แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 817 เขามาแล้ว เขามาแล้ว เขามาแล้ว
โรคที่ผู้อำนวยการเป็นอยู่ ผู้ป่วยกับหมอต้องไว้ใจซึ่งกันและกันถึงจะเริ่มขั้นตอนการรักษาได้ ก่อนหน้านี้เสี่ยวเชี่ยนเคยรักษาให้มือสไนเปอร์อดีตลูกน้องของอวี๋หมิงหลางด้วยโรคที่ไม่ต่างกันนี้ก็เริ่มขึ้นหลังจากที่ผู้ป่วยและคนไข้ต่างเปิดใจยอมรับกันและกัน
คนที่มีความคิดหัวรั้นแบบนี้ เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าต่อให้ตัวเองพยายามมากกว่านี้ผู้อำนวยการก็ไม่ไว้ใจเธอ ในเมื่อรักษาไปก็ไม่ได้ผลตามที่ต้องการก็ให้เปลี่ยนหมอดีกว่า
“แกห้ามพูดออกไป ถ้าแกพูดออกไป ฉัน ฉันไม่ปล่อยแกแน่” ผู้อำนวยการชี้หน้าเสี่ยวเชี่ยน ถอยออกไปจากห้องจนเกือบชนคนๆหนึ่ง
ผู้อำนวยการหันไปมองแล้วก็เห็นผู้ชายใส่ชุดลำลองสีขาว เดาอายุยาก แต่รู้สึกภูมิฐานมาก มีมาดดี
ผู้อำนวยการหัวใจเต้นแรง ผู้ชายคนนั้นยิ้มกว้างให้ ผู้อำนวยการถึงจะอายุมากแล้วก็ยังรู้สึกเขินหน้าแดง จ้องผู้ชายคนนั้นอยู่สักพักถึงได้หันไปถลึงตาใส่เสี่ยวเชี่ยนแล้วเดินออกไป
“ลงทะเบียนหรือยังคะ?” เสี่ยวเชี่ยนก้มหน้าจัดการแฟ้มประวัติ ถึงจะไม่ได้รักษาแต่ก็ต้องจดบันทึกให้เรียบร้อย เพื่อให้หมอที่รับช่วงต่ออ่านเข้าใจง่าย แม้เสี่ยวเชี่ยนจะคิดว่าผู้อำนวยการคงไม่น่ากลับมาอีกก็ตาม
“ยังครับ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ?” ผู้ชายคนนั้นเสียงเพราะมาก เขานั่งลงตรงข้ามเสี่ยวเชี่ยน
“ไปลงทะเบียนก่อนนะคะ เสร็จแล้วรบกวนไปที่ห้องข้างๆค่ะ ฉันจะเลิกงานแล้ว” เสี่ยวเชี่ยนจัดการแฟ้มประวัติเสร็จเตรียมหนีกลับ ใครจะไปรู้ว่าศาตราจารย์บ้านั่นจะโผล่มาเมื่อไร?
อย่าเจอเลยจะดีกว่า ถึงประธานเชี่ยนจะมีวิธีทำให้อีกฝ่ายไม่ประทับใจในครั้งแรกที่เจอ แต่ถ้าอาจารย์รู้ว่าเธอทำแบบนั้นคงไม่ปล่อยเธอไว้แน่
ดังนั้นหนีกลับก่อนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ในใจผมมีเด็กคนหนึ่งอาศัยอยู่ คุณมองผมเป็นเด็กคนหนึ่งแล้วกันครับ”
พอได้ยินประโยคนี้เสี่ยวเชี่ยนก็อดเงยหน้ามองไม่ได้ เธอเห็นผู้ชายนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ เธอจึงหรี่ตามมองพร้อมดันแว่น
“ฉันเคยเจอคุณมาก่อนหรือเปล่าคะ?”
“ร้านอาหาร เหล้าลูกสาว ซาลาเปาน้ำไส้ไข่ปู”
“อ๊า คุณเอง” เสี่ยวเชี่ยนนึกออกแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอเคยได้ขวดหน้าตาประหลาดจากเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับขวดโบราณที่เธอเคยได้รับเมื่อชาติก่อน และมันทำให้เธอไม่สบายใจ วันต่อมาจึงให้อวี๋หมิงหลางเอาไปคืน
“เหล้ารสชาติดีไหมครับ? คุณแต่งงานแล้วใช่ไหม?” ผู้ชายคนนั้นมองแหวนแต่งงานของเสี่ยวเชี่ยนแล้วยิ้มพลางถาม
“เหล้า?”
