แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 476
เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ว่าใครโทรมา เพราะแบตหมดพอดี
เธอไปรับข้อมูลที่เจิ้งซวี่ฝากไว้ที่ผับ เสร็จแล้วก็กลับโรงแรม พอเดินไปตรงลิฟท์ยังไม่ทันจะได้เข้าก็รู้สึกเหมือนมีแรงมหาศาลพุ่งมาจากทางด้านหลัง
มีคนร้ายเหรอ?
กลางวันแสกๆยังมีคนกล้าทำเรื่องแบบนี้ ตอนแรกเธอเครียดและตกใจ จากนั้นเธอก็ป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณ เธอรีบก้มตัวแล้วหันไปจับข้อเท้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ออกแรงดึง นี่คือวิชาป้องกันตัวที่อวี๋หมิงหลางสอนเธอไว้ เดิมเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะล้มเสียอีก
ปรากฏว่าคนๆนั้นกลับตั้งหลักได้แล้วโจมตีเข้าที่บั้นท้ายของเธออย่างง่ายดาย
“ความรู้สึกไวดีนี่ แต่ก็ยังช้าเกินไป แรงก็ยังไม่พอ”
เสียงที่คุ้นเคยดังจากข้างหลังเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนหันกลับไปอย่างแทบไม่เชื่อสายตา คนร้ายที่เมื่อครู่แตะอั๋งบั้นท้ายเธออย่างหน้าไม่อายกำลังยืนยิ้มโบกมือให้เธออยู่
“คนสวยผมมาแล้ว ยังเหลือที่จอดรถให้ผมอยู่หรือเปล่า?”
“นาย” เสี่ยวเชี่ยนชี้หน้าอวี๋หมิงหลาง นี่เธอเห็นภาพลวงตาหรือเปล่า?
เมื่อกี้ตอนที่แยกกับเสี่ยวเฉียงยังคิดอยู่เลยว่าคงไม่ได้เจอกันอีกนาน ยังแอบเศร้าอยู่เลยด้วยซ้ำ แต่นี่อะไรยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เจอกันอีกแล้ว?
อวี๋หมิงหลางลากเธอไปหลบข้างลิฟท์ตรงจุดที่ไม่มีคนแล้วเชยคางเธอขึ้นมา “ทำไมปิดเครื่อล่ะ หืม?”
“เมื่อกี้นายโทรมาเหรอ?”
“อืม คิดถึงผมเปล่า?”
“ไม่คิดถึง” สิแปลก
เขาเล่นมาเซอร์ไพร้ส์แบบนี้ เซอร์ไพร้ส์เสียจนทำให้เธอมองข้ามเรื่องการเล่นพิเรนทร์ของเขาได้
“นายหาฉันเจอได้ไง?”
ตอนนี้เธอพักอยู่กับสืออวี้ ไม่ได้อยู่ในหอพัก ติดต่อก็ไม่ได้ แต่เขากลับหาเธอเจอได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“ง่ายจะตาย ลองคิดดูสิ คุณกลับหอพักไม่ได้ แล้วจะไปไหนได้? ไม่ไปหาต้าอีก็สืออวี้มีแค่สองคนนี้ ผมโทรหาพี่รองก่อน ปรากฏว่าแทบอยากอ้วก”
“พี่รองมีเรื่องอะไรเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนกำลังสงสัย แต่พอเห็นสายตาของเขาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาที่ทุกคนได้กินเนื้อกันหมดแล้ว เธอก็เข้าใจทันที
“เหอๆ…พี่รองก็มีอารมณ์แบบนั้นด้วย หลายวันก่อนก็กิน ตอนนี้กินอีกแล้ว? กลางวันแสกๆด้วย?”
ไม่กลัวจุกตายหรือไง
“ใช่ เขาเป็นคนไม่รู้เวล่ำเวลาแบบนั้นแหละ ทำอย่างกับไม่เคยเจอผู้หญิงมาก่อน” คำพูดนี้ของอวี๋หมิงหลางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
ตอนที่เขาโทรไป เสียงของพี่รองเห็นได้ชัดว่าแปลกๆ ตอนแรกเขาก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอได้ยินเสียงหอบของผู้หญิงเขาก็เข้าใจทันที
“จากการวิเคราะห์ลักษณะเด่นของนิสัย ฉันสงสัยจริงๆนะว่าพี่รองคงไม่ได้เจอผู้หญิงมานานจริงๆน่ะแหละ…” ไม่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะมองอวี๋หมิงอี้ในมุมไหนก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายที่รู้ว่าอดีตภรรยาเป็นโรคแล้วยังจะดันทุรังทำเรื่องอย่างว่าได้
ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าไม่เคยได้สัมผัสกับผู้หญิงจริงๆ และนี่ก็เป็นครั้งแรก
“คุณพูดพึมพำอะไรน่ะ? ลูกเชี่ยน พี่รองนำหน้าไปแล้วนะ พวกเราจะมารั้งท้ายไม่ได้ ไป รีบไปกันเถอะ~”
ถึงเวลาจะยังมีอีกเยอะ แต่หลังจากที่มีประสบการณ์ล้มเหลวในครั้งก่อนหน้ามาแล้ว อวี๋หมิงหลางได้ซึมซับเป็นอย่างดี
“ไปไหน? ที่นี่ก็โอเคดีไม่ใช่เหรอ?” อยู่ในโรงแรมแล้วยังจะไปไหนอีก?
“ยังไม่หรูพอ จองที่เดิมไว้…ผมรู้สึกว่าป้าแม่บ้านคราวก่อนมองผมแปลกๆ”
“……” เสี่ยวเชี่ยนเกือบหลุดหัวเราะออกมา
แบบนี้เรียกว่าอะไร?
หยามศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ถึงไกลก็จะไป?
“งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นไปบอกสืออวี้ก่อน” เสี่ยวเชี่ยนอยากขึ้นไป แต่ถูกอวี๋หมิงหลางรั้งไว้
“โทรไปบอกก็ได้”
แทบไม่อยากเสียเวลาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
อยากรีบไปทำแล้ว
เขาเดินจูงมือเสี่ยวเชี่ยนออกไป รีบพาเธอไปยังโรงแรมเมื่อคราวก่อนอย่างไม่รอช้า พอเข้าห้องได้ก็รีบกดเธอเข้ากับประตู
มีครั้งหนึ่ง ครั้งสองที่ล้มเหลวไปแล้วจะปล่อยให้มีครั้งสามไม่ได้ เสี่ยวเชี่ยนรับรู้ได้ถึงพลังอันแรงกล้าในความอยากเป็นเจ้าของของเขาจากการกระทำที่ส่งผ่านมา ก่อนหน้านี้ยังมีความนุ่มนวลอยู่บ้าง มีความสุนทรีย์ คารมคมคาย ตอนนี้ได้กองทุกอย่างทิ้งไว้ เหลือเพียงความปรารถนาของชายหญิงล้วนๆ
อวี๋หมิงหลางจูบเธออย่างบ้าคลั่งดุจหมาป่าที่หิวโหยมาเป็นหมื่นปี สอดใส่ลิ้นเข้าไปประสานกับเธอ แสดงอำนาจของตัวเองอย่างเต็มที่ มือของเธอคล้องที่คอเขาไว้ ทันใดนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ตัวสั่น
“เป็นอะไรไป เจ็บแล้วเหรอ อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวเจ็บกว่านี้อีก…” เขาจูบหน้าผากเธอ มือก็ซุกซนไปเรื่อย สำรวจในจุดซ่อนเร้นด้วยความอยากรู้ สัมผัสได้ถึงสายน้ำแห่งวัยเยาว์ที่ไหลออกมาอุ่นๆชวนให้เคลิบเคลิ้ม
“ไม่ใช่…นายรอเดี๋ยวได้ไหม?”
