แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 906 นี่มันอะไรกัน?
อวี๋หมิงหลางเล่าเรื่องฟู่กุ้ยให้พ่อเลี่ยวฟังด้วยเสียงเบา
“…หลังเกิดเรื่องเขากลัวจะกระทบการสอบของต้าหลงก็เลยไปพักอยู่กับหลิวเหมยครับ แม่ผมดูให้แล้ว อาการไม่หนัก พักสักเดือนก็หายครับ”
“หนึ่งเดือน?” พ่อเลี่ยวหน้านิ่ว
อวี๋หมิงหลางกำลังจะอธิบาย แต่พ่อเลี่ยวก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาก่อน
“ดี แบบนี้ดี”
นี่มัน…อิหยังวะ?
เสี่ยวเฉียงทำตาตี่ใส่
ได้ยินข่าวลูกชายตัวเองเกิดอุบัติเหตุขาหัก พ่อปกติเขามีท่าทางแบบนี้กันเหรอ?
นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นพ่อลูกแท้ๆกัน เสี่ยวเฉียงคงคิดว่านี่คงเป็นพ่อตัวปลอม
“อาเลี่ยวครับ—”
“ไม่เป็นไรๆ ปกติหยุนฉางงานยุ่งเหลือเกิน ทำงานล่วงเวลาก็บ่อยจนไม่มีเวลาส่วนตัว ตอนนี้แน่ใจเรื่องความสัมพันธ์กับหลิวเหมยแล้ว ให้เขาได้หยุดบ้างก็ดีเหมือนกัน บางครั้งอาเห็นเขาทำงานตัวเป็นเกลียวก็อยากให้เขาได้พักผ่อนบ้าง”
ครั้งนี้ดีเลย ได้พักตั้งหนึ่งเดือน
อีกอย่างฟังจากที่หมิงหลางเล่า หลิวเหมยคอยดูแลอยู่ไม่ห่างด้วย ก่อนแต่งงานได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ พ่อเลี่ยวรู้สึกพอใจมาก
ความคิดแบบนี้…อวี๋หมิงหลางพูดในใจ หรือเรียนกฎหมายมากเกินไป สมองก็เลยคิดไม่เหมือนคนอื่น?
ไม่น่าใช่ ปริญญาโทเขาก็จบด้านกฎหมาย ก็ไม่เห็นว่าสมองของเขาจะไม่เหมือนคนอื่นตรงไหน
ถ้าเสี่ยวเชี่ยนรู้ความคิดของเขาในตอนนี้จะต้องเขียนคำว่า เหอๆ ใส่เขาตัวโตๆแน่
ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยน สมองของเสี่ยวเฉียงเป็นอะไรที่พิลึกมาก ถ้าจะบอกว่าเสี่ยวเฉียงพิลึกอันดับหนึ่ง ต้าหลงก็คงเป็นที่สอง
แต่ต้าหลงก็ยังตามเสี่ยวเฉียงไม่ทันอยู่ดี ถึงเสี่ยวเฉียงจะเป็นคนที่มีอีคิวเป็นที่น่าประทับใจมากในบางครั้ง แต่อย่างน้อยๆสมองก็ฉลาดเกินใคร แถมคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เป็นอันดับหนึ่งของมณฑล
ส่วนเฉินจื่อหลงน่ะเหรอ…
เวลานี้เฉินจื่อหลงเดินด้วยใจหวาดหวั่นตามพี่สาวตัวเองที่เดินประหนึ่งนางพญาเข้าไปในห้องของเขา อารมณ์เหมือนถูกเข้าตรวจค้นห้อง เขากลัวเสียจนไม่กล้าหายใจเสียงดัง
เสี่ยวเชี่ยนเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ นิ้วมือวาดลงไปบนโต๊ะเบาๆ มองดูบนโต๊ะแล้วแสยะยิ้ม
“นายก็ดูเหมือนคนเตรียมตัวสอบดีนะ ฝุ่นบนโต๊ะนี่ถ้าเอาน้ำลงหน่อยก็นวดเป็นแป้งทำหมั่นโถวได้แล้ว!”
“อาจารย์บอกว่าก่อนสอบต้องทำจิตใจให้สบาย ก่อนสอบสามวันห้ามอ่านหนังสือ พักผ่อนให้เป็นเวลา” ต้าหลงเห็นเสี่ยวเชี่ยนแล้วรู้สึกเหมือนกำลังเจออาจารย์ที่ปรึกษา
ไม่สิ น่ากลัวยิ่งกว่าอาจารย์ที่ปรึกษาอีก
เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาไม่มีทางลงไม้ลงมือกับเขา
ช่วงหลายปีมานี้ต้าหลงสูงขึ้นเยอะ หุ่นเหมือนเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเสี่ยวเชี่ยนที่ตัวเตี้ยกว่าเขามาก กลับกลายเป็นว่านอนสอนง่ายเหมือนเด็กประถม แค่เสี่ยวเชี่ยนถลึงตาใส่ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร นี่เป็นความเคยชินที่บ่มเพาะมาหลายปี
“คิดว่าฉันโง่เหรอ? ฝุ่นที่อยู่บนโต๊ะนายเพิ่งมีแค่สามวันหรือไง? ปิดครึ่งเดือนเพื่อให้เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย นายก็เอาแต่กินๆนอนๆอยู่ในบ้าน หนังสือไม่อ่าน ถ้าตอนนี้ฉันถามพวกสูตรคำนวณคิดว่าตัวเองจำได้ไหม?”
