แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 850 บททดสอบที่ผ่านมา
พอฟังเสี่ยวเชี่ยนอธิบายจบ ลูกผู้ชายแมนทั้งแท่งอย่างอวี๋หมิงหลางก็ถอนหายใจ
“ยังดีที่ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับงานวิจัยของคินซี่ย์ จำนวนผู้ชายผู้หญิงเดิมทีก็ไม่สมดุลอยู่แล้ว ถ้าพวกผู้หญิงคบกันเองแล้วทหารโสดๆในค่ายผมจะทำไง?”
“ฉันเห็นด้วยกับการวิเคราะห์บางอย่างของคินซี่ย์นะ เพราะผู้ชายบางคนเห็นแก่ตัวมาก กำลังวังชาก็ไม่ได้ดี มาไวไปไว ไม่สู้ผู้หญิงด้วยกันที่เต็มไปด้วยความรักความรู้สึก”
พอเสี่ยวเชี่ยนพูดจบ หลิวเหมยที่ถูกประธานเชี่ยนล้างสมองไปแล้วก็หันมองฟู่กุ้ยโดยอัตโนมัติ
ฟู่กุ้ยเห็นหลิวเหมยมองมาก็รีบตอบ
“กำลังวังชาพี่ยังดีนะ ไม่เห็นแก่ตัวด้วย” เขาออกกำลังกายนะ
แย่แล้ว อยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว หลิวเหมยอายเสียจนอยากแทรกแผ่นดินหนี เสี่ยวเชี่ยนหันไปตบบ่าหลิวเหมยด้วยความหวังดี
“กลับไปก็ลองซะนะ นี่ก็ใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ทดสอบของหน่อย แต่งไปจะได้ไม่ผิดหวัง”
“เฉิน เสี่ยว เชี่ยน” ฟู่กุ้ยแทบจะพองขน
“อวี๋หมิงหลาง ควบคุมเมียนายหน่อยไม่ได้หรือไง? ดูซิเนี่ยตามใจจนเป็นแบบนี้แล้ว”
อวี๋หมิงหลางทำหน้าบึ้ง แสร้งหันไปพูดหน้าขรึมกับเสี่ยวเชี่ยน “เสียวเหม่ย ทำแบบนี้ได้ยังไง?”
ฟู่กุ้ยพยักหน้า ใช่ สั่งสอนเสียบ้าง ชักจะเอาใหญ่แล้ว ทำหลิวเหมยอายขนาดนี้
“พี่ฟู่กุ้ยอยากทำตัวเป็นสุภาพบุรุษก็อย่าไปขวางสิ เอาแบบนี้ พวกเรามาสนับสนุนให้พวกเขามีความรักที่บริสุทธิ์ไปตลอดชีวิตเลยดีไหม?”
“พี่” หลิวเหมยทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว เล่นเอาเธอกับพี่ฟู่กุ้ยไปล้อเล่น ประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่ฉิวฉิวหรือไง?
มีแค่อาข่าที่เอาแต่ยิ้มอย่างเดียว เธอทำเสียง จึ๊ๆ คู่เหม่ยเฉียงนี่เข้าขากันดีจริงๆ เป็นคนแบบเดียวกัน
ฉิวฉิวกับไป๋จิ่นเดินเคียงข้างกันไป ถึงจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็รู้สึกว่าบรรยากาศเปลี่ยนไป
“ทำไมนายต้องทำผมทรงนี้ด้วยล่ะ?”
“คุณเขียนบทความเก่งนะ”
ทั้งสองคนอยากหาหัวข้อสนทนาร่วมกัน ปรากฏว่าพออ้าปากพูดกลับไปกันคนละเรื่อง
“ผมคิดว่าทรงนี้มันจัดทรงง่ายดี”
“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้เขียนเก่งเท่าไรหรอก”
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ รู้สึกเหมือนรู้จักกันมานานหลายปี แค่สองประโยคก็ย่นระยะห่างได้มาก
ก่อนหน้านี้เคยคุยกันในเน็ต เลยพอจะรู้จักนิสัยของกันและกัน บวกกับเพิ่งผ่านความลำบากมาด้วยกัน ยิ่งทำให้ทั้งสองคนเริ่มแตกหน่อความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง
“หมีชิว?”
ฉิวฉิวหันไปมองแล้วก็เห็นผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ด้านหลัง เขานึกออกทันที?”
“คุณน้า?”
ผู้หญิงวัยกลางคนๆนี้เป็นแม่ของจิงจิงผู้ป่วยจิตเวชที่ฉิวฉิวเคยช่วยไว้เป็นคนแรก จิงจิงถูกลักพาตัวไปขายพร้อมเสี่ยวเชี่ยน ด้วยความที่สะเทือนใจอย่างนักทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชาย ฉิวฉิวเป็นคนรักษาเธอจนหาย แต่ต่อมาเสี่ยวเชี่ยนหวังดีกับจิงจิงจึงสะกดจิตให้ลืมฉิวฉิวตลอดไป
จะว่าไป จิงจิงก็เป็นผู้หญิงที่ฉิวฉิวเคยหวั่นไหว
ตอนนั้นพ่อแม่จิงจิงพาเธอย้ายไปอยู่เมืองอื่น นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอกันในต่างเมืองแบบนี้
สีหน้าของแม่จิงจิงยามที่เห็นฉิวฉิวไม่ได้แสดงอาการดีใจเลยสักนิด ดูหวาดกลัวมากกว่า
“ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“ผมมาทำธุระหน่อยครับ จิงจิงก็อยู่ด้วยเหรอครับ?” ฉิวฉิวยังจำผู้หญิงคนที่ใส่ชุดกระโปรงเพื่อเขาได้ ตอนนั้นเขาชอบเธอจริงๆ แต่ตอนนี้ความรู้สึกจางหายไปแล้ว
“ใช่ เขาอยู่กับพ่อในร้านปลอดภาษี ช่วงนี้เขาโอเคมาก ใกล้จะแต่งงานแล้ว เธอ…” แม่จิงจิงอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไป
ฉิวฉิวเข้าใจ เขาพยักหน้า
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ จะไม่ให้จิงจิงเห็นผม”
แม่จิงจิงรู้สึกโล่งอก ได้แบบนั้นก็ดี
กว่าลูกสาวจะลืมความทรงจำในตอนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่าให้นึกขึ้นมาได้อีกเป็นอันขาด
“แม่คะ~ ทำอะไรอยู่เหรอคะ?”
เสียงใสๆดังลอยมา ฉิวฉิวยืนตัวแข็ง ไป๋จิ่นรู้สึกได้ว่าเขาดูผิดปกติ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวสวยสดใสเดินเข้ามา การปรากฏตัวของเธอทำให้ผู้หญิงวัยกลางคนที่คุยกับฉิวฉิวดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“จิงจิง มาได้ไงจ๊ะ? ไปกับแม่เร็ว” ท่าทางของแม่จิงจิงทำอย่างกับตรงนี้มีโรคระบาด
จิงจิงที่ผ่านช่วงเวลามืดมนในตอนนั้นมาได้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ช่วงเวลาหลายปีทำให้เธอโตขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส
เธอมองฉิวฉิวกับไป๋จิ่นด้วยความสงสัย “คนรู้จักเหรอคะแม่?”
“แม่ไม่รู้จักพวกเขา เราไปกันเถอะ”
แม่จิงจิงรีบหันตัวพาลูกสาวเดินหนี ฉิวฉิวเองก็หันตัวไปอีกทางอย่างให้ความร่วมมือ สองคนที่เคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันหันหลังใส่กันเดินห่างออกไปแบบนี้ ไป๋จิ่นสังเกตเห็น ถึงฉิวฉิวจะไม่หันกลับไป แต่ตัวเขาดูเกร็งมาก ท่าทางแปลกไป
ผู้หญิงที่ชื่อจิงจิงคนนี้น่าจะเคยครองพื้นที่ในใจของฉิวฉิว ไป๋จิ่นรู้สึกได้
จนกระทั่งสองแม่ลูกเดินออกไปไกลแล้ว ไป๋จิ่นถึงถามขึ้น
“เขาเป็นผู้หญิงที่นายเคยช่วยไว้เหรอ?”
“อืม เริ่มจากเขาคนแรก หลังจากนั้นผมก็ได้ช่วยผู้หญิงที่มีปัญหาหลายคน แต่คนนี้ค่อนข้างพิเศษ”
เห็นสีหน้าท่าทางของจิงจิงในตอนนี้ ฉิวฉิวรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
จิงจิงมีชีวิตที่ดี ดูจากรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าก็รู้สึกได้ว่าเธอก้าวออกมาจากเมฆหมอกได้แล้ว
“นาย…เคยชอบเขาใช่ไหม?” ไป๋จิ่นถามออกไปตรงๆ
ฉิวฉิวพยักหน้าโดยไม่ลังแม้แต่น้อย “ใช่ เขาเป็นผู้หญิงที่ดีมากเลยนะ”
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสักพัก ฉิวฉิวหัวเราะออกมา
“เขามีชีวิตดีก็โอเคแล้ว เดี๋ยวผมจะไปบอกประธานเชี่ยน ประธานเชี่ยนจะต้องมีความสุขแน่”
นี่เป็นหนึ่งในเคสตัวอย่างที่ฉิวฉิวกับประธานเชี่ยนช่วยกันฉุดขึ้นมาจากความตายได้ ตอนนั้นจิงจิงกับประธานเชี่ยนถูกลักพาตัวไปขาย เจอความลำบากสารพัด จิงจิงเกือบเป็นโรคจิตเภท แต่ตอนนี้เธอลืมทุกอย่างไปแล้ว มีชีวิตที่สดใส ฉิวฉิวก็พลอยดีใจไปด้วย
ฉิวฉิวก็แค่อยากแบ่งปันเรื่องในอดีตให้ฟัง แต่กลับรู้สึกว่าคนข้างตัวเงียบผิดปกติ เขาหันไปมองก็พบว่าไป๋จิ่นร้องไห้น้ำตานองหน้าไปแล้ว
“ทำไมร้องไห้อีกแล้วล่ะ ถ้าคุณไม่ชอบให้ผมเล่าเรื่องอดีตงั้นผมไม่พูดแล้ว”
ไป๋จิ่นส่ายหน้า “ไม่ใช่นะ…ฉันก็แค่ ฉันแค่รู้สึกว่าพวกเขาไม่ยุติธรรมกับนายเลย…”
เขาพยายามทุ่มเทให้กับผู้หญิงพวกนั้นตั้งเท่าไร แต่ทำไมกลับต้องกลายเป็นคนแปลกหน้ากันในตอนหลัง?
แม่ของผู้หญิงคนนั้นทำเหมือนฉิวฉิวเป็นโรคระบาด มันไม่ยุติธรรม
“อย่าร้องเลยนะ ไม่เป็นไร ผมโอเคดี”
ฉิวฉิวเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่กลับถูกเธอผลักออก เขาค้างกลางอากาศ แต่ต่อมาไป๋จิ่นก็กอดเอวเขาไว้แล้วเอาหน้าซุกลงไปร้องไห้กับอกเขา
คนอื่นๆพากันมองมา แต่เธอไม่สนใจ
ถึงเส้นทางก่อนหน้านี้จะมีอุปสรรค มีความลำบากสารพัด แต่ในเวลานี้ ฉิวฉิวกอดไป๋จิ่นไว้ เห็นท่าทางเธอร้องไห้ให้กับการถูกเอาเปรียบของเขาแล้ว หิมะที่อยู่ในหัวใจก็ละลายลงทันที เขานึกถึงคำพูดบำบัดจิตใจที่ประธานเชี่ยนเคยพูดกับเขา
ประธานเชี่ยนเคยพูดเอาไว้ว่า สวรรค์ทำให้เขาไม่เหมือนคนอื่น เส้นทางนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่ราบเรียบ ยืนหยัดเดินต่อไปใช่ว่าจะเจอคนที่ได้ครอบครองจิตใจคนนั้น
แต่ถ้าไม่เดิน ก็ไม่มีทางเจอ
ดังนั้นฉิวฉิวถึงได้อดทน ลำบากกว่านี้ เหนื่อยกว่านี้ โดนดูถูกมากกว่านี้ เขาก็อดทนมาได้
ตอนนี้ไป๋จิ่นร้องไห้ระบายอารมณ์อยู่ในอ้อมอกของเขา ทันใดนั้นฉิวฉิวก็รู้สึกว่าคุ้มแล้วที่เขาเฝ้าอดทนมาตลอดทาง
ต่อให้มีคนเป็นพันเป็นหมื่นไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร บททดสอบทุกอย่างย่อมให้อะไรเสมอ
เขารู้สึกว่าเขามีเพื่อนดีๆเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน อนาคตจะพัฒนาเป็นอย่างไรเขาไม่รู้ แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเขาน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีได้