จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 292 ยุคสมัยที่บ้านเมืองวุ่นวาย / ตอนที่ 293 เขตโรคระบาด
ตอนที่ 292 ยุคสมัยที่บ้านเมืองวุ่นวาย
ผู้ชายในรถพากันยิ้ม ถังเฉียนเบือนหน้าหนี ไม่ใส่ใจคนเหล่านี้ แต่หันเทียนซวี่ถามว่า
“ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ น่าจะส่งเรื่องไปที่สำนักต้าหลี่ พวกเขาย่อมได้รับความเป็นธรรม ไฉนจึงต้องลำบากเช่นนี้”
หนึ่งในสองหนุ่ม เป็นคนใบหน้าสี่เหลี่ยมแซ่จาง ร้องหึออกมาแล้วพูดว่า
“สำนักต้าหลี่ เจ้านั่นเป็นเชื้อพระวงศ์ มีแต่สำนักราชนิกุลจึงจะพิจารณาคดีนี้ได้ เราเป็นแค่ชาวบ้านที่บริสุทธิ์ ใครจะให้ความเป็นธรรมแก่เรา แค่จดหมายแจ้งใบเดียวเราก็ถูกตัดสินประหารแล้ว รอการประหารในศารทฤดู”
ถังเฉียนส่ายหน้า ฟังที่เขาพูดอย่างแค้นเคือง แต่แค้นไปก็จนไร้ประโยชน์ ถังเฉียนฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกสะเทือนใจ เวลานี้เซวียนกั๋วตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วหรือ
ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีหนทางร้องเรียน มีเรื่องกับชนชั้นสูงต้องชดใช้ด้วยชีวิต บ้านเมืองเป็นสิ่งใดไปแล้ว ยังมีกฎหมายหรือไม่
หึ หึ…
ถังเฉียนอยากพูดสองคำนี้ เพราะความคาดหวังต่อประเทศนี้ของนางได้สูญสลายไปหมดสิ้นตั้งแต่ที่ครอบครัวนางทั้งหมดกลายเป็นนักโทษและมารดานางเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ
เรื่องที่ถังเฉียนอยากทำ นางต้องคิดหาวิธีทำให้ได้ ถ้าก่อนที่นางจะกลับมา ไม่ได้พบกับบิดา บางทีนางอาจจะไม่เปิดเผยตัวเองเช่นนี้ แต่ขณะนี้นางไม่เพียงต้องช่วยท่านอ๋อง แต่ยังต้องทำเรื่องบางอย่างให้ตนเองด้วย เวลานี้รวมทั้งสามคนนี้ ต้องร่วมแรงกัน
ในยามบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ทุกคนมีชีวิตอย่างสุขสบาย แต่เมื่อเผชิญกับยามที่บ้านเมืองวุ่นวาย ก็ยิ่งคาดหวังว่าจะมีวีรบุรุษปรากฏกายออกมา เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับราษฎร
แต่สำหรับถังเฉียนแล้วนางไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษของทุกคน นางต้องการเป็นวีรบุรุษของตนเอง
“ทั้งสองท่าน พวกท่านมีฝีมืออย่างแท้จริง ถ้าพวกเราไปคงถูกฆ่าตายแน่นอน แต่ลองเสี่ยงดูก็ยังดีกว่านั่งรอความตาย ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอมหรอก”
ถังเฉียนวางมือข้างหนึ่งบนบ่าเขา แล้วพูดว่า
