แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 551 ความสุขกะทันหัน
“…นายพูดมากพอแล้ว”
“เสียวเหม่ย คุณน่ะเป็นขนมเกลียว ด้านหนึ่งผมก็อยากให้ตัวเองเข้าใจคุณ ส่วนอีกด้านผมก็อยากให้ตัวเองพอเข้าใจแล้วก็ไม่ต้องพูดออกมา คุณทำทุกอย่างทั้งหมดนี้อันที่จริงมันก็เหมือนกัน ถ้าเขากล้าเผชิญกับอุปสรรค กำจัดความรำคาญในใจคุณ คุณก็จะพอฝืนใจยอมรับว่าเขาเหมาะกับแม่คุณได้ ในขณะเดียวกันก็ได้ทำให้เขาเห็นว่าคุณเป็นคนยังไง ให้เขาได้รู้ว่าบ้านคุณมีคนที่ฉลาดอยู่ อย่าได้คิดทำอะไรไม่ดี แต่ถ้าหัวหน้าเลี่ยวยอมถอย คุณก็ทำให้เขาอยู่ห่างๆแม่คุณได้ ทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณถึงได้วางแผนลึกซึ้งขนาดนี้นะ? จะเดินหน้าหรือถอยมันก็แผนของคุณ”
ถ้าพ่อเลี่ยวยอมแพ้เพราะคำพูดของเธอ ยึดติดกับตำแหน่งหน้าที่อันสูงส่ง งั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ย่อมไม่อยากให้แม่ไปทนอยู่อย่างน้อยเนื้อต่ำใจได้ ถ้าพ่อเลี่ยวไม่ทำให้สิ่งที่ติดอยู่ในใจของเสี่ยวเชี่ยนหายไป งั้นก็อย่าได้คิดจะแตะต้องแม่เธอแม้แต่ปลายผม
เมื่อได้รับการยอมรับจากเสี่ยวเชี่ยน รู้ว่าครอบครัวของเจี่ยซิ่วฟางมีคนฉลาด ต่อไปถ้าเกี่ยวดองกันก็คงไม่กล้าออกไปทำตัวเหลวไหลนอกบ้านแบบเฉินหลิน
แม่ของเธอเป็นคนซื่อ แต่ได้คลอดลูกสาวที่ฉลาดเป็นกรดออกมา มีเสี่ยวเชี่ยนอยู่ใครก็อย่าหวังจะได้เอาเปรียบแม่ของเธอ
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวเองทำอย่างแนบเนียนแล้ว แต่อวี๋หมิงหลางกลับมองทุกอย่างออก อีกทั้งยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนหยอกล้อ
“กลับบ้าน” เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ผมไม่นอนพื้นนะ” พูดความจริงแล้วต้องมารับกรรมเสี่ยวเฉียงไม่ยอมนะ
“นายไม่ต้องนอนพื้น”
“งั้นคุณจะให้ผมนอนไหน?”
“บนตัวฉัน”
เอ๊ะ ความสุขหล่นมาจากฟ้าอีกแล้ว?
“ทำไมล่ะ?” เสี่ยวเฉียงงง
นี่มันเด็กโง่ ตอนที่ไม่ควรฉลาดกลับฉลาด ตอนที่ควรฉลาดกลับโง่ เรื่องแบบนี้ยังต้องถามต่ออีก?
นิสัยของประธานเชี่ยน…ยามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักก็อยากจะมอมเมาเสี่ยวเฉียง ยังต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?
“ทำให้นายหมดแรงจะได้บรรลุวัตถุประสงค์ฆ่าปิดปาก คำตอบนี้พอใจยัง?”
