แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 659 การตอบที่แตกต่างกัน
บนยอดตึกในกระบะทรายมีหลอดหยดอยู่อันหนึ่ง ซึ่งปกติเสี่ยวเชี่ยนใช้หยดน้ำมันหอมระเหย อวี๋หมิงหลางหยิบขึ้นมาดม เป็นกลิ่นหอมแบบที่บอกไม่ถูก
อวี๋หมิงหลางหยิบแผนที่ขึ้นมา ตำแหน่งที่เสี่ยวเชี่ยนพับไว้มองเห็นหมู่บ้านที่ครอบครัวเย่อาศัยอยู่พอดี เมื่อเทียบสภาพแวดล้อมแถวนั้นกับการจัดวางในกระบะทราย ถึงขนาดที่บางจุดมีป้ายเล็กๆกำกับไว้ นี่มัน…
กล้องวงจรปิดข้างทาง?
อวี๋หมิงหลางมองกระบะทรายอยู่นาน
เขากำลังคิดว่าลูกเชี่ยนตั้งกระบะทรายไว้ตรงนี้เพราะไม่ระวังหรือจงใจให้เขาเห็น
นี่คือการสื่อสารกันระหว่างคนฉลาด
เธอไม่พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่กลับใช้วิธีอื่นลองใจเขา
นี่เป็นความรู้สึกที่ประหลาด แต่อวี๋หมิงหลางแน่ใจว่าตอนนี้ในใจเขารู้สึกหมั่นเขี้ยว เขาได้เลือกผู้หญิงที่ฉลาดมากและเหมาะกับเขาให้ตัวเองแล้ว
ไม่ตั้งใจ แต่ก็ไม่หนี ข่วนหัวใจเขาโดยใช้วิธีเหยียบเส้นบางๆของความขี้เกียจที่อยู่ในใจเขา
ประสบความสำเร็จในการจุดไฟให้ใจของอวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางเองก็ตอบกลับเสี่ยวเชี่ยนโดยใช้วิธีที่ต่างกัน เขาหยิบแผนที่ขึ้นมาดูสักพัก สุดท้ายขยับตัวตึกเล็กน้อย จากนั้นกลัวเสี่ยวเชี่ยนจะไม่สังเกตเห็น จึงทำสัญลักษณ์กากบาทตรงตำแหน่งเดิม เพื่อบอกเธอว่าขอบเขตที่กล้องวงจรปิดจะถ่ายไปถึง ตำแหน่งเดิมที่เธอวางยังกว้างไม่พอ
หากบอกว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เวลานี้เสี่ยวเชี่ยนอยากจะเล่นใหญ่ งั้นสิ่งที่อวี๋หมิงหลางต้องทำก็มีอยู่เรื่องเดียว
แก้bugให้เธอ
การจะเป็นผู้ช่วยของเธอนั้นต้องมีความละเอียดรอบคอบห้ามผิดพลาด ทันใดนั้นอยู่ๆอวี๋หมิงหลางก็รู้สึกว่าหลายปีที่เรียนมาไม่สูญเปล่า ความรู้ทั้งหมดได้นำมาใช้ช่วยเสี่ยวเชี่ยน ดีมาก
ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนกำลังใช้เทคนิคเก้าอี้ว่างเปล่ารักษาเวยเวย
หลังจากที่ได้พูดชี้นำอย่างเหมาะสมแล้ว อาศัยความเชื่อใจที่เวยเวยมีให้เธอ จึงจะทิ้งเวยเวยไว้ในห้องตามลำพัง
ภายในห้องมีโต๊ะที่มีเก้าอี้สี่ตัวล้อมรอบ บนโต๊ะด้านที่ตรงกับเก้าอี้แต่ละตัวมีป้ายที่มีข้อความวางไว้ไม่เหมือนกัน