“วางใจเถอะ เมื่อไปถึงที่แล้ว พวกเจ้าบอกเพียงว่าเป็นผู้ติดตามของข้า ถ้าพวกนั้นจะฆ่า ย่อมฆ่าข้าซึ่งเป็นหัวหน้า พวกเจ้าแกล้งทำตัวน่าสงสาร พวกนั้นคงปล่อยพวกเจ้าไป ข้าเป็นผู้หญิง ในสภาพที่อ่อนแอเปราะบาง หวังว่าจะมีคนยื่นมือช่วย เจ้ากล้าต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ”
เมื่อถังเฉียนพูดจบ ชายใบหน้าสี่เหลี่ยมขอบตาแดงเรื่อ ชายอีกคนกลับไม่ใส่ใจ เบือนหน้าไปทางอื่น ในรถม้าเงียบลงอีกครั้ง
พวกเขาล้มเลิกความคิดที่จะหนีแล้ว รถม้าแล่นสั่นคลอนไปมาจนมาถึงเสิ้งจิงถังเฉียนมองดูลวดลายบนหน้ากากของพวกเขา พบว่าแตกต่างจากที่เหมียวเจียงมาก ใบหน้าดูแปลกประหลาด สีสันฉูดฉาด โดยเฉพาะดวงตาที่ใหญ่โตเป็นพิเศษดูน่ากลัว
เมื่อพิจารณาแล้วก็รู้สึกว่าที่จริงหน้ากากหมอผีใช้เพื่อรักษาความลี้ลับของเทพ ส่วนหน้ากากของเสิ้งจิงจึงจะดูน่ากลัวอย่างแท้จริง ชายฉกรรจ์ที่สวมหน้ากากดำดวงตาขาวพาถังเฉียนไปยังหมู่บ้านที่เกิดโรคระบาด ข้างนอกเป็นผู้ป่วยหนัก ข้างในกลับมีหมอหลายประเภท
บางคนห่มผ้าหลากสี ใส่หน้ากากสีแดง ถือไม้เท้าสีดำ ถัดไปเป็นเทพเอ้อต้ากำลังท่องคาถาอัญเชิญเทพลงมา ยังมีที่เป็นหมอยาทั่วไป ใส่ผ้าปิดปากสีขาว เดินไปมาระหว่างผู้คนอย่างวุ่นวาย
ถังเฉียนพบคนป่วยรายหนึ่ง นอนขวางอยู่กลางทาง ชั่วขณะนั้นถังเฉียนนึกถึงสถานที่ที่พวกนางถูกขังตอนนั้น ไข้ป่าคราวนั้นคร่าชีวิตคนไปมากมาย ที่นี่ก็เช่นเดียวกัน ทุกคนรอวันที่ชะตาขาด เมื่อพวกเขาป่วยเป็นโรคระบาด ก็จะค่อยๆ ตายไป
ตอนที่ 293 เขตโรคระบาด
นับแต่โบราณถึงปัจจุบัน มนุษย์เผชิญกับโรคระบาดนับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งเป็นโรคระบาดที่รุนแรงเป็นพิเศษ ส่งผลต่อมนุษย์รุ่นต่อมาอย่างใหญ่หลวง บิดานางเคยบอกว่าโรคระบาดเกิดจากเชื้อร้ายหรือพิษร้ายที่มองไม่เห็น ปกติมักเกิดหลังจากภัยธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขอนามัย
แต่ระหว่างทางถังเฉียนตรวจสอบแล้ว ทางภาคเหนือนี้ไม่มีภัยธรรมชาติ อย่างแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วมใหญ่และไม่มีภัยสงคราม แล้วเหตุใดจู่ๆ จึงเกิดโรคระบาดเป็นบริเวณกว้างเช่นนี้
เมื่อดูจากบันทึกของหมอหลวงก่อนหน้านี้ พบว่าจำนวนผู้ป่วยค่อยๆ เพิ่มขึ้น โรคระบาดครั้งนี้ ดูคล้ายกับในตำรา’ตานซีซินฝ่าว่าด้วยโรคระบาดเล่มห้า’ ที่กล่าวว่าเป็นพิษไข้ร้อน พิษลงกระเพาะหรือทำให้เลือดร้อนระอุ ผู้ป่วยมีอาการกระวนกระวาย ปวดศีรษะรุนแรง ปวดท้องและท้องร่วงหรือมีเลือดออก มีผื่นตามตัว สติเลอะเลือน ลิ้นมีฝ้าหนา
