แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1095 เวลาป่วยห้ามหยุดยา
อวี๋หมิงหลางไม่เข้าใจ เมียของเขาที่อนาคตแสนสดใสทำไมต้องเล่นเกมที่มีอัตราความตายหนึ่งในหกกับคนบ้าด้วย?
“สำหรับคนอื่นนี่คือโอกาสตายหนึ่งในหก แต่ฉันสามารถทำให้มันกลายเป็นศูนย์ วางใจเถอะฉันมีแผนในใจ กติกาของเกมนี้เราจะยึดตามคนร้ายไม่ได้ ฉันเป็นนักจิตวิทยาก็ต้องยึดตามกติกาของนักจิตวิทยา”
“คุณคิดจะทำอะไร?”
เสี่ยวเชี่ยนกระซิบข้างหูเขา จากตอนแรกที่อวี๋หมิงหลางกำลังกังวลตอนนี้คิ้วของเขาขมวดกัน เขากำลังวิเคราะห์ว่าวิธีที่เสี่ยวเชี่ยนพูดมาจะใช้ได้หรือเปล่า
“คุณมั่นใจไหม? หมอนั่นฉลาดไม่เบาเลยนะ” อวี๋หมิงหลางถามเธอ
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“ในสายตาของฉันหมอนั่นก็แค่ผู้ป่วยที่ขาดยา ต่อให้ฉลาดกว่านี้ก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
อวี๋หมิงหลางมองตาเธอ ครั้งนี้ไม่ได้มองในฐานะสามี แต่ใช้ประสบการณ์จากการทำงานมองเธอ
แววตาของเสี่ยวเชี่ยนนิ่งมาก ไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด และก็ไม่ได้ดูตื่นเต้นอะไร เกมฆ่าคนแบบนี้ไม่ได้สร้างความรู้สึกเร้าใจให้เธอ เธอมองว่านี่คือวิธีรักษาอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้เสี่ยวเฉียงวางใจ
หากเธอตื่นเต้นเหมือนคนบ้าที่อยู่ข้างในนั่น เขาไม่มีทางปล่อยให้เธอเข้าไปแน่นอน
“ได้ พวกเราเข้าไปด้วยกัน” อวี๋หมิงหลางเลือกที่จะเชื่อใจเสี่ยวเชี่ยนอีกครั้ง
“ฉันก็อยากเข้าไปด้วย!” ต้าอีขอร้องด้วยความร้อนใจ
ตอนนี้ไม่รู้ว่าลูกชายของเธอเป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอไม่วางใจจริงๆ
“เธออยู่นี่แหละ คนร้ายไม่ได้ให้เธอเข้าไป ถ้าเธอเข้าไปจะทำให้มันโมโหนะ”
“ในเมื่อไม่ให้ฉันเข้าไปแล้วโทรหาฉันทำไม! มันคิดจะทำอะไรกันแน่!” ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะให้ต้าอีเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่ออยู่ในช่วงนาทีเป็นนาทีตายแบบนี้ต้าอีก็ยากที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ สมองเธอมีแต่ความเป็นห่วงลูกชาย หัวใจจะแตกสลายแล้ว
“ไม่ให้เธอเข้าไปก็แสดงว่าพ่านพ่านยังอยู่ดี ต้าอี ถ้าฉันไม่ได้คำนวณผิดล่ะก็ คนร้ายน่าจะอยากให้เธอเลี้ยงพ่านพ่านไปตลอดชีวิตนะ”
“อะไรนะ?” ต้าอีจ้องเสี่ยวเชี่ยนด้วยสีหน้าตกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวเชี่ยนถึงพูดแบบนี้ออกมา
“สาเหตุที่คนร้ายเรียกเธอมาด้วยเพราะอยากลองใจว่าเธอรักพ่านพ่านจริงหรือเปล่า ถ้าเธอไม่จริงใจก็คงไม่มาหรอก ถึงตอนนั้นคนร้ายจะจัดการกับพ่านพ่านยังไงก็ไม่รู้ แต่ไม่มีทางคืนให้พวกเราแน่ แต่คนร้ายเห็นเธอมาก็แสดงว่าเธอจริงใจกับเด็กคนนี้ คนร้ายรู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้แล้วย่อมอยากฝากพ่านพ่านไว้กับคนที่ไว้ใจได้”
คำอธิบายของเสี่ยวเชี่ยนทำให้ต้าอีกังวลใจน้อยลง และในเวลานี้เองอาวุธที่เธอต้องการก็เตรียมพร้อมแล้ว อวี๋หมิงหลางใส่ปลอกปืนไว้ที่เอว บนตัวเขายังมีอาวุธอื่นซ่อนอยู่อีก ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นก็วัดกันด้วยความเร็วในการยิงนี่แหละ
“ประธานเชี่ยน!” ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางกำลังจะลุกขึ้นต้าอีก็ดึงเสื้อเสี่ยวเชี่ยนไว้
“อย่าไปเลย ฉันว่าที่มันให้เธอเข้าไปเพราะต้องการหาคนตายไปกับมันด้วย! มันไม่คิดจะมีชีวิตอยู่ต่ออยู่แล้ว!”
