แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 560 นอนไม่หลับกับความรักอันโชติช่วง
เสียงคนเมื่อออกอากาศทางวิทยุจะเปลี่ยนแปลงไปไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะตอนที่เหม่ยเหวยทำหน้าที่พิธีกร เสียงจะเล็กกว่าคนอื่น เสียงสูงกว่าลมหายใจเล็กน้อย
เสียงนี้เมื่อเปิดให้ดังขึ้นจะทำให้คนฟังรู้สึกสบาย ยากที่จะเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ซุปเปอร์จอมเทพเฉินเสี่ยวเชี่ยนยามปกติได้
นักศึกษาหญิงที่จำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนได้คนนี้เป็นคนมีความรู้สึกไวต่อเสียง บวกกับปกติเป็นแฟนคลับของเสี่ยวเชี่ยน จึงยิ่งใส่ใจกับไอดอลของตัวเอง ถึงได้ฟังออก
“ไม่น่าเป็นไปได้มั้ง ซุปเปอร์จอมเทพจะไปเป็นพิธีกรได้ยังไง? เธอจำผิดแล้วมั้ง?”
“ก็อาจจะจำผิดจริงๆ หลังจากที่ได้รางวัลจากงานแข่งมีโรงพยาบาลตั้งหลายที่อยากได้เขาไปร่วมงานนี่เนอะ แล้วจะไปเป็นพิธีกรได้ยังไง…”
เหล่านักศึกษาหญิงพากันถกเรื่องบุคคลในตำนานของมหาวิทยาลัยคนนี้ ซึ่งบุคคลคนนี้กำลังออกอากาศสดอยู่ในสถานีวิทยุ ใส่หูฟังพูดกับไมโครโฟนตอบคำถามผู้ฟังที่โทรกันเข้ามา
ปกติพิธีกรจะมีสคริปต์ แต่เธอใช้แค่กระดาษเปล่า นอกจากจดบันทึกปัญหาของผู้ฟังแล้ว ตอนเธอตอบคำถามมือที่ว่างๆก็วาดการ์ตูนเล่น
ทำให้ผู้กำกับที่อยู่ด้านนอกมองผ่านกระจกด้วยความนับถือ
เสียงที่ถูกถ่ายทอดออกไปเป็นการปลอบโยนและทัศนคติอันเฉียบคม แต่ใครจะไปคิดว่าเบื้องหลังการออกอากาศ เหม่ยเหวยพิธีกรสุดโด่งดังคนนี้นั่งวาดรูปเล่นฆ่าเวลา
รู้สึกว่าพิธีกรใหม่คนนี้สามารถทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ตอบคำถามผู้ฟังมือก็วาดรูปไม่หยุด ผู้กำกับทำงานเข้าขากันได้ดีกับเหม่ยเหวย รู้จังหวะการทำงานของเธอแล้ว
อยากรู้ว่าเหม่ยเหวยอารมณ์ดีไม่ดีก็ให้ดูว่าเธอวาดอะไร
ถ้าเธอวาดหมาฮัสกี้มาดเท่ห์ หมาฮัสกี้นั่งทอดสายตาไปไกล หมาฮัสกี้ใส่หมวกทหาร หมาฮัสกี้วิ่งอย่างบ้าคลั่ง นั่นก็แสดงว่าวันนี้เหม่ยเหวยอารมณ์ดีใช้ได้
แต่ถ้าเธอวาดอะไรไม่รู้สะเปะสะปะ อย่างเช่น หมาฮัสกี้ถูกถุงเท้ามัดเป็นบ๊ะจ่าง หมาฮัสกี้ถูกเฆี่ยน หมาฮัสกี้ถูกจั๊กกะจี้ หมาฮัสกี้ถูก…
เอาเป็นว่าถ้าเป็นแบบนั้น เหม่ยเหวยจะต้องอารมณ์ไม่ดีอย่างแน่นอน พอเลิกรายการไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น ระหว่างตอบคำถามก็จะเหมือนมีกลิ่นระเบิดโชยมา ใครโทรเข้าก็เจอแจ็คพอต
และที่น่ามหัศจรรย์ก็คือ คนที่ถูกเหม่ยเหวยเหวี่ยงระเบิดใส่เหล่านั้นล้วนเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก สร้างทัศนคติใหม่ กลับขอบคุณเหม่ยเหวยด้วยซ้ำ
เธอจัดการเวลาได้ดี วาดหมาฮัสกี้หนึ่งตัวเสร็จ รายการ40นาทีก็ใกล้จบพอดี ยิ่งวาดยิ่งคล่อง
ผู้กำกับเหล่มอง ดูเหมือนวันนี้เหม่ยเหวยจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไร เธอวาดหมาฮัสกี้ถูกแตงโมทุบหัว แตงโมคาอยู่บนหัวอย่างน่าตลก มันแลบลิ้นทำหน้าตาน่าสงสาร
เหม่ยเหวยที่อยู่ด้านในตอบคำถามเสร็จแล้วก็หยุดวาด ทำมือโอเคให้ผู้กำกับ เป็นสัญญาณว่าให้โอนสายคนต่อไปเข้ามา
“เหม่ยเหวย อาการนอนไม่หลับของผมเป็นหนักมาก ทุกวันต้องฟังรายการของคุณถึงจะหลับได้ ผมกำลังคิดว่าผู้หญิงแบบไหนกันที่มีเสียงชวนสะกดแบบนี้ ผมกำลังคิดว่าร่างกายของคุณจะสะกดใจได้เหมือนเสียงหรือเปล่า ผมกำลังคิดว่าถ้าใช้มีดผ่าร่างของคุณออก—”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ถึงกลิ่นแปลกๆจึงรีบตัดเข้าโฆษณา
ผู้กำกับที่อยู่ด้านนอกก็แสดงสีหน้าอึ้งๆไปเหมือนกัน
ทุกสายที่โทรเข้ามาผ่านการคัดกรองแล้วแท้ๆ ทำไมถึงมีสายก่อกวนแบบนี้ได้? อีกอย่างสายนี้ตอนคุยกับผู้กำกับบอกว่าวันนี้เขาโดนเจ้านายตำหนิมา อารมณ์ไม่ดี แล้วทำไมพอไปถึงเหม่ยเหวยกลับกลายเป็นก่อกวน?
เสี่ยวเชี่ยนถือโอกาสตอนโฆษณาเดินออกมาจากห้องออกอากาศ ผู้กำกับยืนขึ้นแสดงความขอโทษ
“ขอโทษนะเหม่ยเหวยที่ไม่ได้ตรวจดูให้ดีก่อน ครั้งหน้าปล่อยเบอร์นี้เข้าไปไม่ได้แล้ว ให้แจ้งตำรวจไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ คนๆนี้ตรงนี้ไม่ดี” เสี่ยวเชี่ยนจิ้มไปที่หัวตัวเอง ถึงแม้รายการสดจะเกิดเรื่องแบบนี้ไม่บ่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมี มักจะมีผู้ชายที่หน้าด้านโทรเข้ามาเสมอ
แต่คนเมื่อกี้ดูแปลกๆ ดูเหมือนประโยคสุดท้ายจะพูดว่าใช้มีดอะไรซักอย่าง…เสี่ยวเชี่ยนมือไวตัดเข้าโฆษณาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นประโยคสุดท้ายของเขาจึงไม่ออกไปสู่ผู้ฟัง สายก่อกวนแบบนี้ถ้ามีแค่สายเดียวเสี่ยวเชี่ยนก็ขี้เกียจจะแจ้งตำรวจ ไปโรงพักทีก็เสียเวลานอนอันมีค่าของเธอ ช่วงนี้เธอยิ่งหลับไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย
“เหม่ยเหวย ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับเหรอ?” ผู้กำกับดูออกว่าเสี่ยวเชี่ยนเหมือนคนพักผ่อนไม่พอ
เสี่ยวเชี่ยนทำรายการที่ออกอากาศในเวลากลางคืน ตอนเธอทำงานคนอื่นๆก็เลิกงานกันแล้ว เธอขี้เกียจกลับไปแล้วต้องล้างเครื่องสำอางจึงไม่แต่งหน้า หน้าสดมาจัดรายการ
และก็เผยให้เห็นขอบตาดำคล้ำ
“ค่ะ ช่วงนี้ฝันบ่อย” เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงฝันร้ายพวกนั้นแล้วก็หน้ามุ่ย
เธอมาฝึกงานที่นี่ระยะหนึ่งแล้ว แต่ฝันร้ายเพิ่งจะมีในช่วงไม่กี่วันนี้
