แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 509 เสี่ยวเฉียงผู้น่าเศร้า
“เหล่าอวี๋ไม่เอาน่าอย่าโมโห เขาไม่ได้เป็นตัวแทนคนทั้งบ้านนะ พวกเรามาคุยกันก่อน—” พ่อหลี่จะเข้าไปจับพ่ออวี๋ แต่ถูกสะบัดหนี พ่ออวี๋ขยิบตาให้แม่อวี๋ แล้วทั้งสองคนจึงเดินออก
สักพักเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางก็ตามออกมา
เสี่ยวเชี่ยนปลอบใจหลี่เจิ้นว่าให้ใจเย็นๆ ไม่ว่าพ่อแม่เขาพูดอะไรก็อย่าใจร้อน อีกทั้งยังให้เขาให้ความร่วมมือกับเธอเรื่องหนึ่ง ไม่เกินสามวันอาหญิงมาขอร้องเธอแน่ หลี่เจิ้นจึงรับปาก
“เสี่ยวเชี่ยน คือเรื่องนี้—” พ่อหลี่กล่อมใครไม่ได้สักคน ทำได้แค่พูดกับเสี่ยวเชี่ยนอย่างลำบากใจ
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มให้เขาเล็กน้อย “จิตแพทย์อย่างพวกหนูถือคติบังคับไปผลที่ได้จะไม่ดี ในเมื่ออาหญิงไม่เชื่อใจหนู งั้นก็คงต้องไปเชิญหมอคนอื่นมารักษาแล้วล่ะค่ะ”
“ใช่ครับ ฝืนใจทำคงไม่เกิดผลดีเท่าไร อีกอย่างเสี่ยวเชี่ยนของผมก็งานยุ่งมากด้วย” อวี๋หมิงหลางพูดเสริม เขายิ้มแย้มเหมือนเสี่ยวเชี่ยน ทั้งสองคนทำลักษณะท่าทางที่เหมือนกัน
ใบหน้าเหมือนมีอักษรสลักอยู่ว่า เจ้าเล่ห์
อวี๋หมิงหลางพาเสี่ยวเชี่ยนออกไป อาเขยโมโหจนชี้หน้าอาหญิง แล้วนิ่งเงียบอยู่นาน
“คุณจะโมโหขนาดนั้นทำไม ฉันก็ทำเพื่อลูกเหมือนกัน…” อาหญิงรู้สึกสับสน
ท่าทางของพี่ชายเมื่อกี้ทำให้เธออยู่ๆก็รู้สึกหวาดกลัว เธอตระหนักได้แล้วว่าตัวเองได้สูญเสียที่พึ่งอันแข็งแกร่งไปแล้ว
ส่วนท่าทีของสามีก็ทำให้เธอกระวนกระวาย ก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าสามีแค่เอาเรื่องหย่ามาขู่เธอ
แต่วันนี้ปฏิกิริยาของพ่อหลี่ บวกกับท่าทางของพี่ชายได้ทำให้อาหญิงค่อยๆเข้าใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเธออยู่ในสถานการณ์วิกฤต
อยากจะคุยกับพ่อหลี่อีกครั้ง แต่กลับถูกเขาโบกมือไล่ไม่อยากคุยด้วย อาหญิงเดินตามเขาอยู่ข้างหลังอยากจะไปเยี่ยมลูกชาย
พ่อหลี่หันไปด้วยท่าทีเย็นชา “ถ้าไม่อยากให้ลูกเห็นคุณแล้วอาการแย่ลงก็อย่าตามเข้ามา”
“ไม่มีทาง…เขาต้องคิดถึงฉันแน่ ฉันคิดถึงเขามาตลอด”
“ที่เสี่ยวเชี่ยนพูดคุณก็ได้ยินแล้ว ที่ลูกยืนไม่ได้เหตุเกิดมาจากสภาพจิตใจ พอเขาตื่นขึ้นมาเรื่องแรกที่อยากทำก็คือขอโทษเสี่ยวเชี่ยน เขาขอโทษเสี่ยวเชี่ยนเพราะเรื่องที่คุณทำทั้งหมด คุณยังสู้ลูกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมผิดหวังกับคุณมาก”
พ่อหลี่พูดจบก็เดินเข้าห้อง อาหญิงรู้สึกสะเทือนใจอย่างรุนแรง เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว แทบจะล้มทั้งยืน
นี่ลูกชายต้องกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะเธออย่างนั้นเหรอ?
