แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 684 เปิดโหมดสามีภรรยารวมหัวแกล้งคนอื่น
อวี๋เสี่ยวเฉียงมารับเสี่ยวเชี่ยน
ถึงเขาจะเหมือนเดิมทุกประการ แต่เสี่ยวเชี่ยนก็รู้สึกแปลกๆ วันนี้ดูเคร่งขรึมผิดปกติ? ถึงขนาดใส่แว่นกันแดดด้วย?
ใส่แว่นกันแดดตอนฟ้ามืดแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อวี๋เสี่ยวเฉียงทำแบบนี้ เท่าที่เสี่ยวเชี่ยนรู้จักเขาการที่ตานี่ใส่แว่นกันแดดตอนมืดค่ำ ถ้าไม่อารมณ์ไม่ดีจนไม่อยากให้คนอื่นมองออกก็แค่อยากทำเป็นเท่ห์ ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น
ประธานเชี่ยนที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกพี่สาวบุญธรรมของตัวเองขายให้แล้ว เธอไม่มีทางรู้เลยว่าตอนนี้อวี๋เสี่ยวเฉียงมีแผนชั่วร้ายอยู่เต็มหัว ก็แค่รอคิดบัญชีเรื่องสปาต่างเพศอยู่
สุ่ยเซียนพอเห็นสีหน้าของอวี๋หมิงหลางก็รู้เลยว่าคืนนี้เสี่ยวเชี่ยนต้องทำสงครามแน่นอน ไอ๊หยา เพื่อชัยชนะเริ่มสงครามกับเชี่ยนเอ๋อเลย~
อวี๋หมิงหลางใส่แว่นกันแดดก็เพราะไม่อยากให้เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่
เดิมควรจะขับรถกลับบ้านใหม่แล้วไปคุยกันเรื่องชีวิตจากนั้นก็ทำเรื่องที่คนมีชีวิตเขาทำกัน ปรากฏว่าเสี่ยวเชี่ยนกลับไม่ได้ตามอวี๋หมิงหลางขึ้นรถแต่เดินเข้าไปถามอาเหม็ด
“เห็นสุ่ยเซียนบอกว่าคุณเป็นสปายปลดประจำการ?”
อาเหม็ดรู้สึกเสียวสันหลัง เขาสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี…
สีหน้าของผู้หญิงคนนี้ในตอนนี้ไม่ต่างจากตอนที่บิดน้ำจากผ้าขี้ริ้วใส่อาหาร
“ครับ”
“พอดีเลย คุณเป็นสปายปลดประจำการ บ้านฉันมีทหาร งั้นให้เขามาวัดกับคุณหน่อยเป็นไง? ได้ไหม เสี่ยวเฉียง?” เสี่ยวเชี่ยนหันไปถามอวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางเหล่มองเธออย่างเก๊กๆ ไม่อยากตอบผู้หญิงที่ชอบทำสปาต่างเพศ
“ที่รักได้ไหม?”
“ได้!”
พูดออกไปแล้ว อวี๋หมิงหลางยกนิ้วกลางในใจ เกลียดตัวเองจริงๆ ทำไมควบคุมตัวเองไม่ได้ พอเธอเรียกว่าที่รักเป็นต้องเคลิ้มตามตลอด อุตส่าห์เก๊กมาตลอดทาง
พอเจอเมียเรียกว่าที่รักหน่อยเดียวก็ถึงกับมาดหลุด!
ในเมื่อถูกเสี่ยวเชี่ยนทำให้เสียฟอร์มไปแล้ว งั้นเขาก็ไม่อยากหักหน้าเสี่ยวเชี่ยนต่อหน้าคนอื่น เขามองผู้ชายคนนั้นผ่านแว่นกันแดด
ส่วนสูงใช้ได้ ดูท่าทางหน่วยก้านไม่เบา แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นสปายปลดประจำการเสี่ยวเฉียงยังแอบสงสัย
เขามองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความสงสัย จะให้ทดสอบเด็กใหม่คนนี้เหรอ ถ้าพิการไปตระกูลทังจะจ่ายค่าชดเชยหรือเปล่า ถ้าเกิดอีกฝ่ายบาดเจ็บไปจะถือว่าบาดเจ็บในขณะทำงานไหม?
นี่เมียเขาเล่นอะไรอยู่?
เสี่ยวเชี่ยนขยิบตาให้เขา เสี่ยวเฉียงเข้าใจทันที
อ้อ เมียเขาอยากทดสอบคนที่บอกว่าตัวเองเคยเป็นสปาย?