เขายิ้มแหย “เบบี๋ ดูจะป่าเถื่อนมากและเป็นไปได้ยากหน่อยนะ แต่พี่ชอบ”
ตอนที่ใกล้ถึงหน้าหมู่บ้าน อยู่ๆเสี่ยวเชี่ยนก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ฉันว่านายพูดถูกนะ บางครั้งฉันก็ดูเป็นคนตึงเกินไป ฉันทำแบบนั้นไปไม่ว่าอนาคตพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า บางทีฉันอาจจะทำผิด”
อวี๋หมิงหลางลูบหัวเธอ “ผมชอบที่บางครั้งคุณเป็นคนหัวรั้นเพื่อคนรอบข้าง ‘ความร้ายกาจ’ ที่คุณทำเพื่อคนในครอบครัวล้วนอยู่บนพื้นฐานเพื่อความสุขของพวกเขา หากมองในมุมกว้างคุณทำถูกแล้ว ถ้าพ่อเลี่ยวไม่สามารถมองตัวเองเป็นคนธรรมดาในการเลือกคู่ครองได้ งั้นพวกเขาก็ไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน ดังนั้นคุณไม่ต้องคิดมากหรอก พี่อยู่ข้างน้องเสมอ”
เสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันจะได้ซาบซึ้งก็ได้ยินอวี๋หมิงหลางพูดต่อ “คุณยืนรอตรงนี้แปปนึงนะ ผมขอไปซื้อของก่อน”
ร้านผลไม้หน้าหมู่บ้านเปิดถึงดึก เสี่ยวเชี่ยนมองเขาด้วยความสงสัย “ดึกดื่นป่านนี้ยังจะกินผลไม้?”
“ผมจะซื้อแตงโมให้คุณ แม่บอกว่านิสัยติดกินน้ำเย็นของคุณไม่ดีเท่าไร แต่กินแตงโมไม่เย็นได้ ยัยตัวแสบจอมล้างผลาญ ดีนะที่พวกเราไม่มีเวลาได้เจอกันบ่อย ไม่อย่างนั้นเจอคุณทีครั้งนึง ไม่เพียงแต่ผมต้องเสียเงินซื้อถุงยางนำเข้า ยังต้องซื้อแตงโมให้อีก ผลไม้นอกฤดูแพงจะตาย”
อวี๋หมิงหลางเดินออกไปได้หลายก้าวแล้วก็รู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากทางด้านหลัง เขารีบกระโดดหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ หลบก้อนหินที่เสี่ยวเชี่ยนปามาได้อย่างฉิวเฉียด
“นายไม่ซื้อก็ได้”
เสี่ยวเชี่ยนทั้งโกรธทั้งอาย ความหมายที่แฝงอยู่ก็คือ เก่งนักก็ไม่ต้องทำสิ
นิสัยจากเรื่องบนเตียงถูกว่าที่แม่สามีรู้เข้าแล้ว อวี๋หมิงหลางนายมันโง่
“ผมยินดีรับใช้ประชาชน กินไปเถอะเมียจ๋า คุณกินเท่าไรผมก็—” ทำเท่านั้น
“ไปเลย”
ค่ำคืนที่เร่าร้อนผ่านไปด้วยถุงยางสองกล่องกับแตงโมอีกครึ่งลูก
อวี๋หมิงหลางตื่นแต่เช้าตรู่ด้วยความเสียดาย ดูเหมือนเสี่ยวเชี่ยนจะรู้สึกตัวว่าเขาต้องไปแล้วจึงลืมตาขึ้น พอเห็นเขาใส่ชุดทหารก็หายง่วงทันที
“นับแต่นี้ไปสีที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือสีเขียว” ไม่มีหนึ่งใน
เห็นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องไปแล้ว นึกถึงเมื่อชาติก่อนที่ทุกครั้งเขาไปโดยไร้คำอธิบาย มากสุดแค่ทิ้งคำพูดไว้ว่า ‘เป็นเด็กดี’ ถุย
อยู่ๆก็อารมณ์ไม่ดี
“ผมซื้อแตงโมมาให้อีกนะ เดี๋ยวคุณกลับบ้านหิ้วไปฝากคุณน้าด้วย ถ้าคุณอยากกลับมหาลัยก็โทรไปบอกพี่ใหญ่ให้ส่งคนมารับคุณ ถ้าไม่สบายใจก็เขียนจดหมายหรือไม่ก็โทรหาผม ห้ามเก็บไว้ในใจแล้วแอบไปล้างมือ เข้าใจไหม?”
“เอ๊ะ…? นิสัยเปลี่ยนแล้ว?”
ไม่ใช่หนีไปโดยไม่มีคำอธิบาย อีกทั้งยังพูดมากด้วย?
นี่ใช่อวี๋หมิงหลางเหรอ ทำไมเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง?
ถ้าไม่ติดว่าเวลาไม่ทันแล้ว อวี๋หมิงหลางอยากจะถกกางเกงพิสูจน์ พี่นิสัยเปลี่ยนแต่เสี่ยวเฉียงน้อยยังอยู่
“รอก่อนเถอะ ครั้งหน้าพี่จะให้กินแตงโมทั้งลูก หกโล” เอาให้สลบไปเลย
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันหมายความว่า—ทำไมนายถึงได้พูดเยอะ?”
“ถ้าผมไม่พูดให้เยอะ ไม่แน่กลับไปเดี๋ยวคุณก็จะคิดมาก สองคืนหนึ่งวันนี้พี่ออกกำลังกายตั้งหลายครั้งอย่าให้เสียเปล่า ถ้าน้องไม่มีความสุขมันจะไม่ผิดต่อถุงยางที่พวกเราใช้กับแตงโมที่น้องกินเหรอ?”
“…ไป รีบไปเลย”
อวี๋หมิงหลางจุ๊บเสี่ยวเชี่ยนหนึ่งที แล้วฉวยโอกาสตอนเธอเผลอขย้ำหน้าอกที่เต็มไปด้วยรอยจูบของเขา จากนั้นถึงเดินออกไป
เสี่ยวเชี่ยนนอนเหยียดตัวมองเพดาน ถึงในห้องจะไม่มีกลิ่นอายของเขาแล้วแต่ในใจเธอกลับหลงเหลือบางอย่าง
เมื่อชาติก่อนเธอแสดงออกกับเขาทุกอย่างจนชัดเจนเกินไป เสี่ยวเฉียงของเธอถึงได้ไม่อธิบายอะไรเลย ใช่ว่าเขาจะไม่แคร์ แต่เพราะตอนนั้นเขาคงคิดว่าเธอเข้มแข็งมาก คำพูดบางอย่างเลยไม่จำเป็นต้องพูดออกไป
บางทีนับแต่นี้ไปเธอควรลองแสดงออกกับเขาแบบไม่ต้องเสแสร้ง บางครั้งผู้หญิงแสดงตัวตนที่แท้จริงออกไปบ้างก็ใช่ว่าจะไม่ดี
เสี่ยวเชี่ยนหอบความคิดแบบนี้กลับบ้าน ดวงตาของเจี่ยซิ่วฟางบวมเล็กน้อย พอเห็นลูกสาวอุ้มแตงโมกลับมาบ้านก็รีบเข้าไปรับ
“แตงโมนอกฤดูไม่อร่อยแถมยังแพงด้วย ซื้อมาทำไมน่ะ?”
“หมิงหลางซื้อ”
“ตัวแสบไหนบอกจะกลับมหาลัย” เจี่ยซิ่วฟางเขกหัวลูกสาว เสี่ยวเชี่ยนยิ้มแหยๆ
“ไปกี่โมงล่ะ เดี๋ยวจะต้มไข่ให้ไปกิน”
“ไม่ต้องหรอกแม่ หนูไม่กิน— แม่ เมื่อคืนเรื่องที่หนูคุยกับแม่ แม่โกรธหรือเสียใจหรือเปล่า? ถ้าแม่ไม่สบายใจบอกมาได้เลยนะ เดี๋ยวหนูรักษาให้ฟรี”
“เรื่องนั้นน่ะเหรอ เฮ้อ ตอนนี้ฉันไม่คิดอะไรมากแล้ว ถ้าแกว่าไม่เหมาะงั้นเราก็ย้ายบ้าน ตอนนี้อยากดูแลน้องชายแกให้ดี แกเป็นเด็กดีฉันไม่กังวลหรอก กลุ้มแต่เรื่องน้องชายแกกลัวจะเสียคน รอจนน้องแกได้ดีแกก็คงจะมีเจ้าตัวน้อยแล้ว ถึงตอนนั้นฉันก็คงเลี้ยงหลานจนยุ่ง”
เจี่ยซิ่วฟางพูดพลางหั่นแตงโม เสี่ยวเชี่ยนได้ยินแบบนั้นก็แอบซึ้งเกือบร้องไห้ เธอเข้าไปโอบเอวอ้วนๆของแม่