แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 849 ก็เป็นแค่อดีตเท่านั้น
เจอประธานเชี่ยนครั้งแรก…
ฉิวฉิวเข้าสู่ห้วงความคิด
จะลืมได้ยังไงล่ะ
เขาในตอนนั้นไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว แต่ประธานเชี่ยนช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา
คำพูดแต่ละประโยค สีหน้าท่าทาง ฉิวฉิวจำได้ขึ้นใจ
“ฉันจำได้ เธอเคยพูดว่า อนาคตใช่ว่าจะดีกว่าตอนนี้ แต่คงไม่มีทางแย่ไปกว่านี้ คนที่ไม่กลัวแม้กระทั่งความตาย แล้วยังจะกลัวการมีชีวิตอยู่ทำไม?”
และก็เพราะประโยคนี้ ฉิวฉิวถึงได้เดินต่อไปได้ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคสักแค่ไหน เขาก็ยังยืนหยัดขึ้นมาได้ เขาอยากก้าวเดินต่อไป อยากจะดูว่าชีวิตตัวเองเมื่อไปถึงวันสุดท้ายจะมีสีสันแค่ไหน
ไป๋จิ่นมองฉิวฉิวด้วยดวงตาพร่ามัวเพราะน้ำตา ฉิวฉิวเช็ดน้ำตาให้เธอ
“เลิกร้องเถอะ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรง จิตใจดีไม่คิดร้ายกับใครเป็นพอ ชีวิตคนเราทุกข์ไม่นานหรอก ผมไม่อยากฝืนทำเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบ ต่อให้ไม่มีแฟนไปตลอดชีวิต ก็ต้องใช้ชีวิตตามลำพังให้มีสีสันให้ได้ เพราะว่า…”
ฉิวฉิวเงยหน้ามองเพื่อนๆของเขา
“หากไม่มีอุปสรรคจะรู้ได้ยังไงว่าเราแข็งแกร่งขนาดไหน หากไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเพื่อนเราดีขนาดนี้”
ตอนที่เขาถูกขังจนรู้สึกหงุดหงิดหรือถึงขนาดเคยหมดหวัง พอได้เห็นเพื่อนๆมาอย่างกะทันหันทำให้ฉิวฉิวรู้สึกซึ้งใจมาก เขารู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่แม้จะพรากบางสิ่งจากเขาไป แต่กลับประทานเพื่อนที่ดีขนาดนี้ให้เขา
ไป๋จิ่นมองฉิวฉิวที่ยิ้มอย่างสดใส นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เธอเข้าใจเขาผิด
“ตอนฉันเห็นนายครั้งแรกฉันเกลียดนายมาก…”
“ฮ่าๆ…คนที่ไม่เกลียดผมมีไม่เยอะหรอกนะ คุณไม่ใช่คนแรกหรอก” ฉิวฉิวพูดอย่างอารมณ์ดี
“ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงยังหัวเราะร่าเริงได้…ตอนนี้เข้าใจแล้ว ขอโทษนะ ลูกหนัง ฉันขอโทษ”
ไป๋จิ่นเพิ่งจะเข้าใจว่าเบื้องหลังรอยยิ้มที่แสนสดใสนั้นมีเรื่องราวที่เจ็บปวดมากมาย
นี่ต้องเข้มแข็งแค่ไหนถึงจะสามารถยิ้มอย่างร่าเริงได้ในช่วงที่มีอุปสรรค? เขาเอาแต่ด้านดีๆแสดงให้ทุกคนเห็น แล้วเก็บความเจ็บปวดที่ไม่มีใครรู้ไว้ให้ตัวเอง
“ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่โทษคุณหรอก เรื่องแค่นี้เอง…อ๊ะ”
ไป๋จิ่นกอดฉิวฉิว ฉิวฉิวตกใจจนไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน
“ออกไปนะ ตัวผมสกปรก”
“นายเป็นคนที่จิตใจสะอาดที่สุดบนโลกใบนี้ ฉันอยากจะเป็นเหมือนนาย พยายามใช้ชีวิตต่อไปให้มีสีสัน”
ไม่ต้องถามอะไรอีก ขอแค่เธอมุ่งไปข้างหน้าเป็นพอ เธออยากเป็นเหมือนฉิวฉิว ไม่ว่าจะเจออุปสรรคแค่ไหนก็ต้องก้าวต่อไป เดินไปให้สุดถึงจะไม่เสียทีที่เกิดมา
