แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 556 ลูกแท้ๆหรือขโมยมา
“เสี่ยวซีของพวกเราอายุพอๆกับฟู่กุ้ย เด็กคนนั้นมีงานการมั่นคงแถมการศึกษาก็สูง และที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเรารู้จักพ่อของเขาดี คนพ่อเห็นคุณค่าของความรักขนาดนั้นคนลูกก็คงไม่ต่างกัน เด็กคนนี้รู้จักดูแลแม่ที่ป่วยตั้งแต่เด็ก พวกเราก็จับคู่ให้กันเองก่อน ถ้าไม่สำเร็จค่อยแนะนำคนอื่นให้”
แม่อวี๋เป็นกังวลเรื่องหาคู่ให้ลูกสาวมาตลอด วันๆมีเพื่อนมาแนะนำให้มากมาย แต่เสี่ยวซีไม่ชอบสักคน คนเป็นแม่ก็กลุ้มจะตายอยู่แล้ว
“พี่เสี่ยวซี…ไม่เหมาะมั้งคะ? คุณน้า เลี่ยวฟู่กุ้ยชอบท่องคำสอนผู้นำมาก พี่เสี่ยวซีได้อัดเขาแน่”
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงพี่สาวจอมโหดของอวี๋หมิงหลาง ดูยังไงก็เหมือนคนที่เอาแส้ไล่หวดคนไปทั่ว ผู้ชายว่านอนสอนง่ายอย่างฟู่กุ้ยดูก็รู้ว่าไม่ใช่คู่ที่สมน้ำสมเนื้อ
“ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ไงว่าเหมาะไม่เหมาะล่ะจ๊ะ? เขาชอบท่องคำสอนของผู้นำ เสี่ยวซีร้องเพลงเสียงเพราะ โดยเฉพาะเพลงสาวสุดหล้าร้องเพราะสุดๆเลยล่ะ จริงสิ หนูให้ฟู่กุ้ยลองดูช่องทหารนะ อาทิตย์หน้ามีงานเลี้ยง เสี่ยวซีขึ้นเวทีด้วย”
“เลี่ยวฟู่กุ้ยไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้นอยู่แล้ว เขา—”
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเปิดประตู เธอกับแม่อวี๋หันไป เลี่ยวฟู่กุ้ยยืนอยู่ตรงประตูด้วยใบหน้าแดงกล่ำ
เสี่ยวเชี่ยนเองก็หน้าแดง
แม่งเอ๊ย เข้าใจคำพูดที่ว่ากลางวันอย่าพูดถึงคนกลางคืนอย่าพูดถึงผีแล้ว พูดปุ๊บก็มาปั๊บเลย
เธอเพิ่งจะนินทากับแม่อวี๋ ทำไมเลี่ยวฟู่กุ้ยมาได้ยินเข้าได้ล่ะเนี่ย
เสี่ยวเชี่ยนสมกับเป็นนักจิตวิทยาที่อ่านใจคนมานับไม่ถ้วน ในสถานการณ์ที่น่าอายแบบนี้เธอรีบตั้งสติแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วถามเลี่ยวฟู่กุ้ย
“มีธุระเหรอ?”
พอเธอถามเลี่ยวฟู่กุ้ยถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาทำอะไร
“ป้าฉีครับ ดูเหมือนไหล่ของพ่อผมจะมีปัญหา ช่วงกลางวันไม่มีหมออยู่เวรที่แผนกกระดูก รบกวนป้าฉีไปดูให้หน่อยได้ไหมครับ?”