“พี่! ผมผิดไปแล้ว!” ต้าหลงกลัวเสี่ยวเชี่ยนพูดเรื่องพวกนี้ที่สุด พอพูดขึ้นมาเขาก็ปวดหัว
ยุคสมัยนี้ช่วงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะมีการหยุดเรียน บางที่ก็สิบกว่าวัน บางที่ก็นานกว่านั้น แตกต่างจากอีกยุคสมัยหลังจากนี้ที่ให้หยุดแค่สองสามวัน ระหว่างที่หยุดนี้ก็เพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนและสรุปเนื้อหาด้วยตัวเอง เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าน้องชายตัวเองไม่เอาไหนแน่นอน มัวแต่สรุปเรื่องกินล่ะไม่ว่า
เสี่ยวเชี่ยนนั่งลงบนเตียงของต้าหลง มือก็ลูบคลำไปเรื่อยแล้วก็เจอหนังสือการ์ตูนเรื่องสแลมดังก์อยู่ในผ้าห่ม หน้าปกดูคุ้นตา
เสี่ยวเชี่ยนเพ่งมอง “กล้าขโมยการ์ตูนมาจากบ้านฉันเลยเหรอ?!”
นี่มันหนังสือที่อยู่ในบ้านสองชั้นของอวี๋หมิงหลางในเมืองQเหรอ? เวอร์ชั่นนี้เธอฝากคนซื้อกลับมา ไม่เหมือนกับที่ข้างนอกขายกัน!
“ไม่ได้ขโมยนะ! พี่เขยให้ผมยืมต่างหาก! พี่เขยบอกว่าผมจะไปเอามาอ่านเมื่อไรก็ได้ เอากลับมาก็ได้ แค่อย่าทำหน้าปกยับเป็นพอ”
ต้าหลงรู้สึกว่าตัวเองมีพี่เขยที่ประเสริฐมาก เลี่ยวฟู่กุ้ยพี่ชายที่แสนดี และพี่สาวร้ายกาจอันดับหนึ่ง…
“โอเค ข้อตกลงลับๆของพวกนายฉันจะลงบัญชีไว้ รอสอบเสร็จก่อนเถอะพวกนายสองคนเจอคิดบัญชีแน่!”
ต้าหลงเบ้ปาก ดูสิ ผู้หญิงร้ายกาจก็ร้ายกาจอยู่วันยังค่ำ แค่อ้าปากก็เหมือนพ่นไฟได้
“ว่ามา จะเอายังไงกับอนาคต?”
“ก็ตั้งใจสอบนั่นแหละ”
“เลือกมหาวิทยาลัยไว้แล้วหรือยัง? จะเรียนด้านไหน ตัดสินใจหรือยัง?”
อันที่จริงก่อนสอบไม่ควรพูดเรื่องพวกนี้กับต้าหลง ไม่อย่างนั้นจะยิ่งเพิ่มความกดดัน
แต่เสี่ยวเชี่ยนรู้จักน้องชายที่ไม่เอาไหนของตัวเองดี วันๆคิดแต่เรื่องกินเรื่องเล่น ไม่สนเรื่องเรียน คนรอบตัวร้อนใจจนจะเป็นบ้า แต่เขากลับกินนอนอย่างมีความสุข
หลังจากที่เลี่ยวฟู่กุ้ยรู้เรื่องคะแนนจำลองการสอบของต้าหลงก็ถึงกับเครียดจนเป็นร้อนใน ต้าหลงเด็กไม่เอาไหน ได้ยินว่าวันนั้นยังนั่งกินน่องไก่สองชิ้นใหญ่ได้หน้าตาเฉย ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนถึงได้ไม่แคร์ที่จะพูดเรื่องนี้กับน้องชาย เอามีดแทงเข้าไปตรงๆ
“ผมก็กำลังอยากปรึกษากับพี่อยู่เลย พี่ ผมหาทางออกไว้ให้ตัวเองสามทาง”
“หืม?” ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก? น้องชายจอมโง่ที่สมองมีแต่น้ำหาทางออกให้ตัวเองได้ถึงสามทางเลย?