อวี๋หมิงหลางเริ่มวอร์มมือ เขายิ้มให้อาเหม็ดด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ อาเหม็ดแอบหวั่นใจแต่ไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า เขามีลางสังหรณ์ว่า ตัวเองอาจถูกผู้ชายที่ใส่ชุดลายพรางคนนี้อัดตาย…
ทำไงดีถึงจะหนีได้? อาเหม็ดกำลังคิดหาวิธีอย่างจริงจัง
ในขณะที่อวี๋หมิงหลางกำลังเตรียมจะเข้าไปเหวี่ยงหมัด หลิวเหมยก็เข้ามาขวาง
“พี่ ให้ฉันลองได้ไหม?”
หลิวเหมยฝึกศิลปะป้องกันตัว เธอชอบที่จะท้าลองกับคนอื่น ถูกอวี๋หมิงหลางอัดจนน่วมบ่อยๆ ถึงแม้บางครั้งจะท้าสู้กับอวี๋หมิงอี้จนเสมอบ้างเป็นบางครั้ง แต่สู้กับนักบินมันไม่น่าภูมิใจเท่าไร สู้กับคนเก่งๆหรอกมันกว่า
พอได้ยินว่าเป็น ‘สปาย’ปลดประจำการที่มาจากประเทศM หลิวเหมยก็ตื่นเต้นทันที
อาเหม็ดเองก็ตื่นเต้น เยี่ยมเลย ผู้หญิง!
ในสายตาของเขาผู้หญิงคือสัญลักษณ์ของความอ่อนแอและไร้สมอง เขาสังหรณ์ใจว่าตัวเองสู้อวี๋หมิงหลางไม่ได้ งั้นถ้ากับผู้หญิงคงไม่น่ายากหรือเปล่า?
ในชีวิตของอาเหม็ดผู้หญิงที่เขารู้จักจะดูต่ำต้อยเสมอ ก่อนที่เขาจะแฝงตัวเข้ามาเป็นบอดี้การ์ดให้สุ่ยเซียน เขาคิดมาตลอดว่าผู้หญิงเป็นสัตว์ที่ไร้สมอง อ่อนแอ แค่พูดหวานๆเข้าหน่อยก็หลงกล
แต่พฤติกรรมของเสี่ยวเชี่ยนเมื่อตอนกลางวันสร้างความตกใจให้กับเขามาก เขาเริ่มจะเปลี่ยนความคิดที่ว่าผู้หญิงไม่มีสมอง
หลังจากที่เจอหลิวเหมย เขาก็เริ่มลบภาพที่ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่รู้ฝีมือเธอ
“ผมเป็นผู้ชายสู้กับผู้หญิงไม่ค่อยเหมาะนะครับ” อาเหม็ดมองหลิวเหมยแล้วพูดอย่างเท่ห์ๆ
อันที่จริงเขาคิดในใจว่า มาเลย เอาชนะผู้หญิงร่างสูงคนนี้ได้ความลับของเขาก็ยังคงอยู่ โอ้เย่!!!
“ไม่เป็นไร สู้เลย” เสี่ยวเชี่ยนเคยเห็นฝีมือของหลิวเหมย เธอมั่นใจมาก
หลิวเหมยตั้งท่า อาเหม็ดเห็นแล้วก็เริ่มใจคอไม่ดี ทำไมท่าทางเหมือนคนที่ฝึกศิลปะป้องกันตัว?
เขาเคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้าง แต่ก็แค่เรียนเป็นงานอดิเรก ใช้หลอกคนทั่วไปยังพอได้ แต่หลอกคนที่ฝึกมาจริงจังไม่ได้แน่นอน
ตอนเข้าไปสมัครงานกับตระกูลทัง เขาให้คนแนะนำไป อีกทั้งยังสร้างประวัติปลอม หลอกให้ทังต้าเย่เข้าใจว่าเขาเคยเป็นสปายมาจริงๆ
คนรวยมีบอดี้การ์ดกันทั้งนั้น แต่การรักษาความปลอดภัยภายในประเทศดีมากอยู่แล้ว ส่วนใหญ่บอดี้การ์ดก็แค่มีไว้ประดับเท่ห์ๆ ไม่มีใครลงมือกับสุ่ยเซียนหรอก ดังนั้นความลับของอาเหม็ดจึงยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
เขาไม่มีทางนึกถึงว่า เขาได้เจอเสี่ยวเชี่ยนแค่ไม่ถึงวัน ความลับของเขาก็ถึงกับอยู่ในช่วงวิกฤติ!