เสี่ยวเชี่ยนได้ยินดังนั้นกลับพยักหน้าอย่างพอใจแล้วตบบ่าต้าอี
“ใช้ได้นี่ คิดเองเป็นแล้ว เธอก้าวหน้าขึ้นเยอะเลยนะ”
ตอนที่ต้าอีได้ยินว่าคนร้ายคิดจะฝากฝังพ่านพ่านไว้กับเธอ ไม่เพียงแต่เธอจะไม่รู้สึกโล่งใจ กลับรู้สึกว่าคนร้ายวางแผนอย่างอื่นด้วยซ้ำ ก่อนตายคงคิดอยากหาคนร่วมชะตากรรมไปด้วย เธอถึงได้ตะโกนห้ามเสี่ยวเชี่ยน ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ที่รวดเร็วแบบนี้พัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
“นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะมีอารมณ์มาชมฉันอีก อย่าไปเลยนะ” ต้าอีเป็นห่วงประธานเชี่ยน
“ฉันไม่เคยทำเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจ วางใจเถอะ อีกยี่สิบนาทีฉันก็ยังคงเป็นประธานเชี่ยนที่ออกมากระโดดโลดเต้นต่อหน้าเธอได้ ส่วนหมอนั่นที่คิดจะเล่นกับฉัน…”
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มแบบมีเลศนัยให้ประตูที่ปิดสนิทบานนั้น “มันจะยืนได้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ”
เธอไม่มีทางปล่อยให้คนนอกเอาชนะเธอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญได้หรอก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะฉลาดสักแค่ไหน ก็เป็นแค่คนไข้เท่านั้นในสายตาเธอ
เธอมั่นใจแบบนี้นี่แหละ
เสี่ยวเชี่ยนตามอวี๋หมิงหลางเข้าไป ต้าอีพนมมือ เธอไม่ได้นับถือศาสนา เธอเชื่อแค่ประธานเชี่ยน เธอเกลี้ยกล่อมประธานเชี่ยนไม่ได้ก็ทำได้แค่ช่วยภาวนาอยู่ในใจ
ส่วนประธานเชี่ยนไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด ทั้งสองคนเดินจูงมือเข้าไปข้างใน
ตึกสำนักงานตึกนี้อยู่ในย่านใจกลางเมืองที่พลุกพล่านที่สุด แต่บริษัทเจ้าของตึกเห็นแก่ผลกำไรเป็นหลัก หลายส่วนออกแบบได้ไม่สมเหตุสมผล ประตูห้องที่อยู่ระหว่างทางเดินหลายห้องเปิดอยู่ คนที่เคยทำงานอยู่ในนั้นออกไปกันหมดแล้ว บรรยากาศเงียบสงัด ทางเดินไม่มีหน้าต่างมีเพียงแสงไฟที่ส่องสว่าง ระหว่างที่เดินไปให้ความรู้สึกหดหู่
ความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากปลายนิ้วของเขาทำให้เธออุ่นใจ ซึ่งได้ช่วยลดความเครียดของเธอด้วย
เมื่อทั้งสองคนเดินไปถึงหน้าประตูที่ถูกเปลี่ยนเป็นประตูเหล็ก คนร้ายก็พูดผ่านเครื่องขยายเสียงอีกครั้ง
“ไหนแกบอกว่าจะให้ผัวเข้ามาด้วย แล้วพาทหารนี่มาทำไม? คิดจะให้มันมาจับฉันเหรอ? โกหกฉันเดี๋ยวนังนี่ได้ตายอย่างน่าเวทนาหรอก!”