แน่ใจว่าเป็นทางออก ไม่ใช่ทางตัน…
“ทางแรก ผมเข้าเรียนปริญญาตรีได้ตามรอบการรับปกติ ไม่ว่าจะมหาลัยไหนผมก็จะไป! แต่ผมก็คิดแล้วนะว่า ความเป็นไปได้มันน้อยมาก เว้นเสียแต่อาจารย์ที่ตรวจข้อสอบจะเกิดข้อผิดพลาด”
“เหอๆ” เสี่ยวเชี่ยนแสยะยิ้ม
ร่ำเรียนมาตั้งหลายปี คิดได้แค่นี้ อยากจะแบ่งความฉลาดให้ส่วนนึงจริงๆ
“อย่าเหอๆดิพี่ นี่ไงผมเลยคิดทางออกที่สอง ถ้าผมเข้าเรียนปริญญาตรีไม่ได้ แม่ก็ดูพวกสายอาชีวะที่คะแนนต่ำๆไว้ให้ผมแล้ว แต่ผมรู้สึกว่าบรรยากาศการเรียนที่นั่นไม่โอเค มีแต่พวกเด็กเกเรมานั่งเรียนไปวันๆ ไม่ค่อยเหมาะกับผม แต่สถาบันที่ดีๆหน่อยคะแนนผมก็ไม่ถึงอะ”
“ไอ๊หยา คำพูดวิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้งออกมาจากปากนายได้แบบนี้ ฉันในฐานะที่เป็นพี่สาวเริ่มหวั่นใจหน่อยๆแล้วนะเนี่ย” เสี่ยวเชี่ยนพอได้ฟังน้องชายตัวเองวิเคราะห์ออกมาเป็นตุเป็นตะแบบนี้ก็กำลังคิดว่าเกิดความผิดปกติตรงไหน ทำไมอยู่ๆสมองก็พัฒนาขึ้นไวแบบนี้?
จากนั้นก็ได้ยินเฉินจื่อหลงพูดต่อ “สุดท้ายทางออกที่สาม เป็นทางออกที่ถูกใจผมที่สุด พี่ ผมอยากไปทำงานกับพี่ใหญ่อวี๋หมิงลี่อะ”
“อะไร…นะ?”
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวเองได้ยินผิด
“ผมอยากไปทำงานกับพี่ใหญ่อวี๋หมิงลี่!”
“ตอนนี้บริษัทของพี่ใหญ่ต้องสอบเข้าทั้งนั้น แค่ประวัติการศึกษานายก็ไม่ผ่านแล้ว”
บริษัทของพี่ใหญ่ค่อนข้างใหญ่โต การรับคนเข้าทำงานดูที่ประวัติการศึกษากับประสบการณ์การทำงาน เพราะให้ค่าตอบแทนดี จึงต้องตั้งเงื่อนไขสูงเป็นธรรมดา
“ผมไม่ผ่าน แต่พี่เขยช่วยได้แน่! พี่ ให้พี่เขยไปคุยให้หน่อยนะ แค่เอ่ยปากคุยให้ง่ายๆแค่นี้เอง เอาผมเข้าทำงานผมก็จะได้มีเงินเดือนแถมยังมั่นคงด้วย ประหยัดค่าเทอมให้บ้านเราด้วยนะ พี่ ผมทรมานกับการเรียนมาพอแล้ว มันไม่ใช่ทาง ยังไงบ้านพี่เขยก็ออกจะมีอำนาจใหญ่โต ให้เขาไปพูดให้หน่อยรับรองได้ชัวร์”
สีหน้าของเสี่ยวเชี่ยนจากที่ผ่อนคลายก็กลายเป็นเย็นชา พอได้ยินต้าหลงพูดว่า ‘มีอำนาจ’ เธอก็เม้มริมฝีปากแน่น สายตาดูเอาเรื่อง
“ใครพูดเรื่องพวกนี้กับนาย?”
“พี่จู้จื่อพูดตอนที่เขามาหา เขาบอกว่าสมัยนี้เป็นเรื่องของเส้นสาย บ้านเรามีเส้นสายทำไมต้องไปลำบากด้วย?”
เฉินจื่อหลงไม่มีไหวพริบเท่าอวี๋หมิงหลาง ย่อมดูไม่ออกว่าพี่สาวตัวเองกำลังจะระเบิดอารมณ์แล้ว
เสี่ยวเชี่ยนยิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งแย่ลง พอฟังประโยคสุดท้ายเธอก็โมโหสุดขีด เพียงแต่ยังคุมน้ำเสียงได้อยู่
“นายคิดว่าเรื่องใช้เส้นสายที่เขาพูดมันน่าภูมิใจนักเหรอ?”
ถ้าไอ้น้องไม่รักดีคนนี้ตอบว่าใช่ เสี่ยวเชี่ยนจะอาละวาดทันที จะตีให้ตายเลย