แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1092 เรียกร้องเงื่อนไขที่โคตรยาก
“หัวหน้าOneคะ ฉันยินดีให้ความร่วมมือกับพวกคุณ แต่กว่าฉันจะไปถึงที่นั่นต้องใช้เวลาสักพัก ฝากคุณไปบอกคนร้ายด้วยว่าให้รอพวกเรา”
“พวกคุณ?!”
อะไรกันที่ทำให้เมียเขาเปลี่ยนใจได้ภายในระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้?
“ฉัน และยังมีต้าอี นี่คือคนที่คนร้ายต้องการเจอตัว”
น้ำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนจริงจังมาก
อวี๋หมิงหลางเสียงเข้มยิ่งกว่า เหมือนเขาจะเดาอะไรได้
“หรือว่า—”
“ใช่ พ่านพ่านหายไป เป็นไปได้ว่าคนลักพาตัวไปคือเขา”
“ไร้สาระ! พ่านพ่านอยู่ที่บ้านพ่อแม่เราจะหายไปได้ยังไง?!”
อวี๋หมิงหลางได้ยินแบบนั้นก็โมโหแทบระเบิด
ตอนแรกที่เสี่ยวเชี่ยนได้ยินว่านักโทษคนนั้นหลบหนี สิ่งแรกที่เธอคิดคือพาพ่านพ่านหลบไป หากพ่านพ่านไปอยู่บ้านแม่อวี๋ต้องปลอดภัยแน่นอน เธอไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะฝ่าแนวป้องกันอันแน่นหนาพาตัวพ่านพ่านไปได้ ไม่มีทาง!
“เท่าที่ฉันวิเคราะห์ดู เขาจะต้องไปรู้มาว่าแม่ของพ่านพ่านเคยคลอดเด็กออกมาคนหนึ่งแน่นอน จากนั้นก็ตามสืบจนไปเจอพ่านพ่าน เขาคงเตรียมพร้อมไว้แล้วตั้งแต่ก่อนถูกพวกนายจับ เขาไม่ได้เพิ่งเล็งตัวพ่านพ่านแค่วันสองวัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาพาตัวพ่านพ่านไปได้ยังไง แต่เมื่อกี้ต้าอีโทรมาบอกฉันว่า คนร้ายโทรหาต้าอีโดยเฉพาะ ให้ต้าอีพาฉันไปเจอ”
“ไอ้X!” อวี๋หมิงหลางสบถ
สติปัญญาของคนร้ายคนนี้ฉลาดขนาดไหนกัน นี่เป็นผู้ต้องหาที่เจ้าเล่ห์ที่สุดตั้งแต่เขาเคยเจอมา
ถ้าจับแค่หวางเสี่ยวหงไปล่ะก็ เสี่ยวเชี่ยนสามารถยืนหยัดในหลักการไม่ไปเจอคนร้ายแน่นอน
แต่ถ้าจับพ่านพ่านไปด้วย เธอจะอยู่เฉยไม่ได้ เพราะเรื่องนี้นอกจากพ่านพ่านแล้วยังเกี่ยวพันถึงต้าอีที่กำลังตั้งท้องอยู่ด้วย
อวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนต่างสงสัยเหมือนกันว่า อีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าต้าอีรับเลี้ยงพ่านพ่าน แล้วพาตัวพ่านพ่านไปได้อย่างไรทั้งๆที่ความปลอดภัยเข้มงวดขนาดนั้น?
