แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 697 เด็กที่ถูกช่วยจากเงื้อมมือยมทูต
ขาดอีกแค่ครั้งเดียวแต่ลุกไม่ขึ้น ตอนที่เย่ต้าเชียนใกล้สลบเขารู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้า เขาพยายามเอียงหน้าขึ้น แต่ใบหน้ายังแนบติดกับพื้น
เวยเวยที่ถูกเขารังแกมาตลอด เวยเวยที่มีค่าแค่นิดเดียวในสายตาของเขา เวลานี้เวยเวยเหมือนยักษ์ ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา ข้างกายมีประธานเชี่ยนยืนอยู่อย่างใจเย็น เย่ต้าเชียนพยายามเปล่งเสียงอย่างอ่อนแรง
“ขอ…โทษ…”
“หนู…” เวยเวยอยากจะพูดอย่างใจเย็น แต่พอเริ่มแล้วก็กลืนคำพูดลงไป จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงแรงบีบมือของเสี่ยวเชี่ยน แล้วเวยเวยก็ควบคุมอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
“หนูไม่มีทางยกโทษให้ ไม่มีทาง ครั้งสุดท้ายไม่ต้องคำนับแล้ว รีบไสหัวออกไป ออกไปจากชีวิตหนู ไปให้ไกลยิ่งดี”
“ฉันต้องขอโทษ ยังขาดอีกหนึ่ง อีกแค่ครั้งเดียวสวรรค์ก็จะยกโทษให้ฉัน ขาดอีกแค่ทีเดียว…” เย่ต้าเชียนยังไม่ยอมตัดใจ เขายังอยากจะคำนับครั้งสุดท้าย เสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปถีบหนึ่งที “ทีเดียวกับผีสิ!”
ลูกถีบของเสี่ยวเชี่ยนทำให้อวัยวะที่เพิ่งถูกเย็บกระแทกกับพื้น เย่ต้าเชียนเจ็บจนร้องออกมา สองตาเหลือกมองบนแล้วสลบไป
วินาทีที่สลบไปนั้น เย่ต้าเชียนคล้ายกับเห็นเสี่ยวเชี่ยนยิ้มเยาะ รวมถึงได้ยินเสียงที่อ่อนโยน แต่กลับทำให้คนรู้สึกหมดหวัง
“ใช่ว่าคำขอโทษทุกคำจะได้รับการให้อภัย จำไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเจอล้วนเป็นการชดเชยต่อความผิดที่คุณได้ทำ ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไปกับความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดไปเถอะ เพราะคุณก็ทำแบบนี้กับเด็กผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน”
ถ้ามีนรก เย่ต้าเชียนเชื่อว่าเขาได้ไปอยู่ที่นั่นแล้ว ไม่มีทางหลุดพ้นไปตลอดชีวิต…
เสี่ยวเชี่ยนเรียกเย่เสียวอวี่มาให้เรียกคนมาพาพ่อไปโรงพยาบาล คนๆนี้ต่อไปจะอยู่หรือตายหรือเป็นบ้าก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้ว นับแต่นี้ไปคนๆนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเวยเวยอีก
“เวยเวยยังกลัวอยู่ไหมจ๊ะ?” เสี่ยวเชี่ยนถามเวยเวย
เวยเวยส่ายหน้าในสภาพน้ำตาคลอเบ้า ตอนที่เธอเห็นสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นคุกเข่าอยู่ที่พื้น บางสิ่งที่อยู่ในใจได้เปลี่ยนแปลงไป
“หนูคิดว่าหนูจะกลัวมากแต่ไม่เลยค่ะ หนูพบว่าคนที่เคยรังแกหนูสักวันหนึ่งก็ต้องกลายเป็นเหมือนมดตัวนึง เรื่องที่ทำให้หนูรู้สึกโกรธแค้นและอัปยศก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นอีกต่อไป”
“อืม คิดเสียว่าถูกหมาบ้ากัด เรื่องบางอย่างหนูไม่ต้องใส่ใจอะไรมากมาย จะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมาน ถ้าหนูมองเขาเป็นปีศาจที่สิงอยู่ในจิตใจเขาก็จะทรมานจิตใจหนูไปตลอดชีวิต แต่ถ้าหนูมองว่าเขาเป็นขี้ หนูไปเหยียบเข้าก็จะรู้สึกขยะแขยง แต่แค่ล้างออกไปเดี๋ยวเราก็ลืมแล้ว อนาคตยังมีชีวิตที่ดีกว่ารอหนูอยู่ หนูจะยอมเปิดใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ไหมจ๊ะ?”