ไม่มีทาง…อาหญิงยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก เธอพยายามปฏิเสธความไปได้นี้ เอามือสั่นๆล้วงโทรศัพท์ออกมากดเบอร์โทร
ก่อนอื่นเธอโทรหาศาสตราจารย์หลิวแล้วพบว่าสายไม่ว่างจึงโทรหาคนอื่น สายตาพร่ามัวพอเอามือไปเช็ดก็พบว่ามันคือน้ำตา นี่เธอร้องไห้?
เธอไม่เชื่อว่าโลกนี้นอกจากเฉินเสี่ยวเชี่ยนแล้วจะไม่มีใครรักษาลูกชายเธอได้ มันต้องมี ต้องมีแน่นอน
อวี๋หมิงหลางเดินออกจากโรงพยาบาลพร้อมเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนยื่นมือจะไปผลักประตูกระจก แต่อวี๋หมิงหลางคว้ามือเธอมาจับไว้อย่างเป็นธรรมชาติแล้วใช้มืออีกข้างดันประตู
ปกติจูงมือกันในใจรู้สึกอุ่นใจ แต่วันนี้รู้สึกหวั่นใจ
“เมื่อกี้เรื่องที่ฉันคุยกับหลี่เจิ้น นาย…ได้ยินหมดเลยเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถามอวี๋หมิงหลาง
“ผมเห็น” อวี๋หมิงหลางเน้นว่าเห็น
สมองอันชาญฉลาดของเสี่ยวเชี่ยนเชื่อมโยงได้ทันที “นายหมายความว่า กล้องวงจรปิดมีแต่ภาพไม่มีเสียง นายอ่านปากเอา?”
งั้นก็จัดการง่ายหน่อย มีแค่เขาที่รู้ อวี๋หมิงหลางก็คงคิดแค่ว่าเธอกำลังหลอกคนอยู่ ไม่มีทางคิดว่าเป็นเรื่องจริง
“แต่ผมรู้ความลับคุณอย่างนึงด้วยนะ” คำพูดของอวี๋หมิงหลางทำให้เสี่ยวเชี่ยนฉุกคิด
เขาก้มลงไปกระซิบข้างหูเธอเบาๆ “เป็นขี้เมาเหรอ?”
ที่แท้ก็เรื่องนี้ เสี่ยวเชี่ยนโล่งอก
“ฉันไม่ชอบดื่มเหล้า ไม่ใช่ขี้เมา” เธอพูดจริงจัง
“ครึ่งขวด?”
เสี่ยวเชี่ยนหันหน้าไปทางอื่น หลบสายตาของเขาที่กำลังแซวเธอ “เรื่องงานทั้งนั้น เพื่อคนไข้ของฉัน”
นี่เป็นเรื่องจริง มันก็ต้องหาทางระบายกันบ้างจริงไหม?
วันๆรักษาคนไข้ เจอแต่สังคมในด้านมืด ไหนจะความบกพร่องของคน โลกที่ออกมาจากปากผู้ป่วยจิตเวชล้วนบิดเบี้ยว อยากรักษาจิตใจให้เป็นปกติเพื่อวิเคราะห์ความจริง มันก็ต้องมีการระบายอารมณ์กันบ้าง
“ไว้ครั้งหน้าพี่ดื่มด้วยนะ” อวี๋หมิงหลางเขี่ยจมูกเธออย่างเอ็นดู
เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา พลางพูดในใจว่า ถ้าเขาเป็นคนคอแข็งขนาดนั้นงั้นชาติที่แล้วเสี่ยวเหวยมาได้ยังไง?
“ไม่ยอม?” อวี๋หมิงหลางเห็นท่าทางฮึดฮัดของเธอแล้วก็หมั่นเขี้ยว
ถ้าไม่ติดว่าต้องรีบกลับไปตอนนี้เขาคงหาที่สงบๆลากสาวน้อยคนงามคนนี้ไปทำนู่นนี่นั่นแล้ว ครั้งก่อนยังไม่หนำใจเลย หลายวันมานี้ฝึกหนักไม่มีเวลาคิด แต่พอว่างก็มักจะคิดถึงตอนที่ได้…ฮี่ๆๆ
“ยอม เหอๆ”
คำว่าเหอๆ ได้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเสี่ยวเชี่ยนตอบแบบขอไปที อวี๋หมิงหลางอยากลากเธอไปตรงที่ที่ไม่มีคนแล้วจูบให้หนำใจจริงๆ แต่ไม่ได้ เขาเห็นรถของบ้านตัวเองมาจอดรอเสี่ยวเชี่ยนแล้ว
“ไปเถอะ ผมต้องกลับแล้ว” อวี๋หมิงหลางตบบ่าเสี่ยวเชี่ยน
“ทำไมเร็วแบบนี้ล่ะ?” เธอยังแอบคิดว่าอย่างน้อยก็คงได้กินข้าวด้วยกันก่อนกลับ
“อืม ผมฉวยโอกาสเวลากินข้าวกลางวันออกมา พอเจอแล้วก็ต้องกลับ”
“ระหว่างทางกินอะไรด้วยนะ ปล่อยให้ท้องว่างไม่ดี”
อวี๋หมิงหลางเห็นเธอเป็นห่วงแบบนี้ในใจก็รู้สึกอบอุ่น ความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านแผ่ซ่านไปทั่วจิตใจ
“ลูกเชี่ยน ผมรักคุณนะ”
“อะไรนะ?”
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ยินเพราะมีรถบรรทุกส่งวัตถุดิบให้โรงพยาบาลผ่านมาพอดี เสียงดังจากรถกลบเสียงของอวี๋หมิงหลาง อวี๋หมิงหลางที่ปกติความรู้สึกไวมาตลอดไม่รู้เกิดอะไรขึ้น รถขับเข้ามาแล้วแต่เขากลับนิ่งมองเธออย่างรอคอย เสี่ยวเชี่ยนรีบดึงเขาไปข้างทาง ส่วนรถคันนั้นก็จอดห่างจากพวกเขาไปไม่ไกล
“นายว่าอะไรนะ?” เสี่ยวเชี่ยนหันไปถามอวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้พูดแบบนั้นออกไป ความรู้สึกในใจมันเอ่อล้นออกมา ก็แค่อยากบอกเธอแบบนั้น และก็อยากได้ยินเธอตอบ มันจะต้องช่วยเติมเต็มความรู้สึกอย่างแน่นอน
แต่เสี่ยวเฉียงผู้น่าเศร้า ก่อนหน้านี้ตั้งนานไม่สารภาพ ดันเลือกเอาเวลาตอนที่มีรถเข็นมาพอดี เธอไม่ได้ยิน แน่ล่ะว่าย่อมไม่ตอบอะไรกลับ
อวี๋หมิงหลางมองท้องฟ้าอย่างเซ็งๆ เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้เลยว่าภายในชั่วเวลาไม่กี่วินาทีเสี่ยวเฉียงที่น่าสงสารเจอกับอะไรบ้าง เธอเห็นเขาทำหน้าเซ็ง ทันใดนั้นจึงยื่นมือไปโอบไหล่เขาแล้วเข้าไปจูบ
รู้สึกได้ว่าเขาทะลวงลิ้นผ่านฟันเธอเข้ามาอย่างร้ายกาจ คล้ายกับระบายความโกรธ เจ็บเล็กน้อยแต่ไม่มาก ความรู้สึกชาๆนี้ทำให้เธอมึนๆ จากนั้นเขาถึงปล่อยเธอ
อากาศในฤดูใบไม้ผลิยังคงหนาวเย็น รถบรรทุกคันใหญ่สีเขียวเข้มบังคู่รักที่กอดกันอยู่คู่นี้ และได้ช่วยบดบังอารมณ์เก็บกดของผู้ชายที่ถูกความรักเข้าครอบงำ
อวี๋หมิงหลางปล่อยเธอ จากนั้นก็เอามือชี้หน้าเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่พูด
เสี่ยวเชี่ยนมองเขาด้วยความสงสัย อวี๋หมิงหลางได้แต่ชี้หน้าเธอ สุดท้ายจึงเปลี่ยนเป็นช่วยเธอดันแว่นที่เลื่อนตามจมูกลงมาให้กลับขึ้นไป
“ไว้เจอกันครั้งหน้า ผมจะ ‘จัดการ’คุณ”
“……” นี่เธอทำอะไรลงไปกันแน่นะ?