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าฝันร้ายต้องเกี่ยวกับการฝึกงานที่น่าเบื่อนี่แน่
มีแต่ฟ้าที่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องมาอยู่ในที่ซวยแบบนี้ ต้องมาฟังปัญหาบ้าบอคอแตกไร้สาระ
เธอยังแอบคิดว่าหลังจากที่เธอชนะรางวัลการแข่งระดับนานาชาติแล้วจะได้ฆ่าแกะตัวอ้วนๆโตๆ—อันที่จริงตอนนี้เธอก็เริ่มรับงานแล้ว แต่ชั่วโมงละ800-1000 ถึงจะเกินอัตราค่ารักษาของคนในแวดวงเดียวกันถึง80% แต่มันก็ยังห่างไกลกับเป้าหมายที่เธอตั้งไว้ในใจมาก
สองปีก่อนเสี่ยวเชี่ยนเรียนจบปริญญาตรี สอบได้ใบอนุญาตขั้นสาม ความสามารถของเธอได้เกินระดับสูงสุดไปแล้ว แต่ทำไงได้ในเมื่อวงการนี้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ วุฒิปริญญาตรีสอบได้สูงสุดแค่นี้ จะสอบขั้นสองก็ต้องรอจบปริญญาโท ขั้นหนึ่งก็ต้องหลังจากจบดอกเตอร์ ถ้าอยากใช้วุฒิปริญญาตรีสอบขั้นสองก็จำเป็นต้องมีประสบการณ์สักปีสองปี ตอนนี้ยังถือว่าเธอประสบการณ์น้อยอยู่
แต่อย่างไรเสียเสี่ยวเชี่ยนก็ยังมีคนหาลูกค้ารวยๆมาให้ ทังสุ่ยเซียนพี่น้องบุญธรรมของเธอมักจะพาลูกเศรษฐีมาเป็นลูกค้าเธอ สืออวี้กับเจิ้งซวี่ก็มีแนะนำลูกค้ามาให้ หรือถึงขนาดที่หลังจากเธอสอบผ่านใบอนุญาต เลี่ยวฟู่กุ้ยว่าที่พี่ชายของเธอก็ยังมีแนะนำลูกค้าให้เธอ
นายฟู่กุ้ยเป็นคนที่จิตใจสะอาด ลูกค้าที่เขาแนะนำมาเป็นประเภทที่งบน้อย ชนชั้นมนุษย์เงินเดือนไปให้เขาวินิจฉัยอาการทางประสาท บางคนไม่ได้เป็นโรคประสาท เป็นโรคจิตเวชฟู่กุ้ยเห็นแล้วสงสารก็เลยแนะนำเสี่ยวเชี่ยนให้ คนแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่กล้าเก็บเงินเยอะ เก็บสิบยี่สิบเป็นค่าเติมโทรศัพท์ คิดเสียว่าเป็นงานการกุศล—ไม่ทำก็ไม่ได้ ตอนนี้คุณนายเจี่ยซิ่วฟางมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับพ่อเลี่ยวแล้ว ซุปเปอร์แม่พระอย่างเจี่ยซิ่วฟางถ้าได้ยินใครเล่าเรื่องเศร้าน้ำตาก็ตกด้วยความสงสาร ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่รับก็จะถูกบ่นไม่เลิก
เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะเป็นแกะอ้วนที่ลูกเศรษฐีแนะนำมา หรืองานการกุศลที่ว่าที่พี่ชายหาให้ เดือนๆหนึ่งเสี่ยวเชี่ยนรับ2-3งานก็อยู่สบายแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาทำงานแบบนี้ก็ได้ ต้องมาฟังคนพวกนี้เล่าเรื่องให้เสียหูตัวเอง แถมยังต้องสละเวลานอนอันมีค่า
แล้วทำไมเธอถึงมานั่งอยู่ที่นี่ล่ะ?
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ก็ความรักดั่งไฟอันโชติช่วงที่ศาสตราจารย์หลิวมีให้กับเธอไง ร้อนๆๆๆๆเหลือเกิน