“ยอมค่ะ!” เวยเวยรู้สึกได้ถึงความหวังของการมีชีวิตอยู่ต่อจากรอยยิ้มของเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนมอบอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักของแม่ให้เวยเวย ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ถูกเธอช่วยชีวิตจากเงื้อมมือของยมทูตได้สำเร็จ ความรู้สึกแบบนี้ดีจริงๆ
ตอนที่หลับตาเสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนได้ยินเสี่ยวเหวยพูดอย่างภูมิใจว่า หม่าม้าเก่งที่สุดเลย
พรุ่งนี้จะดีหรือร้ายไม่มีใครรู้ แต่เพื่อคนที่แคร์เรา เพื่อคนที่เราแคร์ ก็ยังต้องสู้ชีวิตกันต่อไป
เสี่ยวเชี่ยนคิดแบบนั้น เวยเวยเองก็เหมือนกัน
ช่วงเวลาที่แย่ที่สุดได้ผ่านไปแล้ว อนาคตยังจะมีอะไรที่แย่กว่านี้ก็พยายามสู้ต่อไปเถอะ สักวันหนึ่งคงจะได้พบหน่อแห่งความหวัง พรุ่งนี้ย่อมดีกว่า
ไป๋จิ่นคิดมาตลอดว่าเรื่องที่เป็นพลังบวก สร้างความตื่นตะลึงให้กับเธอมากที่สุดไม่มีเรื่องไหนยิ่งไปกว่าภาพเหตุการณ์ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนเจรจากับคนร้ายบนดาดฟ้าในตอนนั้น ซึ่งได้สร้างพลังบวกให้กับเธอเป็นอย่างมาก ทำให้เธอเชื่อว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม
นิสัยของไป๋จิ่นได้เป็นตัวกำหนดแล้วว่าเธอต้องเสียเปรียบแน่เมื่ออยู่ในสังคมที่บิดเบี้ยวนี้ เธอเรียนจบมาหลายปีแล้วแต่กลับยังคงรับไม่ได้กับการประนีประนอมและให้ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องบางอย่างถึงเปิดเผยไม่ได้ แต่เรื่องพวกนั้นกลับยังคงเกิดขึ้นอยู่ เพียงแค่เพราะความสกปรกของการเล่นเส้นสาย ทำให้บรรดาสื่อต่างๆต้องเลือกในการทำข่าว เรื่องบางอย่างถ้ารายงานออกไปแล้วยังต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมา ความจริงข้อนี้ทำให้ไม่สอดคล้องกับความตั้งใจแรกของเธอในการเป็นนักข่าว
เพราะความหนักแน่นในความยุติธรรมกับจิตวิญญาณนักข่าวอันแรงกล้าทำให้เธอถูกย้ายครั้งแล้วครั้งเล่า จากนักข่าวสถานีโทรทัศน์อนาคตไกลกลายเป็นนักข่าวคอลัมน์ครอบครัวที่ไม่ได้รับความสนใจเท่าไร หลายครั้งที่ต้องแบกรับความไม่ยุติธรรม แต่ทุกครั้งหลังจากที่เธอถูกโจมตีในเรื่องทัศนคติเธอจะนึกถึงคนๆหนึ่ง
ผู้หญิงหน้าตาดีที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าอย่างงามสง่า เธอตัวเล็กแต่บุคลิกกลับดูทรงพลัง เธอไม่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า ไม่กลัวความมืด ยืนเผชิญหน้ากับคนร้ายอย่างกล้าหาญ ทุกคำพูดที่เปล่งออกไปล้วนเสียดแทงเข้าไปในใจของคนร้าย
ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นเป็นสิ่งที่ตราตรึงอยู่ในใจของไป๋จิ่นยากจะลืมเลือน ไม่ใช่แค่เพราะเพศเดียวกันเท่านั้น ยังเป็นเพราะเธอเป็นพวกที่รักในความยุติธรรมมาตลอด เชื่ออย่างหนักแน่นว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม เธอจะนึกถึงภาพของประธานเชี่ยนในตอนนั้นทุกครั้งที่ต้องเจอกับความจริงอันโหดร้าย มันทำให้เธอเชื่อว่าโลกนี้ยังมีความยุติธรรมและความถูกต้องหลงเหลืออยู่
วันนี้ได้มาเห็นวิธีที่เสี่ยวเชี่ยนรักษาเวยเวย ได้สร้างความตกตะลึงเป็นอย่างมากในชีวิตของไป๋จิ่น
ผู้ชายคนนั้นที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นเห็นแล้วน่าสงสารมาก ร่างกายของเขาบาดเจ็บแต่กลับต้องนั่งคำนับครั้งแล้วครั้งเล่า ไป๋จิ่นเป็นพยานที่เห็นเต็มตา การสร้างความตกตะลึงของเสี่ยวเชี่ยนในครั้งนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าครั้งที่แล้ว
ใช้วิธีอื่นในการลงโทษคนผิด ทำในเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง—ภาพตอนที่เสี่ยวเชี่ยนให้สัตว์เดรัจฉานคุกเข่าดูทรงพลังมาก
แต่ภายใต้สถานการณ์ตรงหน้าที่สัตว์เดรัจฉานถูกลงโทษอย่างสาสม ภาพตอนที่เสี่ยวเชี่ยนกอดเวยเวยนั้นก็ได้สร้างความตกตะลึงเช่นกัน
ซึ่งแตกต่างจากตอนที่เสี่ยวเชี่ยนไปช่วยเจรจากับคนร้ายในตอนนั้น วิธีก็ต่างกัน แต่กลับสร้างความตกตะลึงได้เหมือนกัน ด้วยความที่เกิดการเปรียบเทียบระหว่างผู้อ่อนแอและผู้แข็งแกร่ง จึงทำให้ยากที่จะลืม
ความยุติธรรมและความถูกต้องที่ไป๋จิ่นสับสนมาหลายปี ตอนนี้ได้เกิดความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เธอเห็นพฤติกรรมทุกอย่างของเสี่ยวเชี่ยนพร้อมรู้สึกว่าความแข็งแกร่งแบบนี้เป็นสิ่งที่เยี่ยมมาก
ใช้พลังนี้ปกป้องคนที่อ่อนแอ ไอดอลเฉินเสี่ยวเชี่ยนได้ถูกยกระดับขึ้นในจิตใจของไป๋จิ่น ทำให้สายตาเธอที่มองเสี่ยวเชี่ยนนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม
เธอจำได้แม่นในสิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนให้เธอเขียน ให้เขียนแค่ว่าทารุณกรรมเด็กห้ามเขียนเรื่องข่มขืน เพื่อปกป้องชื่อเสียงของเวยเวย ถือโอกาสเหยียบเพื่อนร่วมงานที่รับเงินเขียนข่าวมั่วๆด้วย ตีแผ่ความจริงของเรื่องนี้ และเป็นการเตือนให้ผู้ปกครองเอาใจใส่การเปลี่ยนแปลงด้านสภาพจิตใจของบุตรหลานด้วย
พอเสี่ยวเชี่ยนจบปัญหาเรื่องของเวยเวยได้ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก วันต่อมาเธอให้เย่เสียวอวี่พาเวยเวยไปเที่ยว กำชับเย่เสียวอวี่เป็นพิเศษว่าต้องคอยดูให้เวยเวยกินยา ห้ามหยุด โรคซึมเศร้าเมื่อมีอาการดีขึ้นจะมีช่วงที่อาการย้อนกลับมา ห้ามคิดว่าอาการดีขึ้นแล้วก็หยุดยาเองโดยที่หมอไม่ได้สั่ง ไม่อย่างนั้นจะกลับมาเป็นอีก
เย่เสียวอวี่กับเวยเวยย้ายออกไปแล้ว หลังจากที่ไปเที่ยวลับมาตามคำสั่งของเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองคนก็หาบ้านใหม่ ไม่ให้อยู่ที่นี่ต่อ เพราะอาจนึกถึงความเจ็บปวดในอดีต
เสี่ยวเชี่ยนกลับมาจากมหาวิทยาลัยก็เห็นห้องฝั่งตรงข้ามว่างเปล่าแล้ว ประตูถูกเปิดทิ้งไว้ เด็กน้อยที่เคยต้องพึ่งพาเธอย้ายออกไปแล้ว