“เคยฝึกมาเหรอ?” อาเหม็ดถามหลิวเหมย
หลิวเหมยพูดอย่างถ่อมตัว “เคยเรียนมาไม่กี่ปี เป็นแชมป์มวยหญิงระดับประเทศ ถึงเกียรตินี้จะอยู่กับฉันมาหลายสมัย แต่โลกนี้คนเก่งเยอะ มีรุ่นพี่ที่เก่งๆซ่อนตัวอยู่มากมาย ดังนั้นฉันไม่ได้เป็นตัวแทนของคนที่มีฝีมือจริงๆหรอก แต่ต่อให้ฉันแพ้ก็ไม่ได้หมายความว่าทักษะการต่อสู้ของบ้านเรายังสู้ใครไม่ได้”
พูดจบยังหันไปมองพี่ชายกับพี่สะใภ้ เป็นไง ฉันพูดดีไหมพี่ๆ!
เนื่องจากมองออกว่าอาเหม็ดเป็นคนต่างชาติ หลิวเหมยจึงห้ามความรู้สึกที่อยากจะสู้กับ ‘คนเก่ง’ ไม่ได้ แต่ก็กลัวว่าจะแพ้ทำให้ชาติตัวเองขายหน้า จึงเดินวนก่อนหนึ่งรอบ
เสี่ยวเชี่ยนยกนิ้วโป้งให้เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าของอาเหม็ด
ใครใช้ให้แกล้งทำตัวเป็นสปายล่ะ สมน้ำหน้า ขึ้นหลังเสือแล้วลงยากใช่ไหมล่ะ?
ถึงหลิวเหมยจะเป็นผู้หญิง แต่ก็สู้กับผู้ชายสองคนได้สบาย
อวี๋หมิงหลางเอามือกอดอก ยืนยิ้มมองเมียตัวเองขุดหลุมฝังคนอื่น
ตอนนี้ ‘สปายปลดประจำการ’ ความลับกำลังจะแตกแล้ว อาเหม็ดรีบคิดหาวิธีใหญ่
“คุณเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชาย พวกเราสู้กันดูไม่ค่อยยุติธรรมนะครับ ผมกลัวจะทำคุณบาดเจ็บ เอาแบบนี้ดีกว่า พวกเรามาแข่งพลังมือกันดีกว่าไหม?”
หลิวเหมยเก็บท่า “พลังมือเหรอ?”
“ได้ยินว่าศิลปะป้องกันตัวของประเทศนี้วัดกันที่พลังภายใน พวกเรามาฟันอิฐกัน ดูว่าใครฟันได้เยอะกว่า”
“ฉันไม่ค่อยถนัดฟันอิฐนี่นา…” หลิวเหมยเริ่มลำบากใจ ศิลปะป้องกันตัวที่เธอฝึกเน้นใช้แขนขาไปพร้อมกัน
เรื่องฟันอิฐมันงานถนัดของพี่เธอไม่ใช่เหรอ?
อาเหม็ดเห็นเธอหน้าเสียก็แอบสะใจ ฮ่าๆๆ ใช่ ไม่ถนัดน่ะดีแล้ว!
มือของเขามัน ‘มือศักดิ์สิทธิ์’เลยนะ ตอนนั้นที่ไปสมัครงานกับตระกูลทัง นอกจากสร้างประวัติปลอมแล้วเขาก็ใช้มุกนี้นี่แหละหลอกทังต้าเย่ จนได้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา
“หลิวเหมย สู้กับเขา” อวี๋หมิงหลางพูด เสี่ยวเชี่ยนมองเขา อวี๋หมิงหลางพยักหน้า
เสี่ยวเชี่ยนสงสัยในตัวคนๆนี้ถึงได้คิดหาวิธีลองใจเขา เสี่ยวเชี่ยนส่งสัญญาณบอกอวี๋หมิงหลางเพราะอยากให้อวี๋หมิงหลางจับตาดูไว้ว่าคนๆนี้จะมาไม้ไหน
ตบตาคนอื่นได้ แต่ไม่มีทางตบตาอวี๋หมิงหลางได้
ข้างร้านสปาเป็นพื้นที่ก่อสร้างพอดีจึงมีอิฐอยู่ไม่น้อย
อิฐสมัยนี้ไม่แข็งเท่าสมัยสิบกว่าปีก่อน แต่ก็ยังแข็งพอใช้ได้
เห็นอาเหม็ดหยิบอิฐมาสองมัด หลิวเหมยมองพี่ชายกับพี่สะใภ้ด้วยสีหน้าลำบากใจ จะให้ฟันอิฐจริงๆเหรอ? เธอทำไม่ได้จริงๆนะ!
อวี๋หมิงหลางมองเธอด้วยสายตาบอกให้ใจเย็นๆ จากนั้นก็หันไปพูดกับอาเหม็ดว่า
“คุณก่อนเลย”