หลังเขา คุณชายใหญ่ท่าทางเหมือนโกรธมาก ตอนนั้นคนที่คอยรับใช้คุณชายใหญ่ไม่ใช่ข้า วันนั้นเด็กสาวที่รับใช้คุณชายใหญ่ก็หายตัวไปเช่นกัน ขณะนั้นทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คิดว่า…”
ความหมายของเหวินเยียนคือสาวใช้คนนั้นถูกดูดเลือดจนแห้งเช่นเดียวกัน แต่ที่ถังเฉียนไม่เข้าใจก็คือเหตุใดเหวินเยียนรู้ว่าเถิงเฟิงน่ากลัว แต่นางกลับไม่หลีกห่าง
“เหตุใดเจ้าจึงไม่กลัวเถิงเฟิง”
เหวินเยียนยิ้มแล้วว่า
“ก่อนนี้คุณชายรองบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แม้เขาจะเล่นหัวกับสาวใช้อย่างพวกเรา แต่เขาก็ยังเป็นเจ้านายเสมอ แต่เขาใส่ใจคำพูดทุกประโยคของอาหรูน่า ทั้งยังให้ความสำคัญมาก ได้ยินว่าตั้งแต่แรกนางก็ถูกกำหนดให้เป็นยาของคุณชายรองแล้ว ทั้งยานี้ต้องทำพิธีบวงสรวงทุกสิบปี ต้องใช้คนที่มีจิตใจเข้าถึงกันกับคุณชายรอง ดังนั้น…”
คำพูดของเหวินเยียนส่วนหนึ่งเป็นเสียงร่ำลือ ที่มากกว่าคือการคาดเดาของนางเอง แต่ถังเฉียนสามารถสืบหาความจริงจากในนี้ได้
“แม่นางคนนั้นตายแล้ว ตายในสภาพที่น่าอนาถมาก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเถิงเฟิง ที่สำคัญที่สุดคือทั้งเผ่าพีส่าล้วนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่างมิดชิด”
เหวินเยียนสิ่งที่เล่าที่นางรู้ทั้งหมดให้ถังเฉียนฟัง ส่วนเรื่องอื่นคิดว่าสาวใช้อย่างนางคงไม่รู้ แม้ถังเฉียนจะโกรธแค้นที่นางทำร้ายน้องสาวตน แต่ถึงอย่างไรก็ลงโทษนางไปแล้ว จึงเลิกล้มความคิดที่จะปลิดชีวิตนาง ถังเฉียนยกน้ำมาชามหนึ่ง หยดเลือดของตนลงไปในน้ำเพื่อช่วยให้อาการบาดเจ็บของนางหายเร็วขึ้น วันนี้นางเล่าความจริงให้ฟังแล้ว ทั้งสองก็ถือว่าเสมอกันแล้ว
เหวินเยียนไม่ได้นึกระแวงถังเฉียน นางไม่คิดว่าตนเองรู้อะไรที่ทำให้สมควรตาย นางเชื่อว่าถังเฉียนแค่อยากรู้เรื่องนี้ ส่วนนางเองโชคร้ายที่ถูกนางจ้องไว้
เหวินเยียนดื่มน้ำหมดชาม ถังเฉียนเดินออกจากห้อง สั่งอาห่าวให้ไปตามฉู่จิ่งเหยามา จะขอร้องให้เขาช่วย แต่อาห่าวเพิ่งก้าวเท้าออกไป เหวินเยียนก็หวีดร้องแล้วกระอักเลือดหลายครั้ง นางหมดสติไปทันที ถังเฉียนไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ๆ นางจึงเป็นเช่นนี้ จึงรีบกรีดแขนตัวเองอยากช่วยชีวิตนาง แต่น่าเสียดายว่าเหวินเยียนยิ่งดื่มเลือดนางกลับยิ่งกระอักเลือดไม่หยุด ก่อนที่หมอผีคนอื่นจะมาถึง นางได้สิ้นใจไปแล้ว
เถิงเฟิงกับคนอื่นๆ มาถึงแล้ว เห็นภาพที่น่ากลัว ดูเหมือนเขาอยากเชื่อว่าถังเฉียนไม่ใช่คนทำ แต่เถิงอวิ๋นลงมือตรวจสอบวิญญาณ ผลก็คือชี้ไปที่ถังเฉียน
“เจ้ายกน้ำมาให้นางดื่ม แล้วนางก็เสียชีวิตใช่หรือไม่ ยังมีสิ่งใดจะพูดอีก”
ถังเฉียนมองดูแขนตนเองที่หายสนิทแล้ว พูดอย่างจนใจว่า
“ถ้าข้าจะบอกว่า เมื่อคืนข้าทำร้ายนาง วันนี้ข้าเกรงว่านางยังไม่หายบาดเจ็บจึงกรีดนิ้วตัวเองหยดเลือดลงไปในชาม หวังให้อาการของนางหายเร็วขึ้น หากข้าบอกว่าข้าคิดเช่นนี้ จะมีคนเชื่อหรือไม่”
หากเหวินเยียนไม่ตาย เถิงเฟิงย่อมเชื่อคำพูดของถังเฉียน แต่เหวินเยียนนอนตายอยู่ตรงหน้า ทั้งในที่เกิดเหตุมีเพียงถังเฉียนเท่านั้นและนางเป็นคนเดียวที่สัมผัสกับยาพิษ
ตอนที่ 233 ถูกปรักปรำ
“น้ำในชามนี้มีน้ำพุถังหมิงซึ่งมีพิษร้ายแรง เกรงว่าจะตรงกันข้ามกับที่เจ้าบอกว่าเป็นยาบำรุง”
“เป็นไปไม่ได้ น้ำพุถังหมิงจะขุ่น ถ้าปนลงไปเหตุใดจึงสังเกตไม่เห็น นางก็ไม่ใช่คนโง่ เหตุใดต้องดื่มเล่า”
ถังเฉียนพูดแก้ต่างให้ตัวเอง ในตัวนางมีน้ำพุถังหมิงจำนวนมาก หากนางจะใช้ยาพิษนี้สังหารคน ก็จะไม่มีโอกาสแก้ตัวได้ ในเมื่อมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุพร้อม ยังจะแก้ตัวเช่นไรได้อีก
“เช่นคงต้องตรวจสอบวิญญาณเจ้า หรือตรวจค้นห้องเจ้าก็จะรู้ได้ ขออภัยด้วยอาหรูน่า”
เถิงอวิ๋นเหลือบมองนางด้วยสายตาที่มีความหมายล้ำลึก สายตานั้นทำให้ถังเฉียนรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวลึก นางเพิ่งรู้ว่าอาหรูน่าคนก่อนตายอย่างไร เกรงว่าตัวเองคงต้องเดือดร้อนแน่นอนแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเถิงอวิ๋นน่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดและน่าจะรู้ก่อนแล้ว
“ไม่ต้องค้นหรอก”
ถังเฉียนหยิบขวดหยกสีขาวออกจากกล่องผ้าในชายแขนเสื้อให้ทุกคนดู
“ข้ามีน้ำพุถังหมิงเแล้วจะเป็นอย่างไร คนมากมายต่างรู้ว่าข้ามี แล้วจะอธิบายสิ่งใดได้อีก นี่เป็นอาหารของเสี่ยวจิน เถิงเฟิงรู้ อาจารย์ก็รู้ แต่ข้าไม่ได้ฆ่านาง หากข้าอยากฆ่านางจริง แค่อ้างโทษอะไรก็ได้ ถ้าทำไม่ได้ แค่ให้เสี่ยวจินเจาะรูบนคอนางก็ยิ่งง่ายดาย หากข้าไม่อยากให้ใครรู้ ยังมีอีกสารพัดวิธี คงไม่โง่เขลาถึงขั้นตัวเองมาเทยาพิษให้นางดื่มหรอก แล้วร้องเรียกให้พวกเจ้ามาจับ”
เถิงอวิ๋นเปิดขวดหยกออกดูแล้ววางลง
“ต่อให้เจ้าพูดแก้ตัวอย่างไร แต่มีทั้งพยานบุคคลพยานวัตถุ เหวินเยียนเป็นคนของข้า แม้นางจะเป็นคนระดับล่าง แต่ไม่ควรถูกใครฆ่าตายตามใจชอบ ถึงอย่างไรก็ต้องชี้แจ้งกับข้า”
คำว่าชี้แจงคือคุมตัวนางไว้ใช่หรือไม่ เขาอยากทำสิ่งใดกันแน่”
เถิงเฟิงมองดูถังเฉียน แล้วพูดว่า
“อาหรูน่าไม่ใช่หญิงที่ใจคอโหดร้าย ในเมื่อเหวินเยียนไม่ได้ทำอะไรผิดต่อนาง ย่อมไม่จำเป็นต้องฆ่านาง เรื่องนี้น่าจะมีอะไรที่เข้าใจผิด พี่ใหญ่เป็นคนฉลาด เหตุใดจึงดูไม่ออกว่านี่เป็นอุบายที่วางไว้อย่างแยบยล”
อุบาย?
