จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 260 ค่ายใหญ่เหนือ / ตอนที่ 261 ขวัญผวากลางดึก
ตอนที่ 260 ค่ายใหญ่เหนือ
ที่ถังเฉียนกังวลนั้นมีเหตุผล แต่ที่ฉู่จิ่งเหยาคิดกลับแม่นยำกว่า ปรากฏว่าระหว่างเดินทางไปยังค่ายใหญ่เหนือราบรื่นดี แต่พอมาถึงค่ายใหญ่เหนือสภาพก็เปลี่ยนไป คณะของซูซินเหลียนมาถึงหมดแล้ว พอเห็นท่าทางซอมซ่อของถังเฉียนและฉู่จิ่งเหยา ซูซินเหลียนหรือพูดได้ว่าซูซินก็อดยิ้มเยาะไม่ได้
“ท่านหมอ ดวงแข็งจริงนะ ระหว่างทางได้ข่าวว่าเรือเหาะของเผ่าอินทรีเงินที่ท่านต้องการนั่งให้ได้ ร่วงลงมาจากฟ้า ไม่รู้ว่าท่านใช้เวทย์มนตร์อะไรถึงไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย”
แม้ซูซินจะพูดจาแดกดัน แต่เรื่องนี้ก็น่าแปลกจริงๆ
“นี่ไม่ใช่ผลงานข้า แต่เป็นท่านอ๋องวรยุทธ์แข็งกล้า ท่านอ๋องช่วยชีวิตข้าไว้”
ซูซินเหลียนร้องหึอย่างเย็นชา สายตาจับจ้องที่ถังเฉียนครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้าไปในกระโจมของตน เดิมฉู่จิ่งเหยานึกอยากปลอบใจถังเฉียน เพื่อไม่ให้นางใส่ใจกับคำพูดของซูซินเหลียน แต่ถังเฉียนกลับเดินตามนางเข้าไปในกระโจม ทุกคนมองหน้ากันไปมา คาดเดาว่าในนั้นจะเกิดการทะเลาะกัน แต่กลับเหนือความคาดหมายของพวกเขา ซูซินเข้ากับถังเฉียนได้ดีเป็นพิเศษ
“เจ้าสามารถรอดชีวิตมาได้แสดงว่าเจ้าไม่ธรรมดา คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อกรของข้า”
ถังเฉียนแปลกใจที่นางเปลี่ยนท่าทีเร็วเช่นนี้ นึกเสมอว่ามีสองคนอาศัยอยู่ในร่างนาง
“ขณะนี้มีข้าคนเดียวเท่านั้น ข้ารู้ว่าเจ้าแปลกใจมาก แต่ข้ากุมความลับของเจ้าไว้ในมือ ข้าเจอเรื่องเดือดร้อนก่อนแล้ว เจ้าต้องช่วยข้า”
เป็นไปตามที่คาดไว้ ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่เผชิญกับเรื่องเดือดร้อน ย่อมไม่ยอมก้มหัวให้ถังเฉียนเด็ดขาด ความแตกต่างที่สุดระหว่างซูซินกับซูซินเหลียนก็คือซูซินรู้จักก้มหัว ทั้งการพูดจาก็ต่างจากพวกเขามาก ถังเฉียนอ่านจดหมายของซูซินเหลียน จากนั้นจึงยิ้มแล้วว่า
“เจ้าไม่รู้ว่าซูซินเหลียนใช้ชีวิตอย่างไร ยังไม่รู้ด้วยว่าจะทำอย่างไรจึงจะไม่ทำให้พวกเขาสงสัย เจ้าต้องการการปกป้องของสกุลซู เจ้าฉลาดมาก แต่เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าข้ารู้จักซูซินเหลียนตัวจริงว่าเป็นคนอย่างไร? แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าจะช่วยเจ้า”
ซูซินร้องหึ แล้วพูดว่า
