แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 461
เฉียวเจิ้นไม่อธิบายอะไรยังพอว่า พออธิบายขึ้นมา อวี๋หมิงหลางฟังแล้วก็ยิ่งโมโห
ถุงยางกลิ่นวนิลาที่เขาซื้อมายังคงนอนอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในกล่องเก็บของท้ายรถ
เฉียวเจิ้นมีสิทธิ์อะไรบทจะทำก็ทำได้ ทำ ไม
อัดแค่นี้ยังน้อยไป
หลังจากที่เฉียวเจิ้นถูกอวี๋หมิงหลางอัดอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็เริ่มตั้งรับ ทั้งสองคนซัดกันนัวเนีย ผลัดกันคนละที ดูแล้วสนุกไม่เบา
ห่างจากตรงนั้นไปไม่ไกล ทหารท้องที่หลายนายที่มาช่วยทำสนามทดสอบกำลังยืนมองอยู่ การปะทะกันอย่างดุเดือดของอวี๋หมิงหลางกับเฉียวเจิ้นได้เป็นประเด็นให้พวกเขาพูดคุยกัน
“011สองคนนี้สุดยอดเลยว่ะ”
“น่าเสียดายที่พวกเราคุณสมบัติไม่พอเข้าร่วมคัดเลือก มีแค่ทหารเก่งๆเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมทดสอบได้ หวางย่าเฟยที่ได้เลื่อนหกขั้นติดก็เข้าร่วมด้วยพวกนายเคยได้ยินเปล่า?”
“บุคคลในตำนานที่อาศัยปลูกผักจนได้เลื่อนสามขั้นไปเป็นนักสอดแนม จากนั้นก็กลายเป็นนักแม่นปืนน่ะเหรอ?”
“ใช่ๆ เลื่อนหกขั้น ทั้งหมดมีแปดคนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการทดสอบได้ แต่ชื่อเสียงของเขาดังสุด ยังคิดอยู่ว่าหวางย่าเฟยก็เก่งมากแล้วนะ แต่พอเห็นฝีมือของ011ถึงได้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า สมกับเป็นพี่ใหญ่ของหน่วยรบพิเศษ”
ทหารพวกนี้ไม่ได้รู้เลยว่า อวี๋หมิงหลางกับเฉียวเจิ้นที่ได้รับการชื่นชมอยู่นั้น สาเหตุที่พวกเขาลงไม้ลงมือเป็นเพราะคนหนึ่งได้กินเนื้อแล้ว อีกคนยังเป็นพระอยู่ ดังนั้นหลวงพี่เลยโมโห อยากอัดเฉียวเจิ้น
ผ่านไปห้านาทีเครื่องมือสื่อสารของอวี๋หมิงหลางก็ดังขึ้น เขาถึงปล่อยมือ ปล่อยเฉียวเจิ้นที่ถูกเขาต่อยจนหน้าบวมจมูกเขียว
เฉียวเจิ้นลูบปาก จนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถูกอัด “ถ้าไม่ติดว่าเมื่อคืนใช้พลังไปเยอะนะ ฉันเอาคืนแน่”
“แรงนายน่ะสู้ฉันไม่ได้อยู่แล้ว” หลังจากอวี๋หมิงหลางพูดท้าทายเสร็จก็กดปุ่มรับ
“ผมOneครับ เชิญพูด”
“One มีสายด่วนของคุณ ช่วยมาที่รถสื่อสารด้วย”
“รับทราบ”
อยู่ข้างนอกจะต้องเก็บโทรศัพท์ไว้ แต่ถ้ามีเรื่องด่วนก็โทรเข้าเบอร์ฉุกเฉินเพื่อหาเขาได้
อวี๋หมิงหลางยกนิ้วกลางให้เฉียวเจิ้นด้วยความ โกรธ อาฆาต ริษยาแล้วรีบวิ่งไปที่รถสื่อสาร
“ใครโทรมาครับ?” อวี๋หมิงหลางถาม
ทหารสื่อสารตอบด้วยท่าทียำเกรง “คู่หมั้นของคุณครับ บอกว่ามีเรื่องด่วน”
เสี่ยวเชี่ยน? อวี๋หมิงหลางไม่กล้ารอช้า ปกติเสียวเหม่ยไม่มีทางโทรถึงที่นี่ได้แน่ คงมีเรื่องด่วนมาก
การโทรจะต้องผ่านหลายคน คิดดูก็รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนคงโทรหาพ่อของเขาก่อน จากนั้นก็ใช้เส้นสายโอนสายกันจนมาถึงที่นี่ สถานการณ์ที่นี่ในตอนนี้แตกต่างจากปกติ โทรศัพท์ทั่วไปไม่มีทางติดต่อได้โดยตรง
“เสียวเหม่ยเกิดอะไรขึ้น?” อวี๋หมิงหลางพอคว้าโทรศัพท์ได้ก็รีบถามด้วยความร้อนใจ
“เรียกฉันว่าหมอเฉินด้วยค่ะ ตอนนี้ฉันคุยกับคุณในฐานะคนเป็นหมอ”
“……” เมื่อกี้ยังตึงเครียดอยู่ พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็โล่งใจ ดูท่าจะไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ
“ว่ามาครับหมอเฉิน เกิดอะไรขึ้น?”
