แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1101 คำถามข้อที่สิบคืออะไรกันแน่
“พวกแกห้ามทำอะไรเด็กนะ!” คนร้ายได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดถึงเด็กก็ดวงตาเบิกโพลง แววตาหมดหวัง
ในสามชั่วโมงนี้เสี่ยวเชี่ยนกรอกความสิ้นหวังสารพัดใส่หัวเขา ผลที่ต้องการก็คือแบบนี้นี่แหละ
“เด็ก? แล้วเวลาที่แกทำร้ายลูกคนอื่นเคยคิดบ้างไหมว่าเขาก็มีพ่อมีแม่? ตอนนี้แกกลัวว่าลูกแกจะซวย แล้วเคยคิดถึงหัวอกพ่อแม่คนอื่นบ้างไหม? เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของวิญญาณอาฆาตมองแกอยู่ สวรรค์เคยปล่อยคนชั่วที่ไหนกัน!”
“อ๊าก!” คนร้ายเอามือกุมหัวแล้วกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาน
เหล่าทหารที่เข้ามาจับคนร้ายต่างตกตะลึง
พวกเขาเห็นกับตาว่าคนปกติคนหนึ่งถูกทำให้เป็นบ้าได้อย่างไร
เสี่ยวเชี่ยนกระโดดลงมาจากโต๊ะ เหล่าทหารกรูกันเข้าไปจับกุมคนร้ายที่ใกล้บ้าเต็มตัวเข้าทุกที
พอถูกจับคนร้ายก็ตะโกนโวยวายไม่หยุด ถึงขนาดที่จะวิ่งชนกำแพงฆ่าตัวตาย แต่ถูกพวกทหารจับกดเอาไว้ได้
เสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปหาคนร้ายด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชา
“ไม่มีใครหนีบ่วงกรรมของตัวเองพ้นหรอก แกต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองก่อ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น แกจะต้องแบกรับความทุกข์ทรมานและความรู้สึกผิดต่อไป แม้แต่ก่อนตายแกก็จะยังไม่หลุดพ้น”
“อ๊าก!” คนร้ายร้องอย่างคนเสียสติ แต่กลับไม่มีทหารคนไหนสงสาร ถึงขนาดที่แอบสมเพชในใจด้วยซ้ำ
ถึงจุดจบของคนๆนี้จะยังไม่เพียงพอชดใช้ในสิ่งเลวร้ายที่ตัวเองได้ก่อ แต่เสี่ยวเชี่ยนก็ถือว่าได้ล้างแค้นให้กับดวงวิญญาณบริสุทธิ์ที่ต้องตายไป คนร้ายจะต้องจมอยู่กับความหวาดกลัวและรู้สึกผิดไปจนกว่ากระสุนจบชีวิตจะมาถึง ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์
“One โดนเมียแย่งซีนไปเต็มๆเลยนะโว้ย” พอเฉียวเจิ้นเห็นอวี๋หมิงหลางปลอดภัยดีจึงแกล้งแซว
แต่อวี๋หมิงหลางกลับมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยแววตาสงสาร “เชื่อฉันสิ เธอไม่ได้อยากได้หน้าแบบนี้หรอก”
เขาเดินเข้าไปหาเสี่ยวเชี่ยนแล้วก็เห็นน้ำตาอยู่บนใบหน้าเธอตามคาด นี่คือน้ำตาที่ไหลออกมาหลังจากจับคนร้ายได้แล้ว ทุกครั้งที่ต้องพูดถึงเหยื่อ ในใจของเธอก็จะเจ็บปวดตามไปด้วย คนที่อายุอยู่ในวัยสดใสกลับต้องมามีจุดจบที่ไม่ยุติธรรม
ความทุกข์ทรมานแบบนี้มาจากความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของคนปกติ ซึ่งผู้หญิงที่ยืนอยู่บนยอดพีระมิดคนนี้ก็รู้สึกแบบนั้น
อวี๋หมิงหลางเข้าไปตบบ่าเธอ
“มันผ่านไปแล้ว คุณควรเดินออกมาจากความเศร้าได้แล้ว”
ประโยคนี้ได้ฉุดเสี่ยวเชี่ยนออกมาจากความรู้สึกอันเลวร้าย
ตอนที่เธอทำการทำลายจิตใจคนร้ายอย่างโหดเหี้ยมตัวเองก็ต้องเข้าไปอยู่ในอารมณ์นั้นเช่นกัน
เพื่อต้องการล้างสมองของคนร้ายเธอได้พาตัวเองเข้าไปอยู่จุดเดียวกับคนร้าย บรรยายเหตุการณ์อันเลือดเย็นจนกว่าคนร้ายจะประสาทเสีย จากนั้นเธอถึงจะกลับเข้าสู่ห้วงอารมณ์ของตัวเองได้ แต่ช่วงเวลานั้นในใจของเสี่ยวเชี่ยนทรมานมาก
ให้คนที่นิสัยไม่โหดร้ายไปแสดงเป็นคนที่โหดร้ายต้องใช้ความกล้ามากขนาดไหนกัน โดยเฉพาะตอนที่เสี่ยวเชี่ยนใช้เรื่องลูกบั่นทอนจิตใจคนร้าย ตัวเธอเองก็เจ็บปวดเช่นกัน
เดิมทีเด็กไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย แต่เพื่อกระตุ้นอารมณ์คนร้ายเธอจำเป็นต้องพูดในสิ่งที่ขัดต่อจิตรู้สำนึก นี่คือเรื่องที่โหดร้ายมาก
คนร้ายถูกพาไปแล้ว เดิมอวี๋หมิงหลางควรตามออกไปด้วย แต่พอเห็นเศษกระดาษที่อยู่บนพื้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
เล่นเกมเดิมพันชีวิตกับคนร้ายเป็นเรื่องหลอก ล้างสมองคนร้ายเป็นเรื่องจริง แต่อวี๋หมิงหลางจำได้ว่าคำถามข้อที่สิบของคนร้ายเฉลยมันแปลกๆ
ชีอวี่เซวียน
เฉลยข้อที่สิบคือชีอวี่เซวียน
แต่ยังไม่ทันได้ถามข้อที่สิบคนร้ายก็สติแตกไปแล้ว ต่อมาก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนล้างสมองควบคุมอารมณ์ไม่ได้เลยฉีกกระดาษทิ้ง
แล้วข้อที่สิบถามว่าอะไรกันแน่?
อวี๋หมิงหลางรวบรวมเศษกระดาษเก็บเข้ากระเป๋า เดี๋ยวกลับไปค่อยเอาไปต่อกัน หมอนี่จะถามอะไรกันแน่
อวี๋หมิงหลางเดินโอบเสี่ยวเชี่ยนออกมา มีนักข่าวหลายคนอยากสัมภาษณ์ฮีโร่ทั้งสองคน แต่อวี๋หมิงหลางใช้ผ้าคลุมหัวแบบพิเศษใส่ให้เสี่ยวเชี่ยน
เขาปกป้องเสี่ยวเชี่ยนอย่างดี มือของเขาไม่ห่างจากเอวเธอเลยตั้งแต่เดินออกมา คนนอกมองว่าเขารักภรรยามาก เพราะเพิ่งผ่านช่วงเวลานาทีเป็นนาทีตายกันมา อันที่จริงแล้วไม่ใช่ อวี๋หมิงหลางรู้ว่าตอนนี้สภาพจิตใจของเสี่ยวเชี่ยนแย่มาก การอยู่เคียงข้างของเขาเป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเธอไม่ให้สติหลุด ดังนั้นเขาถึงได้โอบเธอไว้ เพื่อบอกเธอว่าอยู่ข้างเธอเสมอ
หลิวเหมียวที่ถูกจับล็อคไว้กับรถดูเหมือนจะถูกลืมไปแล้ว ทุกคนเข้าไปจับคนร้ายกันหมด ไม่มีใครเห็นว่ามือเธอถลอกหมดแล้วตอนนี้ และทันใดนั้นเธอก็เห็นอวี๋หมิงหลางพาเสี่ยวเชี่ยนออกมาด้วยสภาพคลุมใบหน้าไว้
หลิวเหมียวไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นแบบนี้ ขณะที่กำลังคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนทำสำเร็จหรือล้มเหลวเธอก็เห็นทหารคุมตัวคนร้ายออกมา ตอนคนร้ายเดินผ่านตรงเธออยู่ๆก็เงยหน้ามองเธอ
เวลานี้คนร้ายอยู่ห่างจากเธอประมาณสามเมตร ซึ่งก็ใกล้พอควร ต่อให้ถูกคุมตัวไว้ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว สองขาจะยืนไม่อยู่แล้ว
เฉียวเจิ้นเดินมาปล่อยตัวเธอ กำลังคิดจะแดกดันเสียหน่อยว่าขนาดแค่เห็นคนร้ายยังกลัวขนาดนี้ ถ้าปล่อยให้เข้าไปล่ะก็ทุกคนจบเห่แน่ เทียบไม่ได้กับหนึ่งในสิบของพี่สะใภ้เลยด้วยซ้ำ
แต่เห็นหลิวเหมียวตกใจปากซีดก็ไม่กล้าพูด เฉียวเจิ้นรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว พอปล่อยหลิวเหมียวเสร็จก็กวักมือเรียกทีมจิตวิทยาให้เข้ามาดูอาการหลิวเหมียวหน่อย ผู้หญิงคนนี้ตกใจขวัญเสียหมดแล้ว
ทุกคนขึ้นรถ ต้าอีก็อยู่
พอเสี่ยวเชี่ยนขึ้นรถก็ไม่พูดอะไรเลย เธอหลับตาพิงตัวอวี๋หมิงหลาง สภาพจิตใจของอวี๋หมิงหลางค่อนข้างปกติ
“รีบไปช่วยเด็กตามที่อยู่ที่ผมบอก”
“เจอเด็กแล้ว ตอนนี้พ่านพ่านถูกส่งไปอยู่กับย่าแล้ว” ต้าอีพูด
“มันเรื่องอะไรกัน?”
“เจิ้งซวี่กับอาข่าเพื่อนของประธานเชี่ยนตามไปหาเด็กเจอก่อน เมื่อกี้ตอนที่พวกนายอยู่ข้างในก็อยากจะบอกอยู่หรอก แต่ขาดการติดต่อเลยบอกไม่ได้”
ที่แท้ก่อนคนร้ายจะติดคุกได้ได้ตามสืบเรื่องของพ่านพ่านไว้ก่อนแล้ว สาเหตุมาจากมีอยู่ครั้งหนึ่งได้บังเอิญเจอกับแม่แท้ๆของพ่านพ่าน จึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยคลอดลูกชายก็คือพ่านพ่าน
แต่ช่วงก่อนตั้งท้องนั้นนอกจากแม่ของพ่านพ่านจะถูกคนร้ายขืนใจแล้ว เธอยังคบอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งด้วย ส่วนลูกจะเป็นของใครเธอก็ไม่แน่ใจ ครั้นแล้วคนร้ายจึงคิดหาวิธีตามหาพ่านพ่าน จับพลัดจับผลูไปสืบเจอหวางเสี่ยวหง และได้รู้ด้วยว่าหวางเสี่ยวหงเคยทำร้ายพ่านพ่านจนเด็กเกือบเป็นออทิสติก ดังนั้นเรื่องแรกที่ทำหลังออกจากคุกก็คือตามล่าหวางเสี่ยวหง
ตอนนี้ปัญหาที่น่าปวดหัวที่สุดคือ ก่อนหน้านี้คนร้ายเคยติดต่อกับหวางเสี่ยวหงมาก่อนหรือเปล่า หวางเสี่ยวหงรู้ไหมว่าพ่อแท้ๆของพ่านพ่านก่อเรื่องอะไรไว้ และที่สำคัญที่สุดคือ หวางเสี่ยวหงได้บอกอะไรกับพ่านพ่านไปบ้างหรือเปล่า นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนกังวลมาก
“คนร้ายเอาตัวพ่านพ่านไปได้ไง? มีคนสมรู้ร่วมคิดด้วยใช่ไหม?” เฉียวเจิ้นสงสัยเรื่องนี้มาก