แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 499 ท้องแม่เดียวกัน
บ้านตัวเองสบายที่สุด
เสี่ยวเชี่ยนกินซุปแห่งความรักที่แม่ทำให้ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แม่ด่าน้องชายที่กลับบ้านดึก รู้สึกสบายใจ
“แกนี่มันทำตัวเหลวไหล เลิกเรียนไม่กลับบ้าน ไปเถลไถลที่ไหนมา? ยังรู้จักกลับบ้านด้วยเหรอ” เจี่ยซิ่วฟางถีบก้นลูกชาย เฉินจื่อหลงรีบหลบพลางอธิบาย
“อาจารย์กักตัวพวกผมไว้ พี่กลับมาแล้วเหรอ ช่วยผมด้วย แม่วัยทองอาละวาด ตีน้องชายที่แสนดีของพี่อีกแล้ว”
“ต้นไม้ไม่แต่งกิ่งแล้วจะโตได้ยังไง ต้าหลง แม่เราทำเพื่อนายนะ” เสี่ยวเชี่ยนตอบอย่างนุ่มนวล แต่ท่าทางดันแว่นตานั้นแฝงไว้ซึ่งความชั่วร้ายเล็กๆ
นานแล้วที่ไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ ให้ความรู้สึกเป็นบ้านจริงๆ
ซุปแห่งความรัก แม่ขี้บ่น น้องชายตัวดื้อ กลับบ้านแล้วดีจริงๆ
“หัดเอาอย่างพี่สาวแกบ้าง เมื่อไรจะทำตัวดีๆสักที? เลิกเรียนไม่กลับบ้านเอาแต่ไปเที่ยวเตร่ นี่แกไปยุ่งกับพวกเด็กเกเรข้างนอกนั่นอีกแล้วใช่ไหม?”
“เปล่านะ แม่ ไม่มีจริงๆ เลิกเรียนแล้วผมก็แค่ไปเล่นพวกตู้เกมมานิดหน่อย ผมไปเองคนเดียว ไม่ได้ตามใครไป…โอ๊ย”
เฉินจื่อหลงร้องเสียงหลง เจี่ยซิ่วฟางถอดรองเท้าแตะแล้วเอาไปฟาดไหล่ลูกชาย
“ให้ไปเรียนไม่รู้จักเรียน ใครใช้ให้ไปเล่นตู้เกม รวยนักเหรอ? เก่งแล้วใช่ไหม?”
“ผมจะไม่ไปอีกแล้ว พี่ช่วยผมหน่อย” เฉินจื่อหลงคิดหนีไปหลบข้างหลังเสี่ยวเชี่ยน เจี่ยซิ่วฟางยิ่งโมโหใหญ่
“หยุดอยู่ตรงนั้น ฉันตีแกไม่กี่ที ถ้าแกกล้าหนีฉันจะเอาไม้ปัดขนไก่ฟาดแกให้ตาย”
เฉินจื่อหลงไม่กล้าหนี ยืนนิ่งๆปล่อยให้แม่ระบายอารมณ์
เสี่ยวเชี่ยนกินซุปไปได้ครึ่งชาม รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นแล้วจึงวางชามลง แล้วพูดสั่งสอนน้องชาย
“ต้าหลง อย่าว่าแม่เขาเลยนะ เมื่อกี้แม่เพิ่งถูกคนเอามีดจี้คอมาตกใจแทบแย่ แกเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกคนเดียวในบ้าน ถ้าแกไม่กลับมาแม่ได้ตกใจจนเป็นบ้าแน่”
“ใช่ไหมล่ะ? เมื่อกี้มีดนั่นจี้คอฉันตรงนี้ ไอ๊หยา ตกใจชิบหายเลย” ตอนนี้มานึกดูเจี่ยซิ่วฟางก็ยังหวาดกลัว เกือบได้ไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้แล้ว
“เรื่องอะไรกัน? แม่ เล่าให้ผมฟังหน่อย แม่ไม่เป็นไรใช่ไหม? บาดเจ็บหรือเปล่า?” เฉินจื่อหลงได้ยินดังนั้นสีหน้าทะเล้นก็หายไป สีหน้าจริงจังเข้ามาแทนที่
“เด็กเหลวไหลอย่างแกรู้จักกตัญญูด้วยเหรอ รู้จักเป็นห่วงแม่ ไม่เป็นไรแล้ว ดีนะที่พี่แกอยู่ เรื่องมันเป็นแบบนี้…”
เจี่ยซิ่วฟางแทบจะอดทนรอไม่ไหวเล่าเรื่องนี้ออกมา เฉินจื่อหลงฟังแล้วก็ตกใจยื่นมือไปลูบคอแม่ พอเห็นว่านอกจากไขมันสองชั้นตรงคอแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรจึงโล่งใจ
นั่งหน้าซีดอยู่นานถึงได้สติกลับมา “แล้วแม่ทำไมถึงได้กล้าแบบนั้น พี่ลากแม่กลับแล้วถ้าแม่รีบกลับก็ไม่เกิดเรื่องแล้วไหม? พี่ งานสาธารณะประโยชน์ที่พี่ทำก้าวหน้าขึ้นอีกแล้วนะ ช่วยป้าวัยกลางคนให้ได้สติอย่างง่ายดาย”
