แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 920 เสี่ยวเฉียงที่กลายเป็นหลวงจีน?
“คนอื่นๆ…ฉันนึกออกแล้ว หลายวันก่อนลุงรองแกจะมายืมเงินฉันด้วย บอกว่าอยากติดแอร์ ยายแกสลับกันอยู่บ้านเรากับบ้านเขา เขาบอกว่าบ้านเขาร้อนเกินไปกลัวยายเป็นอะไร” เจี่ยซิ่วฟางนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้
“ติดแอร์เครื่องเดียวยังจะต้องมาขอเงินเรา ถ้าพวกเขาเอาเรื่องยายมาอ้างอีกแม่ก็บอกไปว่าให้เอาเงินเกษียณของยายไปซื้อ รับรองเลิกขอเราแน่ ส่วนเรื่องจู้จื่อ…” เสี่ยวเชี่ยนหยุดพูดไป เหมือนกำลังคิดอยู่
“อย่าให้เงินเลยดีกว่า ให้ปลาเขากินไม่สู้สอนเขาจับปลา”
“อะไรปลาๆนะ?” เจี่ยซิ่วฟางรู้จักแต่ปลาราดพริก
“หนูหมายความว่า จากสถานการณ์ของบ้านเรา แม่ให้เงินเขายืมรับรองไม่ได้คืนหรอก แถมยังอาจจะมีเรื่องยุ่งยากตามมา ไว้เดี๋ยวหนูหางานให้พี่สะใภ้ทำ เงินเดือนดีหน่อย สถานะในบ้านของพี่เขาจะได้ดีขึ้นมาบ้าง เรื่องรักษาลูกถ้าทั้งสองคนร่วมแรงร่วมใจ เก็บเงินไม่นานก็พาลูกไปผ่าตัดได้แล้ว”
นี่เป็นวิธีที่เป็นประโยชน์ทุกด้าน ทำให้ฝ่ายนั้นจดจำบุญคุณของบ้านเสี่ยวเชี่ยนได้ แถมยังเป็นการห้ามไม่ให้จู้จื่อมายุ่งได้ด้วย
“จะเหนื่อยขนาดนั้นทำไม ให้เงินไปก็จบแล้ว”
“พอมีเงินแล้วทำใจป้ำเหรอแม่? จะบอกให้นะ นิสัยคนน่ะ อะไรที่ได้มาง่ายๆก็จะไม่เห็นค่าหรอก แม่ให้เขาฟรีๆ จู้จื่อไม่เพียงแต่จะไม่สำนึกบุญคุณ ต่อไปถ้าเขาเดือดร้อนแล้วแม่ไม่ช่วย แม่ก็จะกลายเป็นศัตรูของเขา แต่ถ้าแม่ให้งานพี่สะใภ้ทำ เขาก็จะคิดถึงแม่บ่อยๆ”
คนที่ได้ประโยชน์จากการทำแบบนี้มากที่สุดก็คือเด็กน้อยหกนิ้วที่เสี่ยวเชี่ยนยังไม่เคยเจอหน้า
“มันก็มีเหตุผลนะ แต่แกหางานให้เขาได้เหรอ?”
“โรงงานผลิตยาของบ้านสืออวี้น่าจะมีหน้าร้านอยู่ที่นั่น ให้พี่สะใภ้ไปทำงานก็น่าจะได้ ถึงจะเหนื่อยหน่อยแต่รายได้ไม่น้อย ถึงตอนนั้นจู้จื่อจะไม่ช่วยเลี้ยงลูกคงไม่ได้” ผู้ชายบ้านนอกถึงจะมีความคิดหัวรั้นแบบผู้ชายโบราณ แต่ข้อดีคือถ้ามีเงินมากพอก็เท่ากับกุมชีวิตพวกเขาได้ รับรองอีกหน่อยว่านอนสอนง่ายแน่
“จู้จื่อนี่ก็น่าโมโหนะ ถ้าพี่สะใภ้แกไม่พูด ฉันมองไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ดูแลลูก เขาเป็นหลานฉัน ฉันเลยว่าอะไรไม่ได้ แต่ว่านะเชี่ยนเอ๋อ วิธีจัดการของแกในครั้งนี้เหนือความคาดหมายของแม่อยู่นะ”
“หืม? ตรงไหน?”