“หวางย่าเฟยนายรู้จักไหม?”
“รู้จัก” นี่คือคนที่มาแรงที่สุดในบรรดาคนที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ อวี๋หมิงหลางกับเฉียวเจิ้นมาที่นี่ก็เพราะถูกใจในพรสวรรค์การยิงปืนของหวางย่าเฟย เขาเองก็คาดหวังกับผลงานในวันพรุ่งนี้ของหวางย่าเฟย
“ตามจรรยาบรรณของพวกเรา เราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลรวมถึงชื่อแซ่ของคนไข้ได้ แต่นี่เป็นกรณีพิเศษ ฉันจำเป็นต้องบอกนาย ถ้าพรุ่งนี้หวางย่าเฟยผ่านการทดสอบของนาย ขอความกรุณาอย่าพาเขากลับไปด้วย”
“ขอเหตุผล” อวี๋หมิงหลางขมวดคิ้ว
“เพราะเขาเป็นโรคภาวะผิดปกติทางใจอย่างรุนแรงแอบแฝง หากเข้าหน่วยรบพิเศษไปอาจเกิดผลร้ายที่ค่อนข้างหนัก”
อวี๋หมิงหลางอึ้งไปกับคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน
“โรคอะไรนะ?”
“โรคภาวะผิดปกติทางใจอย่างรุนแรง ถ้าฉันวินิจฉัยไม่ผิดล่ะก็ อาการของเขามีมาหลายปีแล้ว แต่ฉันสะกดจิตเขาล้มเหลว เลยไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ปีไหน ฉันได้อาศัยเส้นสายให้ลองสืบดูแล้ว ดังนั้นก่อนที่ฉันจะรักษาเขาหาย อย่าเพิ่งให้เขาเข้าหน่วยนาย นี่ถือเป็นการรับผิดชอบต่อพวกนาย และเป็นการรับผิดชอบต่อตัวเขา”
เสี่ยวเชี่ยนเองก็ตัดสินใจหลังจากที่ความคิดตีกันไปยกใหญ่
เธอรักษาหวางย่าเฟยครั้งแรกล้มเหลว หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจทำผิดจรรยาบรรณ เอาข้อมูลของคนไข้เปิดเผยกับอวี๋หมิงหลาง
การกระทำแบบนี้ถือเป็นการทำผิดกฎ
เสี่ยวเชี่ยนชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว เธอคิดว่าการปล่อยให้หวางย่าเฟยเข้าหน่วยโลนวูล์ฟของ011ไป ไม่เพียงแต่ตัวเขาเองจะมีอันตราย ทั้งทีมก็จะมีอันตรายไปด้วย ถึงตอนนั้นอวี๋หมิงหลางก็จะได้รับผลกระทบ
“รายละเอียดเป็นไง?”
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนได้เรียกความสนใจของอวี๋หมิงหลางได้มากทีเดียว
“อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะไปถึงสนามทดสอบของนาย เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
เสี่ยวเชี่ยนติดต่อไปหาหัวหน้าใหญ่ก่อน จากนั้นหัวหน้าใหญ่ก็อนุญาตให้เข้าไปยังสนามทดสอบได้เป็นกรณีพิเศษ เรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่ เกี่ยวข้องกับอวี๋หมิงหลาง เธอไม่มีทางปล่อยไปโดยไม่สนใจ
เสียวเหม่ยจะมา?
อวี๋หมิงหลางนิ่งไปเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้มีอารมณ์ดีใจที่จะได้เจอคนรักอีก เขาขมวดคิ้วแล้วตอบไปว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นก็วางสาย
การที่เสียวเหม่ยต้องมาด้วยตัวเองก็แสดงว่าเรื่องนี้หนักหนามาก ทหารที่เขาเล็งไว้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ ในใจรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ถึงทหารจะมีเยอะ แต่ทหารเก่งๆที่ทำให้อวี๋หมิงหลางถูกใจได้กลับมีน้อยเหลือเกิน จึงค่อนข้างมีค่า
เสี่ยวเชี่ยนวางสายแล้วยกมือไหว้อาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยอารมณ์ที่ยังมีความโกรธเหลืออยู่
“อาจารย์ หนูจัดการแบบนี้อาจารย์ไม่พอใจเหรอคะ?”