“ฉันหวังอะไรกับแกได้บ้างเนี่ย” เจี่ยซิ่วฟางโวยวายกับลูกชาย
เฉินจื่อหลงครุ่นคิด จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกไป
“จะไปไหน?” เจี่ยซิ่วฟางถาม
“ผมจะไปหาหนอนหนังสือสี่ตาข้างบ้านนั่น…โอ๊ยพี่ ผมไม่ได้หมายถึงพี่นะ” เฉินจื่อหลงหลบตะเกียบที่เสี่ยวเชี่ยนปามาอย่างหวาดเสียว
นี่เขาลืมได้ไงว่าที่บ้านตัวเองก็มี ‘คนสี่ตา’
“ผมหมายถึงเลี่ยวหยุนฉาง ปกติแม่เข้ากันได้ดีกับเขา แล้วทำไมเขาทำให้แม่เดือดร้อนขนาดนี้”
“กลับมาเลยนะ อย่าไปทำขายหน้า เรื่องนี้เขาไม่ได้ผิดอะไร ถ้าแกไปหาเรื่องแล้วอีกหน่อยแม่จะมองหน้าเพื่อนบ้านยังไง?” เสี่ยวเชี่ยนสั่งสอนวัยรุ่นเลือดร้อน
ถึงแม้เธอเองก็ไม่ชอบเลี่ยวฟู่กุ้ย แต่นี่มันคนละเรื่องกัน เรื่องนี้จะไปโทษเขาก็ไม่ได้
ในขณะที่เสี่ยวเชี่ยนสั่งสอนน้องชายว่าควรทำตัวยังไง ทันใดนั้นก็มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน เจี่ยซิ่วฟางจึงไปเปิดประตู
ผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาพอๆกับเลี่ยวฟู่กุ้ยยืนอยู่หน้าบ้าน เลนส์แว่นตาหนายิ่งกว่าก้นขวด เพียงแต่อายุค่อนข้างเยอะ ใบหน้ามีรอยยับค่อนข้างมาก แต่ก็มองออกไม่ยากว่าสมัยหนุ่มๆหล่อแค่ไหน พอเห็นเจี่ยซิ่วฟางก็ยื่นมือออกมาแล้วพูดด้วยความรู้สึกผิด
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่สร้างความวุ่นวายให้ ผมเพิ่งเลิกงานเลยเพิ่งรู้เรื่องนี้ คงตกใจมากเลยสินะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พูดอะไรแบบนั้น ฉันไม่ได้บาดเจ็บ”
เลี่ยวฟู่กุ้ยยืนอยู่ข้างพ่อ ในมือถือนมสองลังที่เพิ่งลงไปซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาเพื่อเอามาปลอบขวัญเจี่ยซิ่วฟาง
เจี่ยซิ่วฟางอยากเชิญแขกเข้าบ้าน แต่พ่อเลี่ยวปฏิเสธ เขาเห็นโต๊ะอาหารที่อยู่ในห้องรับแขกจึงรู้ว่าคงกำลังกินข้าวกันอยู่ เข้าไปรบกวนคงไม่ดี ยืนอยู่หน้าบ้านเอาแต่ขอโทษเจี่ยซิ่วฟางไม่หยุด
เฉินจื่อหลงหันไปซุบซิบใส่หูเสี่ยวเชี่ยน “พี่ ดูตาแก่นั่นสิ เขาชอบแม่เราหรือเปล่า? ว่างๆชอบมาหาบ่อยๆ เมื่อวานยังเอาแตงโมมาให้ด้วยนะ บอกว่ากินไม่หมด ตอนนี้แตงโมแพงจะตาย เขานึกจะเอามาให้ก็ให้ ผมว่าเขาตั้งใจนะ”
“ไม่มั้ง?” เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองทางนั้นอีกครั้ง ไอ๊โหยว ผู้ใหญ่สองคนนั้นคุยกันถูกคอจริงๆ ไม่ทันระวังสายตาเหลือบไปเห็นเลี่ยวฟู่กุ้ยที่ยืนอยู่ข้างพ่อ
มุมปากกระตุก เธอไม่อยากมีพี่ชายแบบนั้นหรอกนะ
ครั้นแล้วจึงหันไปซุบซิบข้างหูน้องชาย
“ต้าหลง เวลาว่างๆทำแบบนี้นะ…”
รีบแยกพ่อของเลี่ยวฟู่กุ้ยให้อยู่ห่างๆไว้ดีกว่า แม่เธอเป็นแม่หม้ายอัธยาศัยดีมีคนมาตามจีบไม่ขาดสาย ถึงจะอ้วนไปหน่อยแต่ก็นับว่าดูดีกว่าในบรรดาป้าๆวัยกลางคนด้วยกัน ไม่อย่างนั้นจะมีลูกสาวหน้าตาดีแบบเสี่ยวเชี่ยนได้เหรอ?