ความสงสัยนี้ทำได้แค่พักไว้ก่อน เรื่องด่วนที่ต้องทำคือช่วยพ่านพ่านออกมา เสี่ยวเชี่ยนต้องออกโรงแล้ว
“เดี๋ยวผมส่งรถไปรับ รับรองคุณจะมาถึงไวแน่ จากบ้านเรามาที่นี่ก็ประมาณสี่สิบนาที”
“สี่สิบนาทีเกิดเรื่องขึ้นได้มากมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำร้ายพ่านพ่าน พวกนายช่วยใช้โทรโข่งจ่อไว้ที่โทรศัพท์ ห้ามตัดสายทิ้ง ให้เสียงของฉันดังไปถึงเขา”
จำเป็นต้องมีฝ่ายทหารเป็นคนกลาง คนร้ายที่ทั้งเจ้าเล่ห์และฉลาดถึงจะเชื่อว่าเป็นเสี่ยวเชี่ยนตัวจริง เขาไม่เคยรู้จักเสี่ยวเชี่ยนมาก่อน เสี่ยวเชี่ยนจะใช้โทรศัพท์ต้าอีคุยแต่เขาก็ปฏิเสธ แสดงให้เห็นเลยว่าคนๆนี้เจ้าเล่ห์ขนาดไหน หากคิดจะใช้คนอื่นปลอมตัวเป็นเสี่ยวเชี่ยนย่อมไม่มีทางทำได้แน่นอน
อวี๋หมิงหลางรีบสั่งให้คนไปเอาโทรโข่งมา พื้นที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้คือชั้นสองตึกCDBในย่านธุรกิจ คนร้ายจับหวางเสี่ยวหงเข้าไปอยู่ในห้องทำงานขนาดเล็ก ซึ่งไม่รู้ว่าตรงนั้นมีพ่านพ่านอยู่ด้วยหรือเปล่า
เขาเลือกสถานที่หลบซ่อนตัวได้ฉลาดมาก ตึกสำนักงานขนาดใหญ่เขาเลือกห้องที่ไม่มีหน้าต่าง พวกอวี๋หมิงหลางล้อมชั้นสองไว้หมดแล้ว ส่วนคนร้ายก็สมกับที่มีมันสมองเฉียบแหลม ติดกล้องวงจรปิดไว้รอบประตูตั้งแต่ก่อนหน้า ทำให้เขามองเห็นข้างนอกได้ทุกซอกทุกมุม หากใครคิดจะเข้าโจมตีก็มองเห็นได้ก่อน แต่ทางเข้าเพียงช่องทางเดียวของพวกอวี๋หมิงหลางก็คือประตู
เจ้าของตึกนี่ก็สมควรตายจริงๆ ไม่รู้ว่าตอนที่สร้างตึกสมองมีแต่น้ำหรือเปล่า สร้างห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีช่องให้ลมเข้าออก ประตูที่มีอยู่บานเดียวก็ปิดแน่นหนา ถ้าพังประตูคนข้างในต้องตกใจมากแน่นอน ถึงตอนนั้นไม่รับประกันว่าตัวประกันจะปลอดภัยหรือเปล่า
นี่คือความลำบากในการเข้าช่วยเหลือ
คนของอวี๋หมิงหลางเฝ้าอยู่ข้างนอกห่างออกไปสิบเมตร อวี๋หมิงหลางหยิบโทรโข่งขึ้นมาพูดเปิดการเจรจา
“คนที่อยู่ข้างในฟังให้ดี แกหมดทางหนีแล้ว วางอาวุธห้ามทำร้ายตัวประกัน แล้วมาตกลงกันดีๆ!”
“ฮ่าๆๆ!” มีเสียงหัวเราะดังจากเครื่องขายเสียงที่แขวนไว้หน้าประตู ไม่ใช่เสียงแบบคนป่าเถื่อน เป็นเสียงหัวเราะแบบผู้ดีมีการศึกษา แต่กลับเจือไปด้วยความโหดเหี้ยม
“เรื่องที่ฉันเคยก่อไว้ ยิงฉันให้ตายยี่สิบครั้งก็ยังไม่พอ พวกแกคิดจะตกลงกันดีๆกับฉันงั้นเหรอ? ขอบคุณประเทศที่ยิ่งใหญ่นี้ที่ยกเลิกการลงโทษการฆ่าแบบประจาน ไม่ว่าฉันจะเป็นไงยังไงพวกแกก็จะทำให้ฉันเป็นศพที่สมบูรณ์อยู่แล้ว แต่นังคนชั้นต่ำที่ฉันจับมานี่จะเป็นหรือตายมันขึ้นอยู่กับฉัน ถ้าฉันทำมันตาย พวกแกที่มีหน้าที่รับใช้ประชาชนก็จะต้องถูกลงโทษ ฮ่าๆ!”
ทหารที่อยู่ข้างอวี๋หมิงหลางทนไม่ไหวพูดขึ้นด้วยความโมโห “ผมล่ะอยากเอามันไปเสียบหัวประจานจริงๆ เลวจริงๆ มันเห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลาหรือไง?”
ให้คนปกติตัดสินคนที่ขาดศีลธรรมในตัวเองแบบนี้ก็ยากที่จะเข้าใจ
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์แทบอยากเข้าไปรุมยำคนร้ายให้จบเรื่อง
พรากเอาชีวิตไปแล้วหลายคน อีกทั้งหลายศพที่ถูกมันฆ่าแม้แต่ศพก็หาไม่เจอ คนที่เลวบัดซบได้ขนาดนี้คงต้องป้อนด้วยลูกกระสุนเท่านั้นถึงจะสาสม
อวี๋หมิงหลางก็เกลียดมากไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของหวางเสี่ยวหงดังออกมา
“ช่วยด้วย! มันไม่ใช่คน! ว้าย!” เสียงร้องนี้ยากที่จะคาดเดาว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะสะใจของคนร้าย
“ฮ่าๆ ผู้หญิงคนนี้ชอบตีเด็กไม่ใช่เหรอ ฉันจะให้มันได้ลิ้มรสการถูกทรมานพวกแกที่อยู่ข้างนอกมีใครมีความรู้ทางการแพทย์บ้างไหม? เดาดูสิ เลือดที่ไหลออกจากรูที่ฉันแทงไปบนตัวนังนี่จะไหลหมดตัวเมื่อไร? พวกแกมันก็แค่เครื่องจักรที่ไร้ประโยชน์ เพราะพวกแกไร้ความสามารถถึงทำให้นังนี่ตายไงล่ะ ฮ่าๆ พวกแกก็ต้องรับบาปไปด้วย!”
มีคนทนไม่ไหวคิดจะบุกเข้าไป แต่ก็มีเสียงกรีดร้องของหวางเสี่ยวหงดังออกมาอีก
“ถ้าไม่อยากให้นังนี่ตายอย่างน่าเวทนาก็ห้ามขยับ!”
อวี่หมิงหลางยกมือห้ามคนอื่นๆ
“แกอยากคุยกับเฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่เหรอ ฟังดูสิเขามาแล้ว”
อวี๋หมิงหลางกดเปิดลำโพงโทรศัพท์แล้ววางไว้หน้าโทรโข่ง เสียงของเสี่ยวเชี่ยนดังชัดเจน
“ฉันคือจิตแพทย์เฉินเสี่ยวเชี่ยน ได้ยินว่าอยากเจอฉันเหรอ”
“แกก็คือเฉินเสี่ยวเชี่ยนผู้หญิงที่ฉันเจอครั้งก่อนเหรอ? เอาอะไรมายืนยัน?”
“ฉันคุยผ่านทางทหารยังไม่เป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุดอีกเหรอ? ก็เหมือนกับที่แกพูด เครื่องจักรที่รับใช้ประชาชนพวกนี้ไม่มีทางเสี่ยงกับความล้มเหลวในการช่วยตัวประกันด้วยการหาคนมาปลอมเป็นฉันหรอก บอกฉันมาว่าพ่านพ่านอยู่ไหน พ่านพ่านอยู่กับแกหรือเปล่า?”
“หึหึ ขออภัยที่บอกไม่ได้แม่สาวน้อยที่เก่งกาจในตำนาน ฉันอยากดูซิว่าแกจะเก่งสักแค่ไหน เอางี้…แกลองพูดมา ถ้าคำพูดของแกตรงกับสิ่งที่ฉันคิดอยู่ตอนนี้ล่ะก็ ฉันถึงจะเชื่อว่าแกคือเฉินเสี่ยวเชี่ยน ถ้าแกคือเฉินเสี่ยวเชี่ยนจริงเรื่องแค่นี้ไม่ยากหรอก เพราะยังไงเขาก็เลี้ยงดูแกมาด้วยเลือดเนื้อทั้งหมดที่มี…”
ประโยคสุดท้ายคนร้ายพูดเสียงเบามาก เสี่ยวเชี่ยนได้ยินไม่ชัด คนอื่นๆก็เหมือนกัน
ได้ยินแค่ครึ่งแรก เงื่อนไขที่ยากขนาดนี้ทำให้ทุกคนพากันถอนหายใจ
เสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่พยาธิที่อยู่ในท้องเขาเสียหน่อย แล้วจะรู้ได้ไงว่าตอนนี้คนร้ายคิดอะไรอยู่?