ตอนที่เธอคุยกับหวางย่าเฟยไปได้ครึ่งทางศาสตราจารย์หลิวก็โผล่พรวดเข้ามาด้วยความโกรธ เดิมจะมาคิดบัญชีกับเสี่ยวเชี่ยน แต่พอเห็นเธอรักษาอย่างมืออาชีพจึงไม่ได้ขัด แค่ยืนมองอยู่ข้าง
ที่แค้นกว่าก็คือ ตอนหวางย่าเฟยถามว่าศาสตราจารย์หลิวเป็นใคร เสี่ยวเชี่ยนตอบไปหน้านิ่งๆว่าเป็นป้าเช็ดกระจก เล่นเอาศาสตราจารย์หลิวโกรธจนหน้าเกือบเบี้ยว
แต่วิธีการจัดการของเสี่ยวเชี่ยนไร้ซึ่งปัญหา ศาสตราจารย์หลิวไม่ได้ขัดจังหวะเธอ ปล่อยให้เสี่ยวเชี่ยนรักษาจนเสร็จ
เดิมจะมาคิดบัญชีกับเสี่ยวเชี่ยน แต่เพื่อประโยชน์ของคนไข้ อาจารย์กับลูกศิษย์คู่นี้จึงปรึกษาเรื่องอาการของหวางย่าเฟยก่อน หลังจากที่ได้บทสรุปร่วมกัน อาจารย์ก็ติดต่อไปที่หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าใหญ่จึงให้วิธีติดต่ออวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยน
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน ใครใช้ให้เธอกล้าถึงขนาดวางยาฉัน อีกทั้งยังรักษาคนไข้โดยไร้ใบประกอบโรคศิลปะ? เธอไม่กลัวฉันไปฟ้องอาจารย์ที่ปรึกษาเธอจนทำให้เธอเรียนไม่จบเหรอ?”
เด็กคนนี้กล้ามากจริงๆ ศาสตราจารย์หลิวนอนไปพักใหญ่ พอตื่นขึ้นมาเห็นกระดาษโน้ตของเสี่ยวเชี่ยนก็โกรธแทบบ้า
รีบออกมาที่ห้องทำงาน เสี่ยวปืนเหล็กรักษาคนไข้ไปแล้ว
“สามีอาจารย์นั่นแหละค่ะที่อนุญาต เขาให้ป้ายอาญาสิทธิ์ละเว้นโทษตายกับหนู อาจารย์มีความโกรธความแค้นความไม่พอใจเชิญไปลงกับสามีได้เลยค่ะ ถ้าเปรียบหนูเป็นมีด งั้นสามีอาจารย์ก็เป็นคนถือมีด อาวุธไม่ผิด คนถือสิผิด อย่ามาคิดบัญชีกับหนูเลยนะคะ สามีอาจารย์ผิดเต็มๆเลย”
เสี่ยวเชี่ยนขายเพื่อนร่วมทีม เอาหัวหน้าใหญ่มาขายจนไม่เหลือชิ้นดี
ศาสตราจารย์หลิวชี้หน้าเสี่ยวเชี่ยนด้วยความโกรธ “เขาให้เธอทำอะไรเธอก็ทำเหรอ? เธอสนิทกับเขาหรือกับฉัน?”
“ก็ต้องอาจารย์สิคะ ถ้าหนูสนิทกับเขามากเกินไปเดี๋ยวอาจารย์ก็ไม่พอใจ…อาจารย์ อาจารย์เป็นคนมีการศึกษาใช้กำลังไม่ได้นะคะ”
เสี่ยวเชี่ยนถอยไปหนึ่งก้าวหลบสมุดที่ศาสตราจารย์หลิวเขวี้ยงมา
“เพ้อเจ้อ”
เสี่ยวเชี่ยนหลบสมุดที่ศาสตราจารย์หลิวจะเอามาตี ปากก็ยังไม่วายพูดเตือนสติอย่างจริงใจ
“อาจารย์ นิสัยที่พอชอบใครก็เอาของทุบตีนี่ต้องแก้ไขนะคะ เป็นแบบนี้จะไม่มีเพื่อนเอา…”