แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 557 มารยาทกับลองใจ
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าตรรกะนี้แปลกๆ
โดยปกติถ้าทะเลาะมีปากมีเสียงกันก็จะบอกว่าลูกไม่ใช่ลูกแท้ๆ หรือไม่ก็หาว่าลูกคนที่สองไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่นี่ทำไมไม่พูดถึงต้าหลงกลับพูดถึงเธอ?
เจี่ยซิ่วฟางเป็นคนหัวโบราณมาก ไม่มีทางทำเรื่องขโมยเด็กแน่ คำพูดของป้าสะใภ้รองแปลกจริงๆ
เสี่ยวเชี่ยนครุ่นคิดอยู่สักพัก คาดเดาไปต่างๆนานา
ถึงแม้เธออยากจะให้ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นอะไรกับเฉินหลินจริงๆ แต่ด้วยนิสัยแบบแม่ของเธอรวมถึงความจริงที่เธอเกิดในบ้าน ยังไงพ่อเฮงซวยก็เป็นพ่อแท้ๆของเธอ
งั้นก็แสดงว่าผู้หญิงบ้าพวกนั้นพูดจามั่วซั่ว เลวที่สุด ทำให้แม่ของเธอที่เพิ่งผ่าตัดโมโหขนาดนี้ เสี่ยวเชี่ยนพอนึกได้ดังนั้นก็รู้สึกว่าการที่เธอจัดการขั้นเด็ดขาดกับป้าสะใภ้รองไม่ใช่เรื่องผิดเลยแม้แต่น้อย
เธอเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเจี่ยซิ่วฟางสักพักแล้วถือโอกาสทำการเยียวยาจิตใจเพื่อให้แม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ หลังจากนั้นความโกรธที่อยู่ในใจของเจี่ยซิ่วฟางก็ได้ถูกระบายออก แล้วก็ผล็อยหลับไป
เสี่ยวเชี่ยนห่มผ้าให้แม่ พ่อเลี่ยวกลับมาพร้อมกับหัวไหล่ที่ถูกเข้าเฝือก
“เสี่ยวเชี่ยน ฉันขอคุยอะไรหน่อยเป็นการส่วนตัวได้ไหม?” พ่อเลี่ยวพูดกับเสี่ยวเชี่ยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เสี่ยวเชี่ยนเหลือบมองไหล่ที่บาดเจ็บของพ่อเลี่ยวแล้วหันไปมองแม่ที่หลับอยู่ จากนั้นจึงพยักหน้า
“ออกไปคุยกันค่ะ”
แถวโรงพยาบาลมีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง ห้านาทีต่อมาเสี่ยวเชี่ยนกับพ่อเลี่ยวได้มานั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่ในร้าน
แม่อวี๋ช่วยดูแลแม่ให้เธออยู่ เสี่ยวเชี่ยนจึงไม่ต้องรีบ
“ดื่มอะไรดี?” พ่อเลี่ยวยื่นเมนูเครื่องดื่มให้เสี่ยวเชี่ยน
“Con Pannaค่ะ”
“เอาCon Panna หนึ่งแก้วกับน้ำเย็นอีกแก้ว ขอบคุณครับ” พ่อเลี่ยวพูดกับพนักงน
ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยน นี่คือชายสูงวัยที่ถ่อมตัว หัวโบราณเล็กน้อย มีความน่าเกรงขามแบบที่คนทำงานระดับสูงในศาลมี เสี่ยวเชี่ยนยังสัมผัสได้ถึงแววตาที่ดูอยากจะเอาใจเธอ พยายามแสดงออกให้ดูเป็นกันเองที่สุด
นี่ก็คือผลลัพธ์ที่เสี่ยวเชี่ยนต้องการ แต่เธอก็ยังต้องดูว่าพ่อเลี่ยวอยากจะพูดอะไรต่อ จากนั้นค่อยสรุป
หากตัดสินจากภายนอก พ่อเลี่ยวมีครบด้านจริยธรรมของผู้พิพากษา คือ ซื่อสัตย์ มีศีลธรรม มีความสามารถ จริงจัง และถ่อมตัว
ผู้ชายที่ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อรักษาเมียที่ป่วยนับว่ามีคุณสมบัติของคนเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ต่อให้โปรไฟล์ดีแค่ไหนถ้าไม่ใส่ใจแม่เธอก็ไม่ได้เหมือนกัน ถึงเรื่องที่เขามาดูแลเจี่ยซิ่วฟางจะทำให้เธอประทับใจ แต่ก็ต้องขอฟังความคิดของผู้ชายคนนี้ก่อนถึงจะตัดสินใจได้
“เย็นวันนั้นหลังกลับไปฉันได้ไปคิดทบทวนอย่างจริงจัง ฉันคิดว่าควรจะมาคุยกับหนูเป็นการส่วนตัว” พ่อเลี่ยวพูดกับเสี่ยวเชี่ยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“คุยอะไรคะ? คุยเรื่องที่หัวหน้าเลี่ยวชอบแม่หนูเหรอคะ?”
พ่อเลี่ยวนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะพูดออกมาตรงๆจึงอึ้งไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อ
“ใช่จ้ะ คุยเรื่องของฉันกับแม่ของหนู ฉันดูออกว่าหนูไม่ค่อยเห็นด้วยที่ฉันกับแม่หนูจะคบกัน”
“แม่หนูเป็นแค่แม่บ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่ได้มีความรู้ สู้ใครเขาก็ไม่ได้ แม้แต่คำพูดโกหกยังพูดไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ หัวหน้าเลี่ยวลองไปดูตามท้องถนน ข้อดีข้อเสียของแม่บ้าน90%แม่หนูก็มีหมด มันยิ่งสะท้อนว่าแม่หนูเป็นแค่แม่บ้านธรรมดา หนูไม่รู้ว่าหัวหน้าเลี่ยวชอบแม่หนูตรงไหน”
“แล้วหนูจะไม่รักเขาเพราะเขาเป็นแค่คนธรรมดาไหมล่ะ?” คำพูดของพ่อเลี่ยวทำให้เสี่ยวเชี่ยนแอบอึ้ง
เสี่ยวเชี่ยนแอบเบ้ปากในใจ ดูสิ คนเรียนกฎหมายถนัดนักเรื่องจับใจความแล้วแทงทีเดียวให้เลือดอาบ ถึงพ่อเลี่ยวจะดูอ่อนโยน แต่อย่างไรเสียก็เป็นถึงผู้พิพากษา มีนิสัยส่วนที่คล้ายทหารป่าเถื่อนของเธออยู่
“หนูเป็นลูกสาวของเขา ความรู้สึกที่มีให้ย่อมปราศจากเงื่อนไข เขาจะเก่งหรือไม่สำหรับหนูแล้วมันไม่สำคัญ ไม่เหมือนกับความรักของชายหญิง ทั้งสองคนต้องพูดคุยภาษาเดียวกันถึงจะสามารถดึงดูดซึ่งกันและกันได้ หนูไม่คิดว่าคุณกับแม่หนูจะพูดคุยภาษาเดียวกันค่ะ”
“แม่หนูชอบไปซื้อผักร้านที่สามของตลาดสดทางตะวันตกของเมือง ทุกสัปดาห์อย่างน้อยๆจะมีสองวันที่ทอดปลาให้น้องชายหนูกิน แต่ตัวเขาไม่ชอบ มักจะคิดไม่ตกอยู่เสมอว่าน้ำมันที่ใช้ทอดปลาแล้วควรทำไงดี น้องชายหนูไม่ชอบให้เอาน้ำมันที่ทอดปลาแล้วมาผัดกับข้าวต่อ แม่หนูเลยต้องแบ่งส่วน ส่วนหนึ่งทำให้น้องชายหนูกิน น้ำมันอีกส่วนที่มีกลิ่นคาวทำให้ตัวเองกิน ไม่อยากทิ้งเพราะเสียดาย ช่วงนี้เขาไปสมัครเรียนขับรถกับเรียนคอมพิวเตอร์ด้วย—”
“แม่หนูไปเรียนขับรถ? เรียนคอมพิวเตอร์ด้วย?”