เพื่อตัวเอง เพื่อคนที่แคร์เรา แค่นั้นพอแล้ว
“คุณพูดซะจนผมเขินไปหมดแล้วนะ ออกไปห่างๆก่อนดีกว่า เนื้อตัวผมสกปรก…ไม่ได้อาบน้ำตั้งหลายวันแล้ว”
“ฉันไม่สน”
“ดูซิเนี่ย ร้องไห้จนหน้ามอมแมมหมดแล้ว เอางี้ไหมเดี๋ยวผมไปล้างหน้าเป็นเพื่อน? ผมจะได้ไปล้างด้วย เหม็นมาก เดี๋ยวขึ้นเครื่องอาจถูกไล่ลงได้ ค่อยไปซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนในร้านปลอดภาษี ประธานเชี่ยนขอยืมเงินหน่อย โอ๊ยเสื้อผ้าในนี้แพงหูฉี่แน่ เดี๋ยวกลับไปผ่อนให้นะ”
ฉิวฉิวรู้สึกว่ายืนกอดตรงนี้ออกจะเขินไปหน่อย อย่างไรเสียกว่าจะขึ้นเครื่องก็อีกตั้งนาน ไม่สู้หาอะไรทำ
เสี่ยวเชี่ยนยื่นเงินสดให้เขาปึกหนึ่ง “พวกเราจะไปหาอะไรกินในร้านอาหารหน่อย พวกนายซื้อเสร็จแล้วก็ตามมานะ”
ไป๋จิ่นกับฉิวฉิวเดินเคียงข้างกันไป ดูแล้วเหมาะสมกันมาก
หลิวเหมยสายตาเปล่งประกายขึ้นมา “พี่สะใภ้ พี่ว่าสองคนนี้จะคบกันไหม?”
“นี่คือเพื่อนของชเรอดิงเงอร์”
“อิหยัง…” หลิวเหมยไม่เข้าใจ
ฟู่กุ้ยใจดีอธิบายให้ “พี่สะใภ้เธอหมายความว่า สองคนนี้จะยังรักษาความเป็นเพื่อนไปก่อน ยามที่มีคนใดคนหนึ่งก้าวล้ำเส้นขึ้นมา ความสัมพันธ์อาจเปลี่ยนเป็นถ้าไม่ถูกปฏิเสธก็คบกันแบบแฟน”
ไม่อธิบายยังไม่เท่าไร พออธิบายหลิวเหมยเลยทำตาตี่ใส่
“ไปเถอะ พี่สะใภ้เลี้ยงข้าวเอง เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว” เสี่ยวเชี่ยนกวักมือแล้วคล้องแขนอวี๋หมิงหลาง ในที่สุดฟ้าหลังฝนก็สดใส
“เดี๋ยวสิ ตกลงหมายความว่าไงอ่า?” หลิวเหมยยังงงอยู่
“ได้เจอกันถือเป็นวาสนา ถ้าได้พัฒนาถึงขั้นสุดท้ายก็คือความสุข ตอนนี้พวกเขามีวาสนาต่อกัน แต่จะได้พบกับความสุขไหมก็ต้องดูที่ตัวพวกเขาเองแล้ว” เสี่ยวเชี่ยนมองผู้คนในสนามบินพลางพูด
“แต่ก็มีการเริ่มต้นที่ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?” ฟู่กุ้ยเสริม
บางทีอาจไม่เป็นแบบนี้ไปตลอด แต่อย่างน้อยสองคนนี้ก็มีจุดเริ่มต้นที่ดี พวกเขาได้รู้จักกันแล้ว
“ฉันนึกถึงประเด็นนึงที่เป็นที่ถกเถียงกันมากในระดับนานาชาติ ความรักต่างเพศก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก โลกนี้มีคนมากมายที่รักได้ทั้งสองเพศ ชอบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง จากสถิติที่ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับ บนโลกนี้มีคู่รักต่างเพศแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เพียงแค่สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพียงแต่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมกับเรื่องศีลธรรมจรรยาทำให้สถานการณ์กลายเป็นอย่างทุกวันนี้”
เสี่ยวเชี่ยนแสดงความคิดเห็น
แต่อวี๋หมิงหลางกลับขัดขึ้นมา
“เมียจ๋า…คุณจะบอกว่า คนบนโลกนี้มีแค่สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่มีความรักต่างเพศ?”
น่ากลัวเกินไปแล้ว
“ไม่ใช่ฉันพูด เป็นผลงานวิจัยของคินซี่ย์[1]แต่สถิติของเขาไม่มีคนยอมรับเท่าไรในวงการของฉัน เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษก่อน”
“ไร้สาระ เป็นเรื่องเพ้อเจ้อแน่ๆ” ลูกผู้ชายเต็มตัวอย่างอวี๋หมิงหลางรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้
“งานวิจัยเรื่องรักร่วมเพศผู้หญิงของคินซี่ย์น่าสนใจมาก ผลวิจัยของเขาทำให้ทั่วโลกตกตะลึง แน่นอนว่าต่อมาเขาก็ถูกต่อว่าเละเทะ หน่วยงานที่สนับสนุนเขาถึงกับหยุดเงินสนับสนุนเลยทีเดียว” ฟู่กุ้ยสนใจเรื่องพวกนี้มาก
“ตกลงเขาวิจัยอะไรเหรอ?” คนที่ถามไม่ใช่หลิวเหมยแต่เป็นอาข่า
เสี่ยวเชี่ยนกับฟู่กุ้ยแสดงแววตาสงสัยกับคำถามของอาข่า “นี่เธอเรียนจิตวิทยาจริงๆเหรอ?”
อาข่าเกาหัว “ก็ฉันเรียนไม่เก่งนี่ ไม่เหมือนกับพวกเธอ นี่ถ้าบอสไม่ใช้ทางลัดให้ฉันคงไม่ได้วุฒิการศึกษาหรอก”
อวี๋หมิงหลางหรี่ตา บอส? บอสลึกลับของอาข่าเกี่ยวข้องด้านจิตวิทยาเหรอ?
“เลิกมองฉันได้แล้ว ครั้งนี้ฉันมาของฉันเอง เรื่องเป็นสปายของฉันล้มเหลวจบไปตั้งแต่มีเรื่องชกต่อยคราวนั้นแล้ว” อาข่ายักไหล่ “เอาเป็นว่ากลับไปก็จะได้เจอบอสแล้ว รายละเอียดพวกนี้ขอไม่พูดแล้วกัน เล่าเรื่องไซ่จินฮัวหน่อยสิ”
“…ไซ่จินฮัวเป็นผู้หญิงโบราณที่สูญเสียเท้า เธอเรียกชื่อนักวิจัยผิดมันจะดีเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนมองเหยียดอาข่าแล้วจึงเริ่มอธิบาย
“ผลการวิจัยของคินซี่ย์ จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของรักร่วมเพศผู้หญิง ในบรรดารักร่วมเพศทั้งหมด รักร่วมเพศผู้หญิงจะให้ความสำคัญกับ ‘ความรัก’ ส่วนรักร่วมเพศผู้ชายมีทั้ง ‘ความใคร่’ กับ ‘ความรัก’ ยังมีสถิติอื่นอีก แต่ฉันขอไม่พูดแล้วกัน ถ้าพูดออกไปผู้ชายแถวนี้กับพวกแม่พระจะโกรธเกรี้ยวได้ เอาเป็นว่าในระดับนานาชาติก็มีการถกเถียงเรื่องงานวิจัยของเขาเหมือนกัน ฉันเล่าให้ฟังพวกเธอก็แค่รับฟังไว้เป็นพอ”
ใครถูกใครผิด ทฤษฎีของใครถูก งานวิจัยของใครปลอมของพวกนี้ถ้าไม่ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ใครจะรู้ล่ะ?
เสี่ยวเชี่ยนรู้อยู่อย่างเดียว อนาคตไม่มีทางแย่ไปกว่าอดีตที่ทุกข์ทรมานที่สุด ขอแค่กัดฟันผ่านมันไปให้ได้ ต่อให้เป็นช่วงที่ลำบากที่สุด เดี๋ยวมันก็กลายเป็นอดีต
[1] ดร.อัลเฟรด คินซี่ย์ นักวิจัยพฤติกรรมทางเพศคนแรกๆของโลก