“ฉันฟังรายการแกตั้งหลายครั้ง เอะอะแกก็บอกให้หย่า ฉันยังกลัวว่าแกจะบอกให้คู่นี้หย่าด้วยซ้ำ”
“เอ่อ…แม่ ต่อไปฟังรายการหนูให้น้อยๆหน่อยดีกว่า นอนดึกมันไม่ดีนะ” แอบเขินเล็กน้อยที่แม่ฟังรายการของตัวเอง
“ไม่เป็นไร อาเลี่ยวของแกอัดไว้ให้ฉันฟัง ฉันไม่ได้ฟังคนเดียวด้วยนะ เอาไปแบ่งเพื่อนๆฟังด้วย ลูกสาวฉันเก่งฉันดีใจ”
“ก็ได้…คิดเสียว่าหนูไม่ได้พูด…”
ยังแบ่งให้คนอื่นฟังด้วยคุณพระ!!!
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันที
“แม่ มีบางอย่างที่หนูอยากบอกแม่ไว้ก่อนนะ งานของหนูอาจดูเหมือนไม่เปลืองสมองเท่าไร แต่จริงๆแล้วการจัดการเรื่องๆหนึ่งใช้เซลล์สมองไปกว่าครึ่ง อย่างเช่นรักษาให้แฟนพี่จู้จื่อ หนูกลับไปต้องนอนพักถึงครึ่งเดือน หนูกับหมิงหลางช่วงนี้วางแผนจะมีลูก หนูไม่ได้อะไรหรอกนะที่แม่จะแนะนำคนมาให้หนูรักษาฟรี แต่ถ้ามันทำให้มีลูกล่าช้า—”
“หา! แกคิดจะมีลูกแล้วเหรอ? ไอ๊หยา ขอบคุณฟ้าขอบคุณแผ่นดินที่ทำให้แกคิดได้เสียที แกวางใจได้! ต่อไปฉันจะบอกปัดให้หมด ไม่ให้ใครมารบกวนแก ลูกแม่ แล้วมันจะไม่กระทบเรื่องเรียนเหรอ? ไม่งั้นก็ไม่ต้องเรียนปริญญาเอกหรอก มีแต่คนบอกว่าดอกเตอร์ผู้หญิงไม่ปกติกันทั้งนั้น…”
สำหรับเจี่ยซิ่วฟาง การที่ลูกสาวตัวเองเรียนถึงปริญญาโทได้เธอก็ดีใจมากแล้ว ในสายตาของเธอการเรียนดอกเตอร์กับเรียนปริญญาโทก็แตกต่างกันแค่เรียนเนื้อหามากขึ้นไม่ใช่เหรอ?
“อะไรที่ไร้สาระแม่ดูให้มันน้อยๆหน่อย มีดอกเตอร์กี่คนที่แม่เห็นว่าไม่ปกติ? ฟู่กุ้ยผิดปกติเหรอ? งั้นหลิวเหมยก็ผิดปกติด้วยสิที่มาคบกับเขา?”
“ฉันหมายถึงดอกเตอร์ผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย! ช่วงนี้ฉันได้ยินเรื่องตลกมาด้วย เขาบอกกันว่า ผู้หญิงเรียนปริญญาตรีคืออึ้งย้ง[1]ผู้หญิงเรียนปริญญาโทคือจ้าวหมิ่น[2]ผู้หญิงเรียนปริญญาเอกคือมิกจ้อซือไท่[3]ยิ่งถ้าเรียนวิจัยหลังปริญญาเอกนะก็เป็นตงฟางปู๋ป้าย[4]!”
เสี่ยวเชี่ยนสูดหายใจเข้าเต็มปอด แอบคิดในใจว่า นี่แม่ฉัน นี่แม่ฉัน อย่าไปเถียง…
“แม่ คนอื่นพูดจาให้ร้ายผู้หญิงเรียนสูงแม่ก็บ้าตามเขาด้วยเหรอ? ถ้าหนูเป็นมิกจ้อซือไท่แล้วเสี่ยวเฉียงเป็นอะไร?”
“หลวงจีนวัดเส้าหลิน?” ช่วงนี้เจี่ยซิ่วฟางเปลี่ยนจากดูละครน้ำเน่าไปดูละครจอมยุทธ์ เล่าได้เป็นฉากๆ
นี่ฉัน นี่แม่ อย่าไปโกรธแม่…
เสี่ยวเชี่ยนพูดจาให้กำลังใจตัวเอง เจี่ยซิ่วฟางเองเริ่มรู้สึกกล่าวหาลูกเขยที่แสนดีแบบนี้ดูไม่เหมาะ จึงถุยทิ้ง
“นี่ฉันถูกแกพาอ้อมโลกอีกแล้ว! เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้วนะ?”
“ทำไมไม่ให้พี่สะใภ้หย่า ไม่ใช่เพราะพี่จู้จื่อเป็นหลานชายแม่หรอกนะ แต่เป็นเพราะหนูนึกถึงคำพูดนึงที่พูดถูก โลกนี้ไม่ได้มีพ่อพระแม่พระมากมาย เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน พี่สะใภ้เป็นผู้หญิงธรรมดา จู้จื่อก็เป็นผู้ชายธรรมดา ถ้าจะให้พี่สะใภ้หย่าก็ต้องให้เขาแกร่งพอที่จะอยู่ด้วยตัวเองได้ ไหนจะเรื่องลูกอีก”
ความจริงก็คือ พี่สะใภ้ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่การเงินไม่มั่นคง เว้นเสียแต่จะสวยเหมือนดารา ไม่อย่างนั้นต่อให้ไปแต่งงานใหม่คิดว่าจะหาผู้ชายที่ฐานะดีกว่าจู้จื่อได้เหรอ?
ความคิดหัวโบราณของจู้จื่อบางอย่างน่ากลัวก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมดทางเยียวยา เขาอยากเดินทางลัด แต่ก็ไม่ได้ทำตัวไม่ดีข้างนอก เขาไม่อยากหมดเงินไปกับการรักษาลูกพิการ แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายหรือเกลียดลูกตัวเอง
รอจนพี่สะใภ้หาเงินได้มาก ไม่เพียงแต่จะยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง ยังยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย ถึงตอนนั้นจู้จื่อยังจะเป็นแบบนี้อยู่อีกเหรอ?
คนเราเปลี่ยนไปทุกวัน เธอเปลี่ยน เขาก็เปลี่ยน ผู้ชายที่มองเห็นแต่ผลประโยชน์ถึงจะเห็นแล้วขัดหูขัดตา แต่คนแบบนี้ก็มีข้อดี ขอแค่พี่สะใภ้หาเงินได้มากกว่าเขา กุมอำนาจเรื่องเงินเอาไว้ ต่อไปจู้จื่อก็จะไม่กล้ามีปากมีเสียง ไม่กล้ารังแกพี่สะใภ้ และก็ไม่กล้าไม่ชอบลูกตัวเอง ที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าพี่สะใภ้ยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง จู้จื่อก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระในครอบครัวส่วนหนึ่ง ทำให้ไม่มีเวลามายุ่งกับเจี่ยซิ่วฟาง ถือว่าเสี่ยวเชี่ยนได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับทุกฝ่าย
อันที่จริงก็มีวิธีที่สุดโต่งเหมือนกันที่จะให้จู้จื่อไม่มาสร้างความรำคาญให้เจี่ยซิ่วฟางไปตลอดชีวิต แต่ถ้าทำแบบนั้นต่อไปเด็กหกนิ้วก็จะน่าสงสารยิ่งกว่าเดิม เสี่ยวเชี่ยนวางแผนจะมีลูก ช่วงนี้จึงอยากทำบุญกับเด็กให้มากๆ
“แกโตแล้วจริงๆ ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยจริงๆ”
เจี่ยซิ่วฟางรู้สึกพอใจ ลูกสาวเธอเปลี่ยนไปมาก โตขึ้นเยอะ เธอยังจำได้ที่ตอนนั้นลูกสาวเธอเกือบต้องแต่งกับหนีเจี้ยนเหริน เลือกคู่ครองต้องดูให้ดีๆอย่างที่เขาว่ากัน
“ไม่เกี่ยวกับแต่งงานหรอก ปัญหาที่แม่ฟังในรายการแล้วหนูบอกให้หย่าล้วนเป็นปัญหาที่รุนแรงเกินเยียวยา อย่างของพี่สะใภ้เป็นแค่ความขัดแย้งเล็กๆน้อยๆ ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้”
[1] นางเอกเรื่องมังกรหยก
[2] ตัวละครเรื่องดาบมังกรหยก
[3] เจ้าสำนักง้อไบ๊ในเรื่องดาบมังกรหยก
[4] ตัวละครในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร