แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 542 ความรักที่แท้จริง
จริงๆแล้วนักเลงพวกนั้นจะลุกขึ้นมานั่งก็ได้ แต่กลัวโดนอัดซ้ำ ไม่สู้แกล้งนอนเจ็บยังจะสบายกว่า
“ไอ้คนหน้าด้าน…” เจี่ยซิ่วฟางโมโหจะยืนขึ้น แต่ถูกเสี่ยวเชี่ยนกดให้นั่งลง
“เสียวเหม่ยโทรแจ้งตำรวจ” อวี๋หมิงหลางพูดกับเสี่ยวเชี่ยน เขาแก้มัดให้ต้าหลงกับพ่อเลี่ยว
หลังจากโทรแจ้งตำรวจแล้วเสี่ยวเชี่ยนก็เดินไปหาน้องชาย มองใบหน้าของต้าหลงที่เขียวช้ำด้วยความเป็นห่วง
เด็กคนนี้ถูกต่อยตาเขียว ใบหน้าของพ่อเลี่ยวก็ไม่ต่างกัน ยังดีที่อาการไม่ได้รุนแรงเท่าที่เห็น ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก
“ต้าหลงตอนนี้รู้สึกเป็นไงบ้าง รู้สึกแย่ตรงไหนหรือเปล่า หรือรู้สึกหวาดกลัวไหม?” เสี่ยวเชี่ยนสงสารน้องชาย เวลาเธอรังแกน้องก็แค่การหยอกล้อระหว่างพี่สาวกับน้องชาย แต่พอเห็นน้องถูกทำร้ายขนาดนี้เธอก็รู้สึกโกรธมาก
น้องเธอเพิ่งจะอายุเท่าไร ถ้าเกิดตกใจกลัวจนเกิดบาดแผลในใจขึ้นมาจะทำยังไง
“ไม่เป็นไร…” เฉินจื่อหลงมองอวี๋หมิงหลาง
เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นสายตาของน้องชายก็คิดในใจ แย่แล้ว
นี่น้องเธอเอ๋อไปแล้วเหรอ? ทำไมตาดูลอยๆแบบนั้น?
ปรากฏว่าต้าหลงกลับพูดกับอวี๋หมิงหลางด้วยน้ำเสียงชื่นชม “พี่หลาง ไม่สิ พี่เขย พี่เป็นพี่เขยของผม พี่ต้องถ่ายทอดวิชาให้ผมนะ อาจารย์ได้โปรดรับข้าน้อยเป็นศิษย์”
ถ้าเป็นวิชาพวกนี้อีกหน่อยยังจะต้องกลัวแพ้อีกเหรอ?
เสี่ยวเชี่ยนมองบน ดูท่าน้องเธอจะไม่เป็นไรจริงๆ
เธอถึงได้ละสายตาไปหาพ่อเลี่ยว
“คุณอาไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
“ไม่—”
เพล้ง เลนส์แว่นหลุดออกมาข้างหนึ่ง พ่อเลี่ยวที่เหลือเลนส์แว่นอยู่ข้างเดียวมองเสี่ยวเชี่ยน
เจี่ยซิ่วฟางอยู่ในอาการขวัญเสียเล็กน้อย เฉินจื่อหลงกับพ่อเลี่ยวได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย อวี๋หมิงหลางจัดการกับพวกนักเลงจนกลายเป็นไอดอลของเฉินจื่อหลง ส่วนนักเลงกระจอกพวกนี้ไม่ได้อะไรเลย
พวกเขาสู้อวี๋หมิงหลางไม่ได้ แต่กลับต้องมารับผลจากการกระทำของตัวเอง
บุกรุกที่อยู่อาศัย ทำร้ายคนโดยเจตนา ทำลายทรัพย์สิน—เฟอร์นิเจอร์ที่อวี๋หมิงหลางทำพังก็โบ้ยให้เป็นความผิดของคนพวกนั้น ต้องจัดการไปตามโทษทำร้ายคนโดยเจตนา อีกทั้งยังต้องชดใช้ในทางแพ่ง คนพวกนี้เจอของแข็งเข้าแล้วจริงๆ
เฟอร์นิเจอร์ในบ้านเสี่ยวเชี่ยนได้โอกาสเปลี่ยนใหม่พอดี ส่วนค่ารักษาของต้าหลงกับพ่อเลี่ยวคนพวกนั้นก็ต้องรับผิดชอบ
ส่งคนพวกนั้นเข้าตาราง ส่งพ่อเลี่ยวไปโรงพยาบาล ถึงแม้พ่อเลี่ยวจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ด้วยความที่อายุมากแล้วตรวจอย่างละเอียดไปเลยดีกว่า เผื่อสมองกระทบกระเทือน พอเสร็จเรื่องพวกนี้เสี่ยวเชี่ยนก็ได้เอ่ยชมเฉินจื่อหลง
เฉินจื่อหลงสุดภูมิใจ ความกล้าหาญที่เขาปกป้องครอบครัวไม่เพียงแต่จะได้รับคำชมเป็นอย่างมากจากพี่สาวกับว่าที่พี่เขย อีกทั้งพี่สาวยังบอกว่าจะซื้อจักรยานเสือภูเขาไจแอ้นท์รุ่นล่าสุดให้ พี่เขยก็รับปากจะแอบซื้อเครื่องเกมรุ่นใหม่ให้
พี่เขยยังรับปากอีกว่าพอปิดเทอมจะถ่ายทอดวิชาให้ และที่เจ๋งที่สุดก็คือเขายังต้องนอนพักรักษาตัวอีกหนึ่งอาทิตย์ ไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่านี้อีกแล้ว
สำหรับเด็ก การที่ไม่ต้องไปโรงเรียนอีกทั้งยังได้ของขวัญนับเป็นเรื่องที่มีความสุขสุดๆ เฉินจื่อหลงนึกอะไรที่ซับซ้อนไม่เป็น แต่เสี่ยวเชี่ยนนึกได้
สภาพจิตใจของเจี่ยซิ่วฟางยังไม่มั่นคง พาไปเจอเฉินหลินไม่ได้แน่นอน หลังจากที่ให้ปากคำที่โรงพักเสร็จ เสี่ยวเชี่ยนก็ให้น้องชายที่อยู่ในสภาพถูกพันด้วยผ้าพันแผลพาเจี่ยซิ่วฟางกลับบ้านไปก่อน ส่วนเธอกับอวี๋หมิงหลางจะไปคิดบัญชีกับตัวต้นเรื่อง
คนพวกนั้นบอกที่หลบซ่อนตัวของเฉินหลิน ในฐานะที่เป็นตัวบงการ หากเสี่ยวเชี่ยนจะฟ้องเขา เขาก็ไม่มีทางหนีพ้น
เสี่ยวเชี่ยนเอาแต่ทำหน้าตึงไม่พูดไม่จา อวี๋หมิงหลางเองก็ขับรถไปเงียบๆ
เฉินหลินเช่าห้องเล็กๆอยู่ ตึกนั้นมีกันอยู่หลายครอบครัว ด้านนอกมีคนยืนเรียงแถวกัน ตอนนี้เหลือแค่เฉินหลินกับคนที่ยืนคุม คนพวกนี้เป็นคนที่อวี๋หมิงหลางส่งมา ส่วนพวกชาวบ้านถูกไล่ให้ออกไปจากแถวนั้นหมดแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนอยากลงจากรถ แต่อวี๋หมิงหลางจับข้อมือเธอไว้
เธอมองหน้าเขา อวี๋หมิงหลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เสียวเหม่ย คุณไม่รู้สึกเหรอว่าหลังจากที่เราคบกัน คุณไม่ค่อยคิดอะไรฟุ้งซ่านแล้ว? โรคย้ำคิดย้ำทำของคุณก็เบาลงไปมาก”
“อืม เป็นเพราะนาย แม้แต่การที่โลกสงบสุขก็เป็นเพราะนาย ฉันก็แค่ผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำจะสู้ยอดคนอย่างนายได้ยังไง” เสี่ยวเชี่ยนยอมรับว่าความใจเย็นของเขามีส่วนช่วยเรื่องอาการป่วยของเธอจริงๆ แต่ก็อยากประชดด้วยความเคยชิน ก็ผู้หญิงนี่นะ
อวี๋หมิงหลางไม่ได้ถือสากับคำพูดของเธอ เขาต้องการพูดเรื่องสำคัญ
“ผมไม่ได้จะมาขอคำชม แค่อยากบอกคุณว่า อาการคุณตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ผมไม่อยากให้เรื่องที่ไม่คุ้มกันมาทำให้คุณไม่มีความสุข”
เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจแล้ว พูดจาอ้อมโลกขนาดนี้ก็เพราะอยากให้เธอใจเย็น
“อวี๋หมิงหลาง นายรู้ใช่ไหมว่าผู้ชายเฮงซวยคนนั้นทำอะไรกับแม่ฉันบ้าง? ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรารีบกลับไป แม่กับน้องชายฉันจะเป็นยังไง? ตอนนี้ถ้าใครมาบอกให้ฉันใจเย็นก็เท่ากับเป็นศัตรูกับฉัน ฉันจะทำลายล้างให้หมด”
“ผมไม่ได้มาขอร้องคุณแทนเขา ผมแค่ไม่อยากให้คุณต้องมามีภาระทางความคิดเพราะคนแบบนั้น ถ้าลงมือโหดเ**้ยมคนที่รู้สึกแย่จริงๆก็จะเป็นตัวเอง ผมไม่อยากเห็นคุณทำหน้ากลุ้มไปตลอดชีวิต”
ปกติเขาจะยอมให้เธอ แต่ในเวลาแบบนี้จะให้เขาปล่อยเธอลงไปคิดบัญชีไม่ได้ หมัดพอถูกปล่อยออกไปแล้วรู้สึกสบายก็จริง เธอมีความสามารถทำให้พ่อไม่เอาไหนคนนั้นลุกขึ้นมาไม่ได้อีก แล้วหลังจากนั้นล่ะ?
เวลาความเงียบสงบยามค่ำคืนมาเยือน เธอจะเป็นเหมือนตอนที่เพิ่งรู้จักกันหรือเปล่าที่ชอบพูดว่าตัวเองเป็นคนเลว? โรคย้ำคิดย้ำทำเดิมก็มีจุดเด่นอยู่ที่การกระทำสวนทางกับความตระหนักรู้ อวี๋หมิงหลางไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก สายเลือดใช่ว่าอยากจะตัดขาดก็ตัดได้ มันมีสัญชาตญาณของความเป็นคนคอยรบกวนอยู่
“ความโกรธนี้ฉันกลืนมันไม่ลง ถ้าไม่จัดการให้เด็ดขาด แม่กับน้องชายฉันจะไม่ถูกรังแกไปตลอดเหรอ? การใจอ่อนกับคนแบบนี้ก็เท่ากับฉันไม่รับผิดชอบต่อคนที่ฉันอยากปกป้อง ถ้านายลังเลก็ให้เจิ้งซวี่มาจัดการ นายจะได้ไม่ต้องคิดมากเพราะสถานะของตัวเอง”
เสี่ยวเชี่ยนอดทนกับพ่อเฮงซวยมานานแล้ว ครั้งนี้เธอหมดความอดทนเข้าแล้วจริงๆ
“ก็เพราะเจิ้งซวี่ตามใจคุณมาตลอด เขาถึงเป็นกับคุณได้แค่เพื่อน คนที่ไปก่อเรื่องเป็นเพื่อนคุณได้ตลอดแบบนั้นเรียกว่าเพื่อน แต่คนที่เป็นห่วง คิดแทนคุณทุกอย่างแบบนั้นถึงเรียกว่าคนรัก เข้าใจไหม?”
“นายคิดจะมาหึงเอาตอนนี้เหรอ? ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากทะเลาะกับนาย”
“ผมไม่ได้หึง ผมแค่อยากช่วยให้คุณได้สติ”
“ฉันไม่ต้องการ ฉันเข้าใจทุกอย่างดีกว่านาย ผู้ชายคนนั้นไม่เคยนึกถึงความเป็นสายเลือด รังแกแม่กับน้องชายฉัน ถ้าฉันยอมเรื่องนี้ก็อย่ามาเรียกว่าเฉินเสี่ยวเชี่ยน เรียกฉันว่าเฉินไร้ค่าไปเลย”
“ได้ งั้นผมไม่วิเคราะห์แล้ว เรามาคุยเรื่องแผนแก้ปัญหากัน”
“นี่เป็นเรื่องของฉัน ฉันจัดการเอง นายไม่ต้องมาพูดเรื่องสายใยพ่อลูกกับฉัน ฉันกับเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก สิ่งที่มีต่อกันก็คือความเป็นศัตรู”
“พวกเราไม่คุยกันเรื่องสายใยพ่อลูก ผมจะคุยกับคุณเรื่องความเป็นสามีภรรยา คุณเป็นแก้วตาดวงใจของผม ผมทนเห็นคุณเสียใจไม่ได้ ผมไม่แคร์ว่าเขาจะอยู่หรือตาย แต่ผมไม่อยากเห็นคนที่ผมรักเสียใจ คุณเสียใจผมเองก็ไม่ต่างกัน”
“ดังนั้นนายคิดจะเอาไงกับฉัน? ให้ฉันทน?”
“ไม่ คุณไม่ต้องทน ผมต้องหาทางให้คุณได้ระบายอารมณ์แน่ แต่มันก็ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องไปเองนี่นา ลูกเชี่ยนคุณเข้าใจผมไหม?”