จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 274 หลบซ่อน / ตอนที่ 275 ลองทำดู
ตอนที่ 274 หลบซ่อน
ถังเฉียนฟังที่นางพูดก็รู้สึกว่าน่าขำ คนอย่างซูซินเรียกพ่อของซูซินเหลียนได้อย่างคล่องปากนัก
“เจ้าไม่ไว้ใจพ่อเจ้ากับอาหญิงเจ้าขนาดนี้เชียวหรือ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้าหรือที่ร้องบอกว่าพ่อเจ้าเป็นมหาเสนาบดี อาหญิงเป็นกุ้ยเฟย ถ้าพวกเขา…”
ถังเฉียนยังพูดไม่จบ ซูซินเหลียนก็ชิงพูดขึ้นว่า
“ถ้าข้าไม่พูดเช่นนั้น เจ้าคงไม่คิดว่าข้าโง่เขลาจริงๆ ถ้าสองคนนั้นรักข้าจริง จะผลักข้าลงไปในกองไฟหรือ”
คำพูดนี้ชัดเจนมาก แต่ขณะที่มองถังเฉียน ก็ตั้งใจเลียนเสียงว่า
“ข้าไม่ใช่คนโง่อย่างนั้น!”
ถังเฉียนส่ายหัว นางรู้ดีว่าซูซินฉลาดกว่าซูซินเหลียนมาก แต่ดูนางจะวางตัวตามสบาย พอเปลี่ยนชื่อเป็นซูซินเหลียนก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะ เถิงอวิ๋นบอกถังเฉียนว่าซูซินเหลียนที่แท้จริงได้สูญสลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นซูซินก็คือซูซินเหลียน นางอยากทำอะไรกับตัวเองย่อมทำได้เต็มที่
“ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เราควรจะทำเช่นไร”
หวังหลงคิดไม่ออก ได้แต่มองดูคนทั้งสอง รอฟังคำสั่ง
“ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก จะกลัวอะไร…”
ซูซินเหลียนเพิ่งพูดจบ หวังหลงรีบดึงตัวหญิงทั้งสองให้หลบมาข้างๆ จากนั้นก็มีทหารราชองครักษ์ควบม้าผ่านพวกเขาไป คงจะไปแจ้งทหารที่เฝ้าประตูเมืองห้ามไม่ให้พวกเขาออกนอกเมือง
ถังเฉียนจนปัญญา แล้วนึกขึ้นได้ว่าครอบครัวนางยังมีบ้านในเมืองหลวงหลังหนึ่ง แม้จะไม่มีคนอาศัยแล้ว แต่เป็นบ้านที่สืบทอดของตระกูล ฝ่าพระบาทไม่ได้สั่งยึดบ้าน น่าจะยังอยู่และไม่มีคนอาศัย พวกเขาสามารถไปพักได้ชั่วคราว ถังเฉียนคิดเช่นนี้แล้วบอกแผนนี้กับหวังหลงและซูซินเหลียน จากนั้นจึงพาคนทั้งสองไปยังบ้านตน
ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นเหมือนปรากฏชัดเจนตรงหน้า เวลานี้มีเพียงบ้านแต่กลับไม่มีผู้คนอีกแล้ว ใบหน้าถังเฉียนซึ่งซ่อนอยู่หลังหน้ากากแสดงสีหน้าอ่อนล้า ถัดจากนั้นนางก็พาคนทั้งสองเข้าไปในบ้าน ที่นี่ไม่มีคนดูแล มีป้ายยึดของทางการติดไว้ ถังเฉียนเข้าทางประตูหลัง เนื่องจากบ้านนางตั้งอยู่ในที่ค่อนข้างเปลี่ยว ปกติไม่คอยมีคนไปมา
“เราพักที่นี่ก่อน แต่ตอนนี้เราต้องคิดหาวิธี รับมือ เราต้องชิงตัดหน้าอันกุ้ยเฟย เอาป้ายพยัคฆ์ไปพบท่านอ๋อง ฝ่าพระบาททรงมอบปัญหายากให้เรา พระองค์ไม่สนพระทัยว่าใครถูกหรือผิด ทรงดูเพียงว่าใครแพ้ใครชนะ”
ถังเฉียนพูดจบ หวังหลงรู้สึกว่าปวดหัว เขาเกาศีรษะแต่ไม่พูดอะไร แต่ซูซินเหลียนบอกว่า
“ที่พูดนั้นถูกต้อง แต่เราจะทำอย่างไรถึงจะหนีออกไปจากเมืองเจาหยางได้ เราไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ดูแล้วคงจะส่งป้ายพยัคฆ์ออกไปในทันทีไม่ได้ สู้รักษากำลังไว้ก่อนดีกว่า รอดูว่าจะมีโอกาสอะไรบ้าง”
ถังเฉียนพยักหน้า ไม่กังวลกับเรื่องนี้ ทั้งสามคิดหาวิธีอยู่ในลานบ้าน หวังหลงตบศีรษะตนเองแล้วพูดว่า
“ท่านหมอ พระชายารอง หวังหลงคิดว่ามีคนผู้หนึ่งพอจะช่วยได้ ถ้าหากให้เขาปล่อยเราออกไป บางทีอาจมีโอกาส”
ซูซินเหลียนพูดทันที
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่ไปหาเขา”
ถังเฉียนกลับขวางหวังหลงไว้ แล้วพูดว่า
“คนที่เจ้าพูดถึงมีตำแหน่งใด ท่านอ๋องเคยบอกหรือไม่ว่าเรื่องของท่านมีคนรู้มากน้อยเท่าใด?”
หวังหลงคิดเล็กน้อยแล้วตอบว่า
“คนผู้นี้ชื่อผังทง เดิมเป็นคนสนิทของท่านอ๋อง ต่อมาสร้างความดีความชอบทางทหารไว้มาก ได้เป็นถึงรองแม่ทัพกองทหารราชองครักษ์ เวลานี้ดูแลประตูเมืองด้านตะวันตก ซึ่งแต่ละวันมีเวรสามผลัด ท่านอ๋องคือจินซิวอ๋อง ก่อนนี้รุ่งโรจน์มาก แต่คนผู้นี้ปากมาก คงจะโพนทะนาเรื่องที่ท่านอ๋องเคยช่วยชีวิตเขาให้คนรู้กันทั่วแล้ว ถ้าเขายอมช่วย เราก็สามารถให้เขาเอาป้ายพยัคฆ์ออกไปได้”
ฟังเฉียนฟังแล้ว สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่ในใจสลัดคนผู้นี้ทิ้งอย่างสิ้นเชิง ใจคนสุดแสนจะคาดเดา คนที่ช่างประจบสอพลอ ถึงแม้จินซิวอ๋องจะเคยช่วยชีวิตเขา แต่เขาอาจเลิกใส่ใจแล้วก็เป็นไปได้ ถ้าไปหาเขา อาจจะเป็นการเปิดเผยตัวเองได้ ขณะนี้พวกเขาต้องรู้จักหลบซ่อน ถ้าถูกอันกุ้ยเฟยพบเข้า จะต้องถูกฆ่าตายแน่นอน
ตอนที่ 275 ลองทำดู
“คนผู้นี้ตำแหน่งไม่สูง คงจะไม่มีใครใส่ใจ หวังหลง เจ้าลองไปหาเขาดู”
ถังเฉียนยังคิดจะขัดขวาง แต่เห็นท่าทางซูซินเหลียนนั้นเชื่อมั่นมาก ถังเฉียนจึงไม่อาจพูดตรงๆ ว่าไม่ควรไป เพราะจะอย่างไรนี่ก็เป็นความคิดของนาง ทั้งยังไม่มีข้ออ้างที่แท้จริง ซูซินเหลียนเป็นคนเย่อหยิ่ง ถ้าบอกว่าความเห็นนางใช้ไม่ได้ เกรงว่าคงต้องเสียเวลาอธิบายมากมาย จึงไม่ได้โต้แย้ง เพียงแต่รอให้หวังหลงออกไป แล้วแอบไปกำชับว่า
“หวังหลง เจ้าไม่ต้องกลับมาที่นี่แล้ว ตรงไปหาจินซิวอ๋องเลย เลยวันที่พวกเจ้านัดหมายแล้วค่อยกลับมา ท่านอ๋องบอกว่าเจ้ารู้อุโมงค์ลับ ถ้าพบว่ามีอันตรายให้หนีไปทันที อย่าให้คนอื่นรู้ว่าป้ายพยัคฆ์อยู่ที่ใดอย่างเด็ดขาด”
หวังหลงรู้ว่าถังเฉียนคำนึงถึงงานใหญ่จึงพูดทันทีว่า
“ท่านหมอคิดว่าผังทงไม่น่าไว้ใจใช่หรือไม่ขอรับ แต่ทหารราชองครักษ์ส่วนใหญ่เป็นคนของมหาเสนาบดี หลายคนเป็นเชื้อพระวงศ์ ท่านอ๋องเติบโตในกองทัพ แม้จะเคยสนับสนุนคนเหล่านี้ แต่เกรงว่าท่านจะเป็นแม่ทัพที่ยากไร้ ที่มีคนอย่างผังทงได้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว ส่วนคนอื่นจริงๆ ดูแล้ว…”
ถังเฉียนเข้าใจที่หวังหลงพูด เขาไม่มีใครที่ใช้ได้เลย จินซิวอ๋องบัญชาทัพอยู่นอกเมืองหลวงหลายปี ฐานกำลังในเจาหยางจึงน้อยมาก ขณะนี้การอยากออกไปนอกเมืองจึงกลายเป็นปัญหายาก