“ฉันไม่ได้หลอกแก เขานี่แหละสามีฉัน ฉันก็อยากพาเขามาจับแกจริงๆนั่นแหละ อยู่ที่นายแล้วว่าจะกล้าเล่นเกมนี้กับฉันหรือเปล่า” เสี่ยวเชี่ยนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ทำไมฉันต้องเชื่อแกด้วย?”
“ถอด!” เสี่ยวเชี่ยนสั่งอวี๋หมิงหลาง อวี๋หมิงหลางถอดเสื้อกันกระสุนทันที จากนั้นก็ปลดอาวุธออก ท่อนบนเปลือยเปล่า เสี่ยวเชี่ยนเหนี่ยวคอเขาลงมาจูบ
กลุ่มทหารที่มองดูเหตุการณ์อยู่พากันปาดเหงื่อ พี่สะใภ้นี่อยู่ฝ่ายไหนกันแน่ คนร้ายยังไม่ทันเสนอเงื่อนไขอะไรเลย แต่กลับสั่งหัวหน้าใหญ่ถอดออกหมดแล้ว แถมปลดอาวุธออกด้วย?
คนพวกนี้ไม่มีทางรู้เลยว่า เสี่ยวเชี่ยนได้เริ่มใช้เทคนิคโจมตีจิตใจคนร้ายแล้ว
อีกฝ่ายเองก็คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะใจกล้าขนาดนี้ แถมยังสั่งปลดอาวุธโดยที่เขายังไม่ได้ขอ
เดิมคนร้ายคิดจะสั่งให้คนที่เสี่ยวเชี่ยนพามาถอดเสื้อออก แต่เสี่ยวเชี่ยนชิงตัดหน้าสั่งก่อน ซึ่งทำให้อีกฝ่ายเสียจังหวะ ส่งผลต่อจิตใจ
“ฉลาดดีนี่ แกอ่านใจคนเป็นด้วย?”
“ถ้าฉันบอกเป็นแกจะเชื่อไหมหล่ะ?”
“งั้นลองบอกมาซิว่าขั้นต่อไปฉันจะทำอะไร?” คนร้ายยังคงไม่เชื่อ ชีวิตนี้ทั้งชีวิตเขาใช้ความฉลาดของตัวเองปั่นหัวคนอื่นมานักต่อนัก แล้ววันนี้จะแพ้ผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร?
“ฉันเดาว่า—แกจะให้เขาถอดกางเกงด้วย”
เสี่ยวเชี่ยนมองกางเกงขายาวของอวี๋หมิงหลาง ใบหน้าอวี๋หมิงหลางร้อนผ่าว โชคดีที่ตอนนี้หน้าเขาถูกทาสีอำพรางทำให้คนอื่นมองอารมณ์เขาไม่ออก
“เมียจ๋า ล้อกันเล่นใช่ไหม?” เขาเอามือจับเอวกางเกงแน่น
ให้ผู้ชายของตัวเองแก้ผ้าต่อหน้าคนมากมายมันจะดีเหรอ?
“ฉันก็ไม่อยากให้นายถอดหรอก แต่นายถามคนข้างในสิ ไม่รู้หมอนั่นคิดแบบนี้หรือเปล่า?”
เสี่ยวเชี่ยนขยิบตา
มีเสียงหัวเราะดังออกมา “ดี แกนี่มันน่าสนใจจริงๆ ให้หมอนั่นถอดให้หมดแล้วฉันถึงจะให้พวกแกเข้ามา!”
เฉียวเจิ้นได้ยินดังนั้นก็รีบหันไปหาผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ตรงนั้น ซึ่งก็คือหลิวเหมียวที่ไล่ยังไงก็ไม่ไป
“นักวิจัยหลิวช่วยหันไปด้วยครับ ห้ามมอง”