“เด็กน้อย เดี๋ยวหนูจะยืนอยู่ในห้องตามลำพังนะจ๊ะ เก้าอี้ที่ไม่มีป้ายเป็นตัวแทนของหนู ส่วนเก้าอี้ว่างที่มีป้ายจะแบ่งออกเป็นคนที่ทำร้ายหนู คนที่หนูไว้ใจที่สุด แล้วก็คนอื่นๆในสังคม อีกเดี๋ยวหลังจากที่หนูได้ยินคำสั่งของพี่ ให้หนูพาตัวเองไปอยู่ในช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานที่สุด จากนั้นตัวหนูก็จะแสดงเป็นบทบาทของแต่ละคน หนูนั่งที่เก้าอี้ตัวเองก็คือตัวหนู พูดระบายความอัดอั้นในใจออกมาได้เลย จากนั้นพอหนูไปนั่งตรงเก้าอี้ของคนที่ทำร้ายหนู หนูก็จะเป็นตัวเขา หนูสามารถแสดงเป็นคนอื่นๆได้ ลองใช้มุมมองของคนที่หนูแสดงเป็นตัวเขามองปัญหา จำลองการเข้าสังคมดูนะ”
นี่ก็คือเทคนิคการรักษาที่เรียกว่าเก้าอี้ว่างเปล่าที่ใช้บ่อยที่สุดในทางจิตวิทยา
“หนูไม่ค่อยเข้าใจ…”
“ไปเผชิญหน้าตรงๆกับสิ่งที่หนูหวาดกลัวที่สุด ไปถามเขาว่าทำไมทำร้ายหนู ทำไมต้องทำเรื่องที่เป็นการรังแกหนู ทำไมต้องเป็นหนู! หนูไม่อยากถามเหรอ? ตะโกนเอาสิ่งที่ในใจหนูหวาดกลัวออกมา ระบายมันออกมา”
นี่ไม่เหมือนโรคจิตเภทอย่างที่จือหมิงนักโทษที่กรีดหน้าเหยื่อเป็น เทคนิคเก้าอี้ว่างเปล่าที่ใช้การสร้างสถานการณ์ปลดปล่อยอารมณ์ช่วยบรรเทาความหวาดกลัวและความวิตกกังวลนี้ เสี่ยวเชี่ยนเคยใช้แล้วในการรักษาโรคจิตเวชมามากมาย ตอนนี้เธอจะใช้วิธีนี้มาช่วยให้เวยเวยได้ระบายความหวาดกลัว
เสี่ยวเชี่ยนทำการรักษาอยู่ด้านนี้ ส่วนทางบ้าน อวี๋หมิงหลางกำลังใช้กระบะทรายสื่อสารความคิดกับเสี่ยวเชี่ยน ฉิวฉิวเริ่มทำกับข้าว อวี๋หลิวเหมยเดิมจะไปช่วย แต่โทรศัพท์บ้านดังขึ้นก่อน
“เชี่ยนเอ๋อ วันอาทิตย์หน้าอยู่บ้านหรือเปล่า?”
“ฉันไม่ใช่เชี่ยนเอ๋อค่ะ ฉันเป็นน้องสาวของเชี่ยนเอ๋อ”
“อ๋า ขายาว—เอ้ย หลิวเหมยเองเหรอ”
เสียงผู้ชายที่อยู่ปลายสายดูจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลิวเหมยฟังออกแล้ว “ดอกเตอร์ใส่แว่น—ฉันหมายความว่าพี่ฟู่กุ้ยใช่ไหมคะ?”
“พี่เอง” จำพี่ได้ด้วยเหรอ~ หัวใจของเลี่ยวฟู่กุ้ยเริ่มเต้นแรง ช่วงหลายวันมานี้เขาฝันเห็นขายาวๆทุกวัน บางครั้งยังฝันว่าหน้าตัวเองไปซุกอยู่กับอกตู้มๆเคล้าด้วยกลิ่นสบู่กลิ่นมะนาว พอตื่นขึ้นมาพบว่าหน้าตัวเองซุกอยู่ในหมอนก็เกือบตายเพราะหายใจไม่ออก
จริงสิ ช่วงนี้เขาเปลี่ยนสบู่ของตัวเองเป็นกลิ่นมะนาวแล้วด้วย!
“จะคุยกับพี่สะใภ้เหรอคะ?”
“ใช่…”
“พี่เขากำลังรักษาคนไข้อยู่ค่ะ มีอะไรจะฝากบอกไหมคะ?”
“บ้านพี่เพิ่งได้เนื้อหมูบ้านมา น้าเจี่ยเหลือไว้ให้เขาหน่อย เดี๋ยวครั้งหน้าพี่จะเอาไปให้”
“ได้เลยค่ะ! เดี๋ยวฉันบอกให้!”
พูดธุระจบแล้ว หากจะว่ากันตามเหตุผลก็ควรพูดขอบคุณแล้ววางสาย แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีใครวางก่อน หลิวเหมยรอให้ดอกเตอร์แว่นพูดก่อน ส่วนพี่แว่นก็กำลังนึกถึงอกตู้มกลิ่นมะนาวกับขายาวๆ สมองว่างเปล่า แม้แต่คำว่าแค่นี้นะก็ลืมพูด
ทำให้เกิดการเงียบไปหลายวินาที
หลิวเหมยไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร ไม่วางสายแต่ก็ไม่ยอมพูด ครั้นแล้วเธอจึงหาเรื่องชวนคุย
“พี่ฟู่กุ้ยคะ พี่รู้ไหมว่าเทคนิคเก้าอี้ว่างเปล่าคืออะไร?” เมื่อกี้พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดหลิวเหมยก็รู้สึกสนใจ คล้ายกับว่ากำลังฟังอย่างสนุกๆก็เกิดการพักโฆษณาเฉย
“อ๋อ นั่นเป็นเทคนิคการรักษาที่นักจิตวิทยากลุ่มเกสตัลท์ใช้บ่อยน่ะ หรือจะเรียกว่ากลุ่มจิตวิทยาส่วนร่วมก็ได้ เป็นวิธีหนึ่งที่จะสะท้อนจิตใจของผู้ป่วย ก็คือจะให้ผู้ป่วยเล่นเป็นบทบาทต่างๆ จากนั้นก็ปล่อยให้ความขัดแย้งในใจได้ถูกแสดงออกมา”
ฟู่กุ้ยเป็นคนที่ถ้าพูดเรื่องที่ตัวเองถนัดก็จะพูดได้ไม่หยุด ช่วยหลายวันมานี้หลิวเหมยสนใจเรื่องทางจิตวิทยามาตลอด ฟู่กุ้ยพูดออกมาได้อย่างเข้าใจง่าย ทั้งสองคนจึงพูดคุยกันอย่างไหลรื่น
“ฟังจากที่พี่พูด นักจิตวิทยาแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มเหรอคะ? งั้นพี่สะใภ้อยู่กลุ่มไหนคะ พี่ด้วย?” หลิวเหมยถาม รู้สึกเหมือนแบบแบ่งเป็นสำนักจอมยุทธ์ต่างๆ แต่ละสำนักมีวิชาที่ไม่เหมือนกัน!
“มีเยอะเลย เชี่ยนเอ๋อเป็นประเภทที่เรียนมันทุกอย่าง เป็นทุกอย่าง ถ้าจะใช้คำพูดของคนดังมาเปรียบก็ ในสายตาของเชี่ยนเอ๋อ จะแมวดำแมวขาวจับหนูได้ก็คือแมวดี พี่กับเขาไม่ค่อยเหมือนกัน พี่เป็นหมอประสาท”
เสี่ยวเชี่ยนโชคดีมาก หลังจากที่มาอยู่กับศาสตราจารย์หลิวก็ได้รับการถ่ายทอดความรู้อย่างเต็มที่ หลังจากที่มีคลินิกเป็นของตัวเองก็ได้สั่งสมประสบการณ์มากขึ้นไปอีก หลังจากที่ทำคลินิกของตัวเองไปสักพักก็ได้ดึงดูดจิตแพทย์เก่งๆของเอเชียมากมาย เธอเองก็ได้เรียนรู้วิธีรักษามาไม่น้อย ซึ่งวิธีเหล่านั้นนำมาใช้ในตอนนี้ยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่อยู่ แต่ได้ผลไม่เลว
“ฟังดูสุดยอดมากเลยนะคะ แต่ลำพังแค่เก้าอี้ไม่กี่ตัวที่ให้ผู้ป่วยแสดงเป็นบทบาทต่างๆแล้วพูดกับตัวเอง มันจะรักษาได้จริงๆเหรอคะ?”
“แน่นอน เทคนิคเก้าอี้ว่างเปล่าใช้รักษากับอาการได้หลายแบบ อย่างเช่น รู้สึกเป็นทุกข์จากการสูญเสียคนในครอบครัว เคยอยู่ในเหตุการณ์ฆ่ากันตายจนเก็บไปฝันร้ายทุกวัน เจอกับการใช้ความรุนแรง หรือเป็นโรคหวาดกลัวการเข้าสังคม วิธีนี้ใช้ได้ผลมาก เชี่ยนเอ๋อเป็นจิตแพทย์ที่เก่ง วิธีที่เขาใช้ล้วนมีประสิทธิภาพมาก”
“พี่ก็เก่งนะคะ พี่รู้ทุกอย่างเลย” หลิวเหมยชมจากใจจริง
เลี่ยวฟู่กุ้ยถูกชมจนเขิน แต่ในใจกลับมีความภูมิใจชนิดที่บรรยายไม่ถูก ถูกสาวอกนุ่มขายาวชม อยู่ๆก็อารมณ์ดีขึ้นมา