เลี่ยวฟู่กุ้ยเห็นท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนกับเฉินจื่อหลง สายตาของเธอดูมีแววซุกซนเจ้าเล่ห์ คล้ายกับกำลังคิดเล่นอะไรพิเรนทร์ ตอนที่เฉินจื่อหลงถาม เธอก็แอบเคาะหัวน้องชาย
คล้ายกับเป็นพี่สาวขี้แกล้งคนหนึ่ง แตกต่างจากภาพลักษณ์จิตแพทย์ที่มีความเป็นมืออาชีพสูง
เจี่ยซิ่วฟางคุยกับพ่อเลี่ยวเสร็จแล้ว ทั้งสองคนมัวแต่พูดจาเกรงใจใส่กัน ดันมือกันไปมากว่าพ่อเลี่ยวจะเอาของยัดใส่มือเจี่ยซิ่วฟางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จากนั้นจึงกลับไปพร้อมกับลูกชาย ภายในบ้านถึงได้สงบลง
“ดูอาเลี่ยวสิขี้เกรงใจจริงๆ จริงๆเลยจะซื้อของมาทำไม ฉันไม่ได้กลัว…ทำไมไม่ใช่นมวอลนัทล่ะ?”
เสี่ยวเชี่ยนอยากหัวเราะ อันที่จริงแม่เธอน่ะอยากได้ของตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็แสร้งทำเป็นเกรงใจไปอย่างนั้นแหละใช่มะ?
ในที่สุดก็ได้กินข้าวกันพร้อมหน้าเสียที เจี่ยซิ่วฟางในฐานะที่ตอนนี้เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องการแสดงความคิดเห็นที่มีต่อเรื่องในวันนี้
“เสี่ยวเชี่ยน ต้าหลง เรื่องวันนี้ผ่านไปได้โดยไม่เกิดอันตราย พวกแกได้เรียนรู้อะไรบ้าง?”
เฉินจื่อหลงคาบตะเกียบพลางคิด “แม่ชอบนมวอลนัท เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเอาไปเปลี่ยนที่ร้านให้นะ”
เจี่ยซิ่วฟางคว้าตะเกียบฟาดหัวลูกชายด้วยความโมโห “วันๆรู้จักแต่เรื่องกิน ฉันจะบอกว่าเรื่องนี้ทำให้ฉันเข้าใจว่า ยามคับขันก็มีแค่พี่น้องเท่านั้นแหละที่พึ่งพาได้ สายใยของพี่น้องเหนียวแน่นยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ต่อไปพวกแกต้องรักกันให้มาก ถ้าใครมีปัญหาอีกคนก็อย่าเอาแต่นิ่งเฉย ยังไงพวกแกก็พี่น้องมาจากท้องแม่เดียวกัน ดูอย่างผู้หญิงคนนั้นสิยอมเหน็ดเหนื่อยวิ่งเต้นให้พี่ชาย น่าประทับใจจะตาย”
“พรวด” เสี่ยวเชี่ยนพ่นซุปออกมา
คุณนายเจี่ยซิ่วฟางคะ หลุดประเด็นหรือเปล่า?