เสี่ยวเชี่ยนแทบอยากร้องไห้ ครั้งแรกเธอเตรียมชุดชั้นในสีแดงมีคริสตัล ประจำเดือนเธอก็มาในทันที
ครั้งสองเธอเตรียมชุดชั้นในสีชมพูสุดแสนจะแบ๊ว แต่ก็มีเรื่องเข้ามาขัดจังหวะเสียอย่างนั้น
วันนี้เธอไม่ได้เตรียมอะไรเลย เพราะเห็นว่าต้องเข้าไปในเขา เลยใส่แค่ชุดชั้นในธรรมดาสีเนื้อ … สีแบบที่ผู้ชายไม่ชอบที่สุด สีเนื้อแบบเรียบๆที่ถูกจัดอันดับความเชยเป็นที่หนึ่ง
ไม่เพียงแต่จะไม่มีความเด่น สีก็ชวนให้ผู้ชายรังเกียจ อีกทั้งกางเกงในก็เป็นแบบผ้าฝ้ายตัวใหญ่มีความป้าสุดๆ…
เฝ้าคิดมาตลอดว่าอยากมีความทรงจำที่สวยงามที่สุดกับเขา แต่เขากลับไม่รอให้ถึงช่วงเวลาดีๆ ไม่รอให้ดอกไม้ผลิบานอย่างสวยงาม กลับอยู่ๆก็มาปรากฏตัวในเวลานี้ ทำให้เธอแทบอยากจะบ้า
“รอเหรอ?” อวี๋หมิงหลางอึ้ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน แต่กลับไปกระตุ้นความปรารถนาที่เก็บไว้ในใจเขามาตลอด อารมณ์ที่อัดอั้นมานาน ได้ปลดปล่อยออกมาแล้วในเวลานี้
เขาเชยคางเธอขึ้นมา กดมือเธอไว้ แล้วเอาตัวเข้าไปแนบ ออกแรงตรงเอวเล็กน้อย ถึงมีเสื้อผ้ากั้นอยู่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่กำลังพลุ่งพล่าน
“สักนาทีก็รอไม่ได้แล้ว คุณเป็นของผม”
เธอหอบเบาๆ แต่กลับถูกเขาฉวยโอกาสจู่โจมเข้าที่ริมฝีปาก จากนั้นก็แทบจะโยนเธอขึ้นเตียง
อวี๋หมิงหลางในเวลานี้ทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่วว่องไว มือซ้ายปลดเข็มขัด มือขวาล้วงโทรศัพท์ออกมาเตรียมถอดแบตออก สายตาอันเฉียบคมจ้องเธออย่างไม่ละสายตา ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไร เสื้อผ้าก็ยังอยู่ครบ แต่สายตาของเขากลับสะกดให้ความรู้สึกเหมือนเนื้อตัวว่างเปล่า ทุกอย่างจัดการเสร็จเรียบร้อย เธอรู้สึกตัวหวิวอย่างบอกไม่ถูก ในเวลานี้บรรยากาศกำลังร้อนแรงถึงขีดสุด
อวี๋หมิงหลางอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม แบตมือถือถอดออกเรียบร้อย เข็มขัดก็ถอดออกแล้ว ในขณะที่หมาป่าผู้หิวโหยกำลังจะเขมือบลูกแกะอยู่ๆก็มีคนมาเคาะประตู
“คุณผู้ชายคะไม่ทราบว่าได้กดเรียกพนักงานหรือเปล่าคะ?ฎ
“โว้ย” อวี๋หมิงหลางเดินไปที่ประตูด้วยความโมโห อยากจะรู้นักว่าพนักงานคนไหนที่มันไม่รู้จักกาลเทศะแบบนี้
ส่วนเสี่ยวเชี่ยนรีบลุกเดินไปที่ห้องน้ำทันที อยากจะรีบอาบน้ำ แล้วออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวก็ยังดีกว่าปล่อยให้เขาเห็นกางเกงในสีเนื้อรุ่นอาม่า
“ทำไมไม่รู้จักเวล่ำเวลา? ถ้าไม่อยากตายก็รีบไปซะ” อวี๋หมิงหลางโมโหมาก เล่นเอาพนักงานคนนั้นตกใจกลัว ดูจากสีหน้าโหดๆของอวี๋หมิงหลาง บวกกับกางเกงที่ปลดกระดุมเรียบร้อยก็รู้ได้ทันทีว่าเข้ามาขัดจังหวะอะไร…
“ขอโทษค่ะ ฉันเคาะผิดห้อง”
“ไป”
ต่อให้ฟ้าถล่มก็ไม่มีทางห้ามพี่หลางกินเนื้อได้
อวี๋หมิงหลางใช้เท้าถีบประตูปิด สายตาเหลือบไปเห็นเสี่ยวเชี่ยนกำลังเข้าห้องน้ำ
ในสมองของเสี่ยวเชี่ยนมีอยู่ความคิดเดียว รีบถอดกางเกงในสีเนื้อแบบป้าๆนี่ออก อยากสร้างความประทับใจให้เขาที่สุด และมันก็กำลังจะสำเร็จ
ในจังหวะที่กำลังจะปิดประตูได้อยู่แล้วนั้นก็มีขาเบียดเข้ามา “อยากอาบน้ำไม่พาผมเข้าไปด้วยเหรอ?”
“เปล่านะ คือฉัน…ว้าย”