“ก่อนหน้ายังดีๆอยู่ทำไมมีปัญหาได้ล่ะ?” แม่อวี๋ถาม
“เขาไปมีเรื่องกับคนมาน่ะครับ เมื่อกี้มีคนบุกเข้ามาที่ห้องน้าเจี่ยสองคน แล้วก็ชี้หน้าน้าเจี่ย ด่าพ่อผม บอกว่าอย่าลงไม้ลงมือก็ไม่ฟัง”
“อะไรนะ?” เสี่ยวเชี่ยนกับแม่อวี๋ตกใจพร้อมกันแล้วรีบตามเลี่ยวฟู่กุ้ยไปยังห้องพักของเจี่ยซิ่วฟาง
ภายในห้องผู้ป่วย เจี่ยซิ่วฟางนอนร้องไห้ด้วยความโมโห พ่อเลี่ยวแขนข้างหนึ่งขยับไม่ได้แต่ก็ยังนั่งปลอบเจี่ยซิ่วฟางอยู่ข้างเตียง
“อย่าร้องเลยนะ พวกเขาก็แค่มาก่อกวน”
“ทำกันเกินไปแล้ว…ไหล่พี่เลี่ยวไม่เป็นไรนะ…เจ็บไหม…” เจี่ยซิ่วฟางร้องไห้พลางถาม
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ใครทำ” เสี่ยวเชี่ยนผลักประตูเข้าไป พอเห็นสภาพเละเทะในห้องก็หน้าบึ้ง
แม่อวี๋รีบเข้าไปตรวจดูอาการของพ่อเลี่ยว
“ไหล่หลุด ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะฉีดยาชาแล้วรักษาให้ คุณน้องไม่ต้องร้องนะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่เป็นไรแล้ว” แม่อวี๋ปลอบเจี่ยซิ่วฟาง เจี่ยซิ่วฟางก็ยังคงร้องไห้ โดยเฉพาะพอเห็นลูกสาวเข้ามาก็เหมือนความอัดอั้นตันใจที่มีได้พรั่งพรูออกมา ร้องหนักกว่าเดิม
“เสี่ยวเชี่ยนอยู่ปลอบแม่ไปนะ น้าจะพาอาเลี่ยวไปรักษา” แม่อวี๋พูดกับเสี่ยวเชี่ยน
“ผมไปด้วยครับ” เลี่ยวฟู่กุ้ยไม่อยากอยู่รบกวนการคุยของเสี่ยวเชี่ยนกับแม่จึงตามออกไปด้วย
ภายในห้องเหลือแค่เสี่ยวเชี่ยนกับเจี่ยซิ่วฟาง เสี่ยวเชี่ยนเช็ดน้ำตาให้แม่
“ควบคุมสติก่อนนะแม่ แล้วบอกหนูว่าเมื่อกี้ใครมา?”
“ยังจะมีใครล่ะ ก็ป้าสะใภ้ใหญ่กับป้าสะใภ้รองของแกไงล่ะ สองคนนี้พอเข้ามาก็ชี้หน้าด่าฉัน บอกว่าฉันเป็นตัวกาลกิณี ทำลายครอบครัวของพวกเขา…”
“พวกเขารู้ได้ไงว่าแม่อยู่โรงพยาบาล? แล้วทำไมต้องมาด่าแม่ที่นี่ด้วย?”
“ลูกของน้องสาวป้าสะใภ้ใหญ่เป็นพยาบาลอยู่ที่นี่ พอเห็นฉันก็เลยเอาไปบอกพวกเขา ถึงได้พากันมาที่นี่ บอกว่าเพราะพวกเราลุงรองของแกถึงได้ตกงาน…”
เจี่ยซิ่วฟางเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เสี่ยวเชี่ยนฟัง
ไม่รู้ว่าสองคนนั้นไปกินยาอะไรผิดมา พอเข้าห้องก็ชี้หน้าด่าเจี่ยซิ่วฟางใหญ่ พูดจาหยาบคาย ด่าอย่างอื่นยังพอว่า นี่หาว่าเจี่ยซิ่วฟางเป็นคนหลายใจ และที่น่าโมโหที่สุดก็คือด่าว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นลูกนอกคอก ทำให้หลินต้องเข้าคุก ทำให้ครอบครัวลุงรองต้องมาซวยพลอยกินแกลบไปด้วย
เจี่ยซิ่วฟางเพิ่งผ่าตัดมาทนฟังเรื่องแบบนี้ได้ที่ไหน ตอนที่ป้าสะใภ้รองด่า พ่อเลี่ยวเพิ่งกลับจากไปเอาน้ำมาพอดี พอได้ยินก็โต้กลับด้วยเหตุผล
แต่ผู้หญิงบ้าทั้งสองคนไม่ฟังเหตุผลอยู่แล้ว เข้าไปดึงทึ้งจิกข่วน พ่อเลี่ยวเป็นผู้ชายก็ไม่กล้าทำผู้หญิง ผู้หญิงบ้าสองคนอาศัยที่ตัวเองอ้วนตัวใหญ่ออกแรงกระทำอย่างเต็มที่ ป้าสะใภ้รองยังคิดจะข้ามตัวพ่อเลี่ยวไปทำร้ายเจี่ยซิ่วฟางที่นอนอยู่บนเตียง พ่อเลี่ยวจึงรวบรวมแรงผลักออกไป แต่ด้วยความที่ใช้แรงผิดท่า บวกกับโดนรุมทึ้งอยู่ไหล่จึงหลุด
ผู้หญิงสองคนนั้นเห็นท่าไม่ดีจึงหนีไป
“ทำไมพวกเขาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย น่าโมโหที่สุด ด่าฉันยังไม่เท่าไรทำไมต้องมาด่าแกด้วย แกจะไม่ใช่ลูกเขาได้ยังไง ฉันยังคลอดแกที่บ้านเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้ไปคลอดที่โรงพยาบาลแล้วจะอุ้มเด็กสลับตัวได้ยังไง พวกเขาทำเกินไปจริงๆ”
เจี่ยซิ่วฟางร้องไห้ด้วยความโมโห เสี่ยวเชี่ยนเช็ดน้ำตาให้แม่ ขณะเดียวกันก็โมโหสุดๆ
สักพักก็ปลอบเจี่ยซิ่วฟางจนหยุดร้องไห้ได้ เสี่ยวเชี่ยนลุกออกไปโทรศัพท์
เธอต้องการรู้ว่าทำไมป้าสะใภ้รองถึงได้ทำตัวเหมือนหมาบ้ามากัดแม่ของเธอ ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
โทรหาอวี๋หมิงหลางไม่ติดจึงโทรหาเจิ้งซวี่ ไม่ถึงห้านาทีเจิ้งซวี่ก็สืบได้เรื่องมาอย่างชัดเจน
“หมาทหารบ้านคุณไม่รู้ประสาทเส้นไหนพลิกไปสืบได้ว่าลุงรองของคุณหลังเกษียณไปรับจ๊อบอยู่ที่หน่วยงานของพี่ชายมัน มันก็เลยไล่ออกซะ หึ เกิดเรื่องอะไรกันทำไมมันถึงได้โมโหขนาดนั้น?”
เจิ้งซวี่พูดด้วยความสะใจ
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มอย่างเย็นชา “ทำได้ดี”
ตอนที่อวี๋หมิงหลางจัดการพ่อเฮงซวยให้เธอได้สืบเรื่องราวอย่างละเอียดแล้วแน่นอน เขาคงจะรู้มาว่าก่อนที่เฉินหลินจะกุเรื่องกู้เงินนอกระบบได้เข้าออกบ้านพี่ชายคนรองบ่อยๆ คงจะไปได้ความคิดมาจากบ้านนั้น เสี่ยวเฉียงเป็นคนที่ทำอะไรต้องตัดรากถอนโคน พอจัดการพ่อเฮงซวยแล้วก็ไม่ได้ปล่อยครอบครัวของพี่ชายเขาให้ลอยนวล
“เมื่อกี้ผมสืบมาได้ด้วยว่าลูกชายของลุงรองของคุณสองคนก็ทำงานที่ผม ให้ไล่เลยไหม?”
“ไล่ ภายในสองเดือนฉันไม่อยากเห็นลูกของเขาสองคนทำงานที่หน่วยงานไหนในเมืองนี้อีก นายทำได้ไหม?”
“แล้วจะได้อะไร?”
“อาทิตย์หน้าพ่อบุญธรรมฉันจะมา ฉันจัดการให้นายเจอเขาได้ ส่วนจะสำเร็จไหมก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนาย ฉันจะนัดเขาให้”
“ประธานทังไม่ได้นัดง่ายๆหรือเปล่า?” เจิ้งซวี่มีเรื่องอยากจะขอร้องประธานทังพอดี
“คนอื่นนัดเขาไม่ออก ฉันนัดเขาได้สบาย”
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนได้รักษาโรคเบื่ออาหารให้ทังสุ่ยเซียนได้แล้วก็ได้ใช้เสน่ห์จากบุคลิกของตัวเองพิชิตใจทังต้าเย่ พ่อบุญธรรมค่อนข้างดีต่อเธอ เรื่องแค่นี้เล็กน้อย
“ได้ ผมจะจัดการคนที่กล้าลองดีกับคุณให้ ถ้าไม่ไปคุกเข่าต่อหน้าคุณก็อย่าหวังจะได้อยู่เมืองQต่อ”
เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา ถือเป็นการยอมรับคำพูดของเจิ้งซวี่
ถ้าป้าสะใภ้รองไม่มาหาเรื่องเจี่ยซิ่วฟาง เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่อยากทำถึงขั้นนี้
ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็ห้ามมีใครมาดูถูกแม่เธอ ป้าสะใภ้รองใช้คำพูดที่สร้างความสะเทือนใจให้แม่เธอขนาดนั้น ก็เท่ากับว่าได้ยั่วโมโหเธอจนถึงขีดสุด
ถ้าไม่มาขอโทษแม่เธอเรื่องนี้ไม่จบแน่ เก่งนักก็ขายบ้านออกจากเมืองQไปเลย ไม่อย่างนั้นเธอจะทำทุกวิถีทางให้อยู่ไม่ได้
ว่าแต่ทำไมป้าสะใภ้รองถึงพูดว่าเธอไม่ใช่ลูกของเฉินหลิน?