แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 930 ยืมเงินประธานเชี่ยนสิ
ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเจ็บต้าอีก็รับไม่ได้ทั้งนั้น
“ไม่มีอะไรให้ไม่น่าวางใจ เธอไม่เชื่อใจฝีมือฉันเหรอ?”
“ฉันอยากอยู่ด้วย”
“กลับไปเถอะ อย่าทำให้พี่รองเป็นห่วง ถ้าทางนี้เกิดอะไรขึ้นฉันจะบอกเธอแน่นอน”
“แต่ว่า—”
“ต้าอี คำพูดของจอมเผด็จการอย่างฉันเธอไม่เชื่อแล้วเหรอ?
พอได้ฟังเสี่ยวเชี่ยนใช้คำว่าจอมเผด็จการ ในใจต้าอีก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไร
ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะไม่ใช่คนที่อายุเยอะที่สุดในบรรดาพวกเธอ แต่ก็เป็นคนที่ดูแลทุกคนมากกว่าใคร เสียสละมากกว่าคนอื่นแต่แลกได้แค่คำว่าจอมเผด็จการกลับมา ประธานเชี่ยนก็คงเสียใจมากเหมือนกัน ต้าอีฟังแล้วยังเสียใจ แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับดูนิ่งใจเย็น
“เธอพูดอะไรฉันเชื่อเสมอ เพียงแต่ว่าประธานเชี่ยน สืออวี้ไม่ใช่คนไม่ดี เขาก็แค่มีนิสัยแบบเด็กๆ เธอยอมๆให้เขาหน่อยได้ไหม?”
“ถ้าฉันไม่ยอมให้เขา เธอคิดว่าเขาจะได้นอนสบายๆอยู่ที่นี่เหรอ? ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันหงุดหงิดใจก็กลับบ้านไปพร้อมกับพี่รองเสีย ตอนนี้แม่คงร้อนใจแย่แล้ว”
เห็นต้าอีทำเหมือนยังไม่อยากไป เสี่ยวเชี่ยนจึงเอามือวางบนท้องที่ยังเรียบของต้าอี “เอาน่า อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีก็เท่ากับได้ช่วยฉันมากแล้ว กลับไปก็อย่าไปเล่าให้พี่รองฟังนะ!”
ถ้าให้พี่รองคนหน้าตายรู้ว่าต้าอีเครียดจนเป็นลมที่นี่ล่ะก็ ตานั่นต้องไปลงกับเสี่ยวเฉียงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแน่นอน!
สืออวี้รู้สึกเหมือนตัวเองนอนไปนานมาก ทั้งที่จริงๆแล้วเธอแค่นอนลงคิดเรื่องคำพูดสะเทือนใจเมื่อครู่แล้วก็ตื่นขึ้นมาเลย เธอเปิดประตูออกไปอยากขอโทษประธานเชี่ยน แต่กลับเห็นประธานเชี่ยนกำลังยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางลูบท้องต้าอี ในสมองก็ปรากฏคำพูด ‘สองคนนี้เป็นครอบครัวเดียวกัน เธอเป็นคนนอก’ คล้ายกับว่ามันชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง
ความรู้สึกที่เพิ่งสงบไปก็กลับมาอีกครั้ง เสียงที่อยู่ก้นบึ้งหัวใจกำลังสั่งเธอ ไปสิ ขอยืมเงินเสี่ยวเชี่ยน ยืมดูก็จะได้รู้นิสัย แล้วเธอก็จะสิ้นหวังกับเพื่อนรักคนนี้!
สืออวี้พยายามฝืนความรู้สึกที่ไม่ใช่ตัวเธอนี้ถอยกลับเข้าห้องไป เธอปิดประตูเดินถอยหลังทีละก้าว พิงกำแพงนั่งลงบนพื้นอย่างหมดแรง สองมือกอดเข่าตัวเองแน่น
นี่เธอกำลังจะเป็นบ้าเหรอ ทำไมควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้…
หลังจากเสี่ยวเชี่ยนส่งต้าอีกลับแล้วเธอก็จะมาดูสืออวี้ สืออวี้พอได้ยินเสียงฝีเท้าก็รีบพุ่งไปที่เตียงแสร้งทำเป็นหลับ
เสี่ยวเชี่ยนเห็นเพื่อนหลับอยู่จึงออกไป หยิบคอมพิวเตอร์ไปนั่งริมหน้าต่างทำงานที่อาจารย์มอบหมาย แต่สมองกลับคิดถึงแต่เรื่องของสืออวี้ เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้กันแน่ เรื่องอะไรกันที่ทำให้สืออวี้สะเทือนใจจนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เธออยากให้พี่ใหญ่สืบให้ได้เร็วๆ ถ้าหาสาเหตุไม่ได้แล้วสืออวี้ยังไม่ยอมพูด แบบนั้นจะรักษายังไงก็ไม่เป็นผล
เสี่ยวเชี่ยนไม่เห็นว่า หลังจากที่เธอปิดประตู สืออวี้ก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด
วันนี้อวี๋หมิงหลางกลับมาเร็ว เขาได้ข้อความจากเสี่ยวเชี่ยนระหว่างทาง จึงรู้ว่าสืออวี้มาอยู่ที่นี่
เสี่ยวเชี่ยนเอาแต่นั่งเหม่อ อวี๋หมิงหลางมายืนอยู่ข้างๆเธอก็ยังไม่รู้ตัว เสี่ยวเฉียงต้องสะกิดเธอถึงจะได้สติ
“กลับมาแล้วเหรอ ทำไมกลับไวล่ะ?”
“สืออวี้มาที่นี่ผมเลยจะพาพวกคุณออกไปกินข้าว ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี เขียนอะไรอยู่เหรอดูตั้งใจมากจนไม่เห็นว่าผมเข้าบ้านมาแล้ว?” เสี่ยวเฉียงยังไม่รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนกับสืออวี้ทะเลาะกัน เขาเลยคิดว่าเพราะเสี่ยวเชี่ยนตั้งใจทำงานอยู่
เสี่ยวเชี่ยนมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอเปิดคอมพิวเตอร์ไว้ตั้งนานอันที่จริงยังไม่ได้เขียนอะไรเลย มัวแต่คิดเรื่องสืออวี้
“อาจารย์ให้งานมาน่ะ เป็นรายงานเกี่ยวกับการสะกดจิต เห็นบอกว่าจะเอาไปลงวารสารชื่อดังในเมืองนอก อาจารย์ฉันยังมีสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ เขาไม่ยอมทนเห็นสาขาจิตวิทยาบ้านเราด้อยกว่าเมืองนอก”
“สะกดจิต? มันไม่ใช่สิ่งที่คุณทำสำเร็จบ่อยๆเหรอ? ก็แค่พูดจาหลอกล่อจากนั้นคนไข้ก็เป็นไปตามที่คุณสั่ง” อวี๋หมิงหลางรู้ว่าเมียตัวเองสะกดจิตเก่ง เธอใช้วิธีนี้กับคนไข้มาแล้วหลายคน
“การสะกดจิตไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่นายคิด วิธีที่ฉันใช้มันก็แค่ขั้นพื้นฐานง่ายๆ คนที่เก่งจริงๆเก่งกว่าฉันเยอะ…ช่างเถอะ เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า ฉันไปดูสืออวี้ก่อนว่าตื่นหรือยัง จะได้ไปหาที่กินข้าวกัน”
ทั้งสามคนออกไปกินข้าว เสี่ยวเชี่ยนเลือกร้านที่สืออวี้ชอบกินที่สุด กับข้าวก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนพ่อครัว แต่พอกินแล้วกลับไม่ใช่ความรู้สึกเดิม
เสี่ยวเชี่ยนไม่ต้องพูดอะไรอวี๋หมิงหลางก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศระหว่างเพื่อนรักสองคนนี้เปลี่ยนไป
เมื่อก่อนเวลาเสี่ยวเชี่ยนกินข้าวกับสืออวี้สองคนนี้พูดคุยกันไม่หยุด ถึงส่วนใหญ่จะเป็นเสี่ยวเชี่ยนนั่งฟังเงียบๆ แต่ใบหน้ากลับมีแต่รอยยิ้มที่ผ่อนคลาย
สืออวี้ในเวลานี้นิ่งเงียบ เสี่ยวเชี่ยนเองก็ดูเครียดผิดปกติ สองคนนี้ไม่ยอมพูดยอมจา
เสี่ยวเฉียงได้ลองพูดเรื่องไม่เครียดเพื่อสร้างบรรยากาศ แต่ไม่มีประโยชน์
เขามองเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้าให้เขา อวี๋หมิงหลางจึงหุบปาก
ระหว่างกินโทรศัพท์มือถือของเสี่ยวเชี่ยนดังขึ้น สุ่ยเซียนโทรมา
“เชี่ยนเอ๋อ ซื้อหุ้นฟิวเจอร์ไหม?”