ผู้ป่วยในที่นี้มีอาการดังกล่าว เริ่มแรกจะมีไข้กระสับกระส่าย ปวดศีรษะและท้องร่วง บางคนปวดมากจนเอาศีรษะชนเสา บางคนมีเลือดออก ตามตัวมีผื่นขึ้น และมีอาการทางประสาท ถังเฉียนดูเทียบยาของหมอหลวง จุดหนักเป็นการรักษาด้วยการลดไข้ขับพิษ ใช้ตำรับยาลดไข้ขับพิษและตำรับยาพยัคฆ์ขาวนอแรดเซิงหมา ยาเหล่านี้น่าจะถูกกับอาการโรคดังกล่าว แต่กลับรักษาไม่ได้ผล แม้แต่ทหารที่มาที่นี่ก็ล้มป่วยหลายคน
ทหารจำนวนมากเมื่อตื่นขึ้นจู่ๆ ก็ปวดศีรษะเป็นไข้ จากนั้นเกิดอาการดังกล่าว บางคนบอกว่าที่นี่ถูกอาถรรพ์ เชิญหมอผีมาขับไล่อาถรรพ์ แต่ไม่ได้ผล
“ท่านหมออาหรูน่า มีความเห็นอย่างไรบ้าง”
ถังเฉียนสั่นศีรษะ นางตรวจดูอาการคนป่วยหลายราย ไม่พบอะไรเป็นพิเศษ ไม่แปลกที่ระยะแรกของการระบาด บรรดาหมอหลวงเขียนรายงานด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ต่อมาภายหลังพวกเขาต่างขวัญเสีย
“ระยะนี้ยังไม่มีวิธี คงจะต้องค้นคว้าสภาพดินและน้ำของที่นี่ดู แล้วค่อยวินิจฉัย แล้วใต้เท้าหันพบสิ่งใดหรือไม่”
หันเทียนซวี่ชี้ไปบนท้องฟ้า แล้วว่า
“ต้องรอให้ถึงพลบค่พเสียก่อน จึงจะรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้เคราะห์ดีหรือร้าย แต่ข้าเสี่ยงดวงชะตาให้ท่านหมอแล้ว ท่านหมอจะโชคดี สรุปแล้วติดตามท่านหมอย่อมไม่ผิดแน่”
ถังเฉียนประสานมือคารวะเขา
“ข้าเป็นตัวแทนชาวเหนือที่นี่ น้อมรับคำมงคลจากนักพรตหัน”
เจ้าหน้าที่ที่นำทางอยู่ข้างหน้าเดินมาหา พูดเสียงกร้าวว่า
“รีบเดินหน่อย อย่าป่วยตายตั้งแต่วันแรกเด็ดขาด จะทำให้ข้าวุ่นวายต้องไปหาโลงมาให้พวกเจ้า”
ทหารคนนี้วางอำนาจมาก ถังเฉียนไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขา เพียงแต่เลิกมองเขา คอยเดินตามหลังไป เดินเลี้ยวไปมาจนมาถึงที่พักของพวกเขา ถังเฉียนกับหันเทียนซวี่มาถึง เห็นบ้านที่เก่าทรุดโทรมหลังหนึ่ง มองดูข้างๆ เห็นบ้านหลายหลังเอียงกระเทเร่ ดูราวกับถูกมือขนาดยักษ์จับบิด ดูน่าอนาถ
“ที่นี่เคยเกิดแผ่นดินไหวหรือ”
ทหารผู้นั้นพูดว่า
“แผ่นดินไหวอะไร ก็แค่ตอนที่ขุดถ่านหิน ระเบิดภูเขา ทำให้ที่นี่ถูกแรงสะเทือนไปด้วย แต่ที่นี่คนยังอาศัยอยู่ได้ ลงมือเก็บกวาดเสียหน่อย ใต้เท้าบอกแล้วว่าให้เวลาพวกเจ้าเจ็ดวัน หากไม่เห็นผลละก็ หึ ไม่ต้องให้ข้าลงมือฆ่าพวกเจ้าหรอก พวกเจ้ารอความตายอยู่ที่นี่เถอะ”
ถังเฉียนยังไม่หายตะลึงกับสภาพที่ย่ำแย่ตรงหน้า แล้วได้ยินคำเตือนที่รุนแรงเช่นนี้ เวลากระชั้นชิดมาก
“เราพักที่นี่สักครู่ อีกเดี๋ยวข้าตั้งใจจะไปเดินดูทางต้นน้ำ ใต้เท้าหันมีแผนอย่างไร”