เถิงเฟิงไม่ค่อยพูด แต่คำพูดนี้กลับเป็นประโยชน์มาก ความปรารถนาที่จะเอาตัวรอดของถังเฉียนรุนแรงมาก เถิงเฟิงอุตส่าห์วางใจนางถึงเพียงนี้
“ความหมายเจ้าก็คือนางไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าเหวินเยียน ถ้าหากข้ารู้เหตุผลและแรงจูงใจเล่า”
คำพูดของเถิงอวิ๋นทำให้ทุกคนประหลาดใจ เหตุใดถึงมีเหตุผล ผู้คนที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้าสว่างแล้ว ย่อมรู้ถึงหูบรรดาผู้ใหญ่ ถังเฉียนยืนอยู่หน้าบันได เถิงอวิ๋นขอให้คนอื่นถอยห่างออกไป เหลือเพียงคนในครอบครัวรอให้เขาพูดถึงเหตุผลของถังเฉียน
“ถ้านางรู้แล้วว่าอาหรูน่าคนก่อนตายอย่างไร ท่านพ่อ ท่านแม่ อาหรูน่าจึงคิดฆ่านางเพื่อจะได้มีความผิด จากนั้นก็ถูกส่งออกไปจากเขาศักดิ์สิทธิ์ บางทีเหตุผลนี้อาจจะฟังดูไร้สาระ แต่ข้าคิดว่านางคิดอย่างนี้จริงๆ”
ถังเฉียนฟังที่เถิงอวิ๋นพูดถึงกับตะลึงงัน เหตุใดนางคิดไม่ถึงว่าวิธีนี้ทำให้ไปจากเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ นางเผยอปากจะโต้แย้ง แต่เถิงเฟิงถามว่า
“เจ้าบอกว่านางรู้ นางรู้สิ่งใดหรือ”
พอพูดจบก็หันมาทางถังเฉียน แล้วถามอย่างจริงจัง
“เจ้าจับเหวินเยียนไว้ เพราะอยากรู้ว่าอาหรูน่าตายอย่างไรใช่หรือไม่ พอเจ้ารู้แล้ว กลัวว่าข้าจะทำร้ายเจ้า เลยฆ่าเหวินเยียน คิดว่าทำอย่างนี้แล้วข้าจะเข้าใจเจ้าผิด แล้วไล่เจ้าออกไปจากเขาศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่”
ถังเฉียนกำหมัดแน่น มองดูทุกคน แล้วพูดว่า
“หงหลิงเอ๋อร์บอกข้าว่าข้าต้องตายเร็วๆ นี้ ฟางเอ๋อร์ก็พูดว่าข้าต้องตายในไม่ช้า แม้แต่บรรดาสาวใช้ในจวนก็ซุบซิบกัน ข้าบาดเจ็บหนักกลายเป็นยาให้คุณชายรอง หงหลิงเอ๋อร์ก็จะแทนที่ข้ากลายเป็นฮูหยินตัวจริง ข้านึกกลัว จึงไปหาพี่เถิงอวิ๋น เขาบอกว่าเขาไม่รู้ ให้ข้าไปถามเหวินเยียน แต่เด็กสาวคนนี้หยิ่งผยองมาก ข้าจึงใช้อุบาย…”