“เธอซื้อแล้วเหรอ?”
“ซื้อไปนิดหน่อย ทางนี้ฉันมีคนแนะนำเลยค่อนข้างโอเค เอากับฉันด้วยไหม?” หลังจากที่สุ่ยเซียนกับจูขี้บ่นกลับไปแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในช่วงมานะบากบั่น เรื่องในครอบครัวไม่ได้จัดการได้ง่ายๆ แต่มีจูขี้บ่นอยู่เคียงข้าง สุ่ยเซียนก็สบายขึ้นเยอะ
เหมือนกับที่เสี่ยวเฉียงพูดไว้ คนที่โดดเด่นในกองทัพ ต่อให้เปลี่ยนงานก็ไม่มีทางไปไม่รอดแน่นอน โดยเฉพาะคนที่เคยเป็นพลาธิการอย่างจูขี้บ่น มันสมองระดับนั้นที่รู้จักพูดคุยเจรจากับคนย่อมช่วยสุ่ยเซียนรับมือกับการจัดการอำนาจภายในบริษัทได้ สุ่ยเซียนจึงมีเวลามานั่งวิเคราะห์การลงทุน
“ฉันอยากซื้อรถใหม่ รถคันนั้นฉันขับมาตั้งหลายปีแล้ว คงเหลือเงินไม่เท่าไรหรอก”
พอได้ยินคำว่าซื้อรถ อวี๋หมิงหลางก็หูผึ่งทันที ผู้ชายน่ะนะ มีเหรอจะไม่ชอบเรื่องรถ
คลังสมบัติของเสี่ยวเชี่ยนมีทรัพย์สินพร้อม เธอตั้งใจไว้ว่าหลังแต่งงานจะเปลี่ยนทั้งรถของเธอและรถของเสี่ยวเฉียง บ้านก็มีอยู่แล้ว อะไรที่ทำแล้วชีวิตมีความสุขก็ต้องทำบ้าง
พอเห็นดวงตาเป็นประกายของเสี่ยวเฉียง เสี่ยวเชี่ยนจึงเอามือดันหน้าเขาออกไป ไม่ให้ฟัง จากนั้นก็คุยกับสุ่ยเซียนต่อ
“ต้องซื้อเท่าไรล่ะ? เงินฉันเหลือไม่มาก ประมาณแสนกว่า”
“ทำเป็นจน…ครั้งนี้พวกเราจะเล่นพวกทองแดงอะลูมิเนียม เงินเธอแค่นั้นเล่นไม่รู้เรื่องหรอก ยืมฉันไหม?”
“ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการลงทุน แต่ฉันรู้ว่าการยืมเงินคนอื่นไปเล่นมันเป็นการกระทำที่โง่มาก มีเงินเท่าไรก็เล่นเท่านั้น ฉันซื้อแค่นั้นแหละ”
“ก็ได้ โอนเงินเข้าบัญชีฉัน เดี๋ยวฉันเล่นให้ เงินเธอแค่นี้เล่นเองต่างหากไม่ได้ ถ้าไม่ระวังเจ๊งแน่ เล่นกับลูกพี่ฉันปลอดภัยกว่า” เวลาสุ่ยเซียนคุยกับเสี่ยวเชี่ยนไม่มีปิดบัง
เสี่ยวเฉียงผู้เก่งกาจด้านการคำนวณรีบคิดเลขในใจทันที จากที่เมียเขาบอก เงินแสนกว่าลงทุนในช่วงเวลาสั้นๆจะได้กำไรเท่าไร จากนั้นกำไรเท่านี้ก็ประมาณการงบซื้อรถ งบเท่านี้ซื้อรถรุ่นไหนได้บ้าง…
ส่วนสืออวี้พอได้ยินประธานเชี่ยนพูดเรื่องเงินในสมองก็มีเสียงประหลาดอีกแล