เรื่องพวกนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้เลย ปกติเจี่ยซิ่วฟางก็พูดเยอะ ไม่มีอะไรปิดบัง เธอยังไม่ทันได้ถามอะไรก็พูดออกมาเองหมด เวลาโทรคุยก็พูดไม่รู้จักจบจักสิ้น
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวเองรู้เรื่องในบ้านดีทุกอย่าง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าแม่จะปิดบังเรื่องไว้อีกมากมายขนาดนี้
“เรียนมาได้เกือบเดือนแล้ว คนอายุแบบพวกเราเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ช้า ทุกวันฉันจะไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนเขาสักพัก ฉันถามเขาว่าเรียนไปทำไม เขาบอกว่าได้ยินว่าของพวกนี้ทำให้คุยแบบเห็นหน้ากับหนูได้ กลัวว่าถ้าใช้ไม่เป็นพวกหนูจะหัวเราะเยาะเขา ก็เลยไปแอบเรียน”
พอได้ยินเรื่องแม่จากปากคนอื่นเสี่ยวเชี่ยนก็เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน
“เขาพยายามมาก กลัวจะตามพวกหนูไม่ทัน เวลาเขาพูดถึงหนูกับน้องชายจะชื่นชมบอกว่าเก่งที่สุดเสมอ โดยเฉพาะหนู เวลาเขาพูดถึงหนูใบหน้าจะตื่นเต้นมีความสุข เขาบอกว่าหนูพึ่งพาตัวเองได้มากจนเกินไป เขาเลยไม่รู้จะให้อะไรหนูได้ มักจะรู้สึกผิดต่อหนูเสมอ ตอนนี้เหลือแค่เขาดูแลหนูกับน้องชายก็กลัวว่าจะดูแลได้ไม่ดี ฉันเลยแนะนำให้เขาไปเรียนใช้คอมพิวเตอร์ อีกหน่อยไม่ว่าหนูจะไปอยู่ไกลแค่ไหน พอคิดถึงก็เห็นหน้ากันได้ หนูก็รู้ว่าคนวัยอย่างพวกเราเรียนของพวกนี้ยาก แต่เขาก็ยืนหยัดเรียนมาได้”
ถ้าพนักงานไม่มาเสิร์ฟกาแฟพอดีเสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวเธออาจจะถูกลุงที่ไม่ถือว่าคุ้นเคยเท่าไรคนนี้สะกิดต่อมน้ำตาแตกได้ ต้องใจเย็นๆ เธอมาจับผิดเขา ไม่ใช่มาให้เขากล่อม
เธอก้มหน้าพยายามสงบสติอารมณ์ มองฟองครีมที่อยู่บนกาแฟที่ทำเป็นรูปหัวใจสองดวง
“คุณอยากบอกว่าหนูไม่ใช่ลูกสาวที่ดี หนูเอาใจใส่แม่ตัวเองไม่มากพอ อยากร้องเพลงกลับไปเยี่ยมบ้านบ่อยๆให้หนูฟังเหรอคะ?”
พ่อเลี่ยวไม่ได้โกรธกับคำถามกวนประสาทของเสี่ยวเชี่ยน แต่ยิ้มให้เล็กน้อย
“ไม่ใช่ หนูเป็นเด็กดี เหมือนที่แม่หนูบอก แข็งนอกอ่อนใน แคร์คนในครอบครัวมาก ที่หนูคัดค้านเรื่องของฉันกับแม่หนูก็เพราะว่าแคร์แม่มาก แต่ฉันก็ไม่โทษหนูหรอกนะ เพราะเราก็ได้เจอกันน้อย ฉันเชื่อว่าความจริงใจจะเอาชนะได้ ฉันหวังว่าหนูจะให้โอกาสให้ฉันได้รู้จักกับแม่หนูมากขึ้น”
เสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตา รู้สึกว่าตัวเองประเมินอีกฝ่ายต่ำไป สมกับเป็นผู้พิพากษา ตรรกะและหลักการยากจะโจมตีเลยจริงๆ
คนระดับผู้พิพากษาพูดมาขนาดนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าตัวเองควรจะพอได้แล้ว แต่ว่าเธอก็ยังไม่อยากให้ตาลุงนี่ได้ง่ายเกินไป
อะไรที่ได้มาง่ายๆก็มักจะไม่เห็นค่า
“ขอบคุณหัวหน้าเลี่ยวที่เตือนนะคะ หนูยังเอาใจใส่แม่ไม่มากพอจริงๆ ต่อไปหนูจะดูแลแม่ให้มากกว่านี้ หนูไม่ยุ่งเรื่องที่แม่จะคบหาใครเป็นเพื่อน มีอะไรก็ไปคุยกับแม่นะคะ” เสี่ยวเชี่ยนยืนขึ้นเตรียมเดินออก
“หนูกังวลเรื่องความปลอดภัยของงานฉันใช่ไหม? เมื่อกี้หนูพูดไปตามมารยาททั้งนั้น อันที่จริงในใจของหนูแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก เขามีค่าคู่ควรกับผู้ชายที่ดีกว่า ฉันยังมีคุณสมบัติที่ไม่ดีพอ แบบนั้นใช่ไหม?”