“ไม่เป็นไร ไปลองทำดู เจ้าเป็นคนฉลาด ย่อมดูออกว่าเขามีความซื่อสัตย์ต่อท่านอ๋องมากน้อยเพียงไร ลองหยั่งเชิงท่าทีดูก็ได้ อย่าไปคาดหวังเขาอย่างหลับหูหลับตา”
“ขอรับ…”
หวังหลงอยากบอกว่านอกจากผังทงแล้วก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก บัดนี้ฉู่จิ่งเหยาอยู่ที่หนานเจียงเท่ากับเป็นพระโอรสที่ถูกถอดออก ขุนนางใหญ่หลายคนแม้ว่าอยากผูกมิตรกับเขา แต่หวั่นเกรงอันกุ้ยเฟย จึงไม่กล้าเข้าใกล้เขา พวกเขารู้ดีว่าขืนใกล้ชิดกับฉู่จิ่งเหยาอาจจะหมดอนาคต
ดังนั้นในเวลานี้เมื่อเลือกหาคนที่พอจะช่วยฉู่จิ่งเหยาได้ก็ต้องเป็นอดีตทหารใต้บังคับบัญชาหรือคนที่ถือเขาเป็นแบบอย่าง ทั้งยังต้องมีอำนาจและเป็นตัวของตัวเอง
“คนที่ว่า เวลานี้ในเมืองหลวงคงมีไม่กี่คนแล้ว แต่ว่าบังเอิญข้ารู้จักคนหนึ่ง”
ถังเฉียนไม่ใด้พูดคำพูดนี้กับหวังหลง แต่เป็นการพูดกับตัวเอง แต่นางยังไม่ได้คิดให้ดีว่าจะไปหาคนผู้นี้หรือไม่ เพราะก้าวนั้นสำหรับนางแล้วเหมือนเหวลึก แต่ถ้านางไม่ไปเสี่ยงดู รอจนคนอื่นๆ มาเมืองหลวง ท่านอ๋องมีโอกาสชนะมากน้อยแค่ไหนกัน
จนกระทั่งดึกสงัด ถังเฉียนยังคงยืนอยู่ที่ประตู หวังหลงไม่ได้กลับมาจริงๆ ขณะนี้พวกเขาขาดแคลนกำลังคน ถังเฉียนจึงต้องให้ซูซินเหลียนปลอมตัวเพื่อไปสืบดูสภาพรอบจวนจินซิวอ๋อง ส่วนนางอยู่ที่นี่เพื่อรอคนผู้หนึ่ง
“เฉียนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว”
มีเสียงพูดด้วยความตื่นเต้นดังมาจากด้านหลัง ถังเฉียนหันมา นางไม่ได้สวมหน้ากากที่น่ากลัว แต่อยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูเหมือนเมื่อก่อน สวมผ้าคลุมศีรษะ หันมามองคนผู้นั้น
“พี่หวังหยวน คิดไม่ถึงว่าพี่จะยอมมาพบข้า”
วันนี้ถังเฉียนเขียนสัญลักษณ์ที่หน้าประตูบ้าน คืนนี้จึงรอเขาอยู่ ชายคนนี้รู้จักกับนางมาสิบปี เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เล็ก เขาเป็นลูกชายคนโตของหวังลิ่นซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทหารราชองครักษ์ หวังลิ่นติดตามฝ่าพระบาทออกรบ มีแผลเก่าที่ไหล่ พออากาศเย็นก็จะเจ็บไหล่ จึงเชิญให้บิดาของถังเฉียนมาช่วยรักษา ทั้งสองครอบครัวบ้านอยู่ใกล้กัน จึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ถังเฉียนกับหวังหยวนอายุห่างกันไม่มาก พูดคุยกันถูกคอ ดังนั้นสองครอบครัวจึงตั้งใจจะเกี่ยวดองกัน แต่น่าเสียดายที่…