“นับจากวันนี้เป็นต้นไปข้าจะใช้ฐานะของซูซินเหลียนมีชีวิตอยู่ต่อไป เจ้าต้องยืนยันว่าข้าความจำเสื่อม ไม่ใช่ถูกผีสิง อย่าให้ถูกคนทำร้ายก็พอ เรื่องอื่นข้าจัดการเอง”
ถังเฉียนว่า
“ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องดี ข้าจะช่วยอย่างเต็มที่ แต่โทษฐานวางแผนสังหารท่านอ๋องหนักมาก ต่อให้พ่อเจ้าเป็นมหาเสนาบดีก็เกรงว่าเจ้ายากที่จะพ้นผิด ในเมื่อท่านอ๋องยอมไว้ชีวิตเจ้า เจ้าไปขอร้องท่านอ๋องเสียดีกว่า”
ซูซินไม่ใส่ใจถังเฉียน ที่บอกกับนางก็เพื่อให้นางทำเรื่องของตนเองให้ดี เรื่องอื่นนางย่อมมีแผนในใจ ถังเฉียนเหนื่อยยากมานาน ลำบากแทบแย่กว่าจะมีโอกาสได้พักเต็มที่ ย่อมไม่อยากเสียเวลากับซูซินจึงออกมาจากกระโจม ข้างนอกมีผู้คนห้อมล้อมมากมาย แต่สายตาของจื่อเย่ว์ที่จ้องมองถังเฉียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“จื่อเย่ว์ ไม่พบกันนาน”
จื่อเย่ว์ดึงมือถังเฉียนพาไปข้างๆ คนที่มามุงดูทยอยกันแยกย้ายไป ขณะที่สายตาของเหวินเยียนจับจ้องที่ถังเฉียนตลอดเวลา
“ท่านหมออาหรูน่า ครั้งนี้โชคดีที่ท่านช่วยชีวิตท่านอ๋อง ข้าตกใจแทบตายตอนที่ได้ยินว่าเกิดเรื่อง แต่ว่าเหตุใดท่านหมอให้ท่านอ๋องพาหญิงสารเลวคนนั้นกลับมาด้วย”
จื่อเย่ว์ดึงนางมาข้างๆ แล้วพูดเช่นนี้ นับว่าจื่อเย่ว์ไว้ใจนางมาก
“ข้าไม่อาจแทรกแซงการตัดสินใจของท่านอ๋อง อีกอย่างข้าคิดว่าจะอย่างไรซูซินเหลียนก็เป็นคนของสกุลซู ไม่มีเหตุผลที่จะสังหารนางโดยพลการ ต่อให้นางกลับมาเมืองหลวงแล้วก็ยากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้ ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงความปลอดภัยของท่านอ๋อง แต่เวลานี้นางไม่มีกรงเล็บแล้ว คงยากที่จะทำอะไรได้”
จื่อเย่ว์ได้ยินเช่นนี้จึงคลายความกังวลลง แล้วพาถังเฉียนเดินดูค่ายใหญ่เหนือ นางคุ้นเคยกับที่นี่มาก ได้ยินว่าพ่อครัวที่นี่ทำลูกแพะหันได้เยี่ยม ตั้งใจทำอาหารจานนี้ต้อนรับฉู่จิ่งเหยากับคณะโดยเฉพาะ
ตอนที่ 261 ขวัญผวากลางดึก
ถังเฉียนมาถึงค่ายใหญ่เหนือ ที่นี่มีกำลังทหารกว่าสามหมื่นนายจึงรู้สึกว่าค่อนข้างที่จะปลอดภัย ทำให้นางสามารถกินและนอนอย่างสบายใจขึ้นมาหน่อย หลังจากที่กินลูกแพะหันที่มันเยิ้มแต่ไม่เลี่ยนเสร็จแล้ว ถังเฉียนก็เตรียมตัวเข้านอน คืนนี้ลมสงบจันทร์กระจ่าง แสงจันทร์สาดเข้ามาในกระโจม ถังเฉียนนอนหลับสนิท ขณะที่พลิกตัวก็รู้สึกว่ามีคนอยู่ข้างๆ ตน
ถังเฉียนลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย แล้วเห็นหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเตียง หันหลังให้แสงจันทร์ เห็นใบหน้าไม่ชัด
“ใคร?”
ถังเฉียนชักมีดสั้นออกมาจากใต้หมอน เกือบจะลุกพรวดขึ้นทันที เหวินเยียนรีบคุกเข่าลง แล้วพูดว่า
“เจ้านาย ข้าเอง เหวินเยียน”
ถังเฉียนขยี้ตา แล้วเห็นว่าเป็นนางจริง จึงคลายความกังวลลงช้าๆ ดึกดื่นเช่นนี้ จู่ๆ นางมาปรากฏตัวข้างตน น่าตกใจจริงๆ ถังเฉียนลุกนั่งพลางดึงนางให้นั่งลงข้างตน
“มีเรื่องอะไรหรือ ดึกป่านนี้แล้วเหตุใดจึงมายืนอยู่ที่นี่”
ทั้งๆ ที่ในกระโจมมีเพียงพวกนางสองคนเท่านั้น แต่เหวินเยียนก็ยังขยับเข้ามากระซิบข้างหูถังเฉียนสองสามประโยค ถังเฉียนยิ่งฟังก็ยิ่งตื่นตระหนก เป็นไปตามคาด ทุกอย่างจะเริ่มขึ้นอย่างแท้จริงต่อเมื่อมาถึงค่ายใหญ่เหนือ
“คืนนี้ พวกท่านเตรียมลงมือหรือ”
เหวินเยียนพูดอย่างระมัดระวัง
“เราไม่ต้องลงมือเอง เพียงแต่รอให้ถึงเวลาช่วยคน เจ้านายลงมือเพียงเล็กน้อย ให้ท่านอ๋องตายเร็วขึ้นก็พอ พวกเราก็จะพ้นผิด”
“จริงสิ ถึงตอนนั้นข้าก็จะได้อยู่กับน้องสาวแล้ว”
ถังเฉียนแกล้งพูดเช่นนี้ จากนั้นจึงลุกขึ้นในชุดนอน เดินออกไปข้างนอก เหวินเยียนรีบคว้ามือนาง แล้วพูดอย่างร้นรนว่า
“เจ้านาย จะไปที่ใดเจ้าคะ”
แววตาถังเฉียนใต้แสงจันทร์ดูน่ากลัว นางพูดอย่างเย็นชาว่า
“แน่นอนว่าจะออกไปดูว่าพวกเจ้าทำสิ่งใดกันแน่ คราวก่อนพวกเจ้าตั้งใจจะกำจัดข้าไปด้วย อย่าคิดว่าข้าโง่นะ ถ้าข้าพบว่ามีอะไรที่ส่งผลร้ายต่อข้า ข้าจะร่วมมือกับฉู่จิ่งเหยาสู้ตายกับพวกเจ้า”
“เรื่องนี้…เรื่องคราวก่อนคุณชายใหญ่ไม่ใช่คนจัดการ ท่านอย่าเข้าใจผิด!”
ถังเฉียนผลักเหวินเยียนออกไป
“ข้าจะกล้าเชื่อพวกเจ้าได้อย่างไร ครั้งแรกที่ข้าเชื่อเถิงอวิ๋น ก็เกือบตกลงมาจากท้องฟ้า ที่ไม่ตกลงมาตายก็ต้องขอบใจที่ข้าดวงแข็ง”
ถังเฉียนพูดจบก็เดินออกไปนอกกระโจม ครั้งนี้คนพวกนี้โหดเ**้ยมมาก นางเกรงว่าฉู่จิ่งเหยาจะรับมือไม่ได้ นางต้องหาโอกาสไปเตือนให้เขารู้หรือให้คนช่วย
แต่เหวินเยียนคอยตามนางตลอดเวลา ถังเฉียนต้องสลัดให้พ้นจากนางจึงจะมีโอกาส
นางบุกมาถึงนอกกระโจมของฉู่จิ่งเหยาเร็วมาก มองดูรอบๆ ไม่มีใคร จึงบุกเข้าไปในกระโจมโดยตรงอย่างไม่ต้องคิดให้มากความ ทำเช่นนี้จึงจะช่วงชิงเวลาได้ สามารถเตือนฉู่จิ่งเหยาได้ทันกาล
ถังเฉียนเพิ่งเข้ามาในกระโจม ก็มีคนโผออกมาจากด้านข้างรัดคอนางไว้ รัดแรงจนนางแทบหายใจไม่ออก ถังเฉียนจำได้ว่าฉู่จิ่งเหยาสอนว่าในสถานการณ์เช่นนี้ต้องเล่นงานที่ตัวงู จัดการอีกฝ่ายอย่างเฉียบขาด จึงจะมีโอกาสรอด นางคลำไปที่ข้อศอกฝ่ายตรงข้ามเตรียมจะออกแรง ทันใดนั้นทั่วกระโจมก็สว่างจ้าขึ้น
“อาหรูน่า เหตุใดจึงเป็นเจ้า”
ถังเฉียนเงยหน้าขึ้น เห็นสายตาที่แข็งกร้าวของฉู่จิ่งเหยาเขาคลายมือออกเล็กน้อย คนข้างนอกทั้งหมดบุกเข้ามาข้างใน ถังเฉียนเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็เข้าใจทันที มีเพียงนางเท่านั้นที่โง่งม ที่เชื่อว่าที่นี่ปลอดภัย
“เป็นเจ้าเองที่จะลอบสังหารท่านอ๋อง ท่านอ๋อง หมอผีคนนี้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ”
เจิ้งจยาเฉิงเข้ามาในกระโจม คราวก่อนเขาถูกลดตำแหน่ง ครั้งนี้ถังเฉียนไม่รู้ว่าตนเองต้องเอ่ยปากอีกหรือไม่ นางเกรงว่าถ้าเขาถูกลดตำแหน่งและตัดเบี้ยหวัดอีก ถึงตอนนั้นจะเลี้ยงตัวเองรอด
“อธิบายมา”