“ครับ เหล้าฮัวเตียวที่ผมให้ไปคุณน่าจะดื่มตอนคืนส่งตัวแล้ว ฟีนิกซ์โบยบินฉวัดเฉวียน คู่รักครองรักกันยืนยาว ผมเคยบอกคุณแล้วว่า แถวบ้านผมเวลาลูกสาวแต่งงานจะต้องให้ดื่มฮัวเตียว”
“เหล้านั่นฉันให้สามีเอาไปคืนแล้วคุณไม่ได้รับเหรอคะ?”
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ก็ตอนนั้นวันรุ่งขึ้นอวี๋หมิงหลางหิ้วเหล้าออกไปแล้วกลับมามือเปล่านี่
ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้ “เปล่านี่ครับ บอกให้เขาเอาออกมา ของที่ให้พวกคุณสองคนจะให้เขาเอาไปคนเดียวไม่ได้”
“เอ่อ…ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะ ทำไมคุณต้องส่งของราคาแพงแบบนั้นให้ฉันด้วย?”
“แพงเหรอ? ผมไม่คิดแบบนั้น มูลค่าของสิ่งของขึ้นอยู่กับตัวคนที่ชอบ คุณชอบมันมันก็เป็นของโบราณล้ำค่า เป็นเหล้าชั้นดี แต่ถ้าคุณไม่ชอบมัน มันก็แค่ขวดธรรมดาที่ใส่ฉี่ม้า ผมถูกชะตาคุณผมก็เลยให้”
พอได้ยินคำตอบแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนก็อึ้งก่อน จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ
“อ่อ ถ้าบ้านคุณยังมีขวดที่ ‘ไม่ใช่แล้ว’ แบบนี้อีก ยกให้ฉันได้นะคะ”
“ฮ่าๆ ได้สิครับ ถ้าคุณชอบเดี๋ยวผมยกให้” ผู้ชายคนนั้นตอบอย่างยินดี
ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนเริ่มไม่แน่ใจในตัวผู้ชายคนนี้ว่าเป็นคนอัธยาศัยดีหรือเป็นบ้ากันแน่ ไม่เคยเจอคนที่เอาของโบราณยกให้คนอื่นง่ายขนาดนี้ ขอเธอคิดดูก่อนว่ามีโรคประสาทชนิดไหนบ้างที่ทำให้คนถึงกับให้ของคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า
“ช่วงนี้คุณรู้สึกอึดอัดใจหรือวิตกกังวลบ้างไหมคะ?”
โรคแรกที่เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงคือโรควิตกกังวล เวลาที่โรคนี้อาการกำเริบผู้ป่วยบางส่วนจะชอบให้ของคนอื่นเพื่อคลายความกังวล
“อุ๊บ” ผู้ชายคนนั้นหัวเราะออกมา นี่เธอคิดว่าเขาเป็นผู้ป่วยเหรอ น่ารักจริง
“หัวเราะอะไรคะ? แล้วนอนหลับสบายดีไหมคะ?”
“คุณจะเลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอ อีกอย่างผมยังไม่ได้ลงทะเบียนเลยนะ”
“ไม่รู้ว่าแฟนฉันเอาเหล้าไปไว้ไหนแล้ว ฉันเคยรับของคุณมาดังนั้นจะรักษาให้ฟรีหนึ่งครั้ง ช่วยตอบคำถามฉันด้วยค่ะว่าคุณมาที่นี่ต้องการมาหาหมอด้วยโรคอะไร รู้สึกไม่สบายตรงไหนคะ?”
เสี่ยวเชี่ยนพูดพลางมองออกไปข้างนอกเพื่อจะดูว่ามีญาติมาด้วยหรือเปล่า คนทั่วไปเวลามาหาหมอประสาทล้วนมีญาติตามมาด้วย บางคนถึงขนาดที่ถูกคนในบ้านหลอกมาด้วยซ้ำ
“ผมมาคนเดียวครับ ผมไม่มีญาติแล้ว”
“อ่อ แล้วไงต่อคะ?” เสี่ยวเชี่ยนจดบันทึกคำพูดนี้ ซึ่งเธอจำเป็นต้องใช้เวลาวินิจฉัยโรค อันที่จริงเธออยากหลอกถามเพื่อดูว่าผู้ชายคนนี้จะเกี่ยวข้องกับขวดเหล้าพร้อมโน้ตข้อความที่เธอเคยได้เมื่อชาติก่อนหรือเปล่า เหล้าที่เธอได้ในชาตินี้เหมือนกับเมื่อชาติที่แล้ว มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีการวางแผนไว้?
“ตรงนี้ของผมมีเด็กอาศัยอยู่” ผู้ชายคนนั้นเอามือจับตรงตำแหน่งหัวใจแล้วทำหน้าเหมือนเจ็บปวด
“รู้สึกว่าตัวเองไม่โตเหรอคะ?”
“ไม่ใช่ครับ ในนี้เคยมีเด็กน้อยที่น่ารักมาก แต่ผมทำเธอหายไป นับแต่นั้นมาเธอก็อยู่ตรงนี้มาตลอด”
เสี่ยวเชี่ยนฟังแล้วก็อึ้ง “คุณเคย…สูญเสียลูกสาวเหรอคะ?”
“ผมทำเธอหายไป”
น้ำเสียงเศร้าๆของผู้ชายคนนี้ได้ปลุกความเจ็บปวดที่หลับใหลมาหลายปีในใจเสี่ยวเชี่ยน เธอวางปากกาลง รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที ในห้องนี้ไม่มีก๊อกน้ำ เธอล้างมือไม่ได้
เธอเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนี้ เพราะความเจ็บปวดที่มีแค่คนเป็นพ่อแม่ถึงเข้าใจแบบนี้มันส่งผ่านไปถึงเสี่ยวเชี่ยนได้
“คุณโอเคไหมครับ?” ผู้ชายคนนั้นถามด้วยความเป็นห่วงเพราะอยู่ๆก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนมีสีหน้าแย่ลง
“ไม่เป็นไรค่ะ…เดี๋ยวไปล้างมือก็ดีขึ้น ขอโทษด้วยนะคะ คุณเซวียน…ฉันจำได้ว่าคุณชื่อเซวียนใช่ไหมคะ? ฉันคงรักษาให้คุณไม่ได้แล้ว วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร คุณทิ้งช่องทางการติดต่อให้ได้ไหมคะ ฉันจะให้หมอคนอื่นมารักษาคุณแทน”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกแย่มาก นี่เธอยังเดินออกมาไม่ได้อีกเหรอ?
ในช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมาเธอคิดว่าความเจ็บปวดกำลังค่อยๆลดลง ทุกอย่างกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ทำไมพอเจอผู้ชายคนนี้อาการเธอก็เหมือนจะกลับมาอีก?
ตอนนี้เธอตั้งสมาธิไม่ได้เลย
“หมอคนอื่นรักษาผมไม่ได้ มีแค่คุณเท่านั้น เดี๋ยวผมทิ้งเบอร์ไว้ให้ ไว้คุณโอเคเมื่อไรค่อยโทรหาผม ผมจะรอครับ”
“…ไม่มีประโยชน์ บางทีอาจต้องรอไปทั้งชีวิต” เวลานี้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกแย่มากจริงๆ
เมื่อครู่เธอพูดกับผู้อำนวยการว่า สมองของคนเราไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไร แบกรับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ที่แท้ตัวเธอเองก็เป็นเหมือนกัน
ไม่ว่าเธอจะแสร้งทำเป็นปกติแค่ไหน แต่หากมีอะไรมาสะกิด เธอก็ยังคงรู้สึกไม่โอเคเหมือนเดิม
โรคย้ำคิดย้ำทำนี้คงอยู่กับเธอไปทั้งชีวิตแน่แล้ว ชาตินี้เธอคงรับเคสคนไข้ที่เป็นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
“เชื่อผมสิ ไม่นานหรอก” เขาเขียนเบอร์โทรลงบนกระดาษ
เสี่ยวเชี่ยนรับมาเก็บไว้พลางคิดในใจว่า กลับไปให้อาจารย์ช่วยดีกว่า เธอรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก
“ศาสตราจารย์ชี ศาสตราจารย์ชีอยู่ไหนครับ?” มีเสียงดังมาจากด้านนอก ซึ่งทำให้เสี่ยวเชี่ยนกับผู้ชายที่ชื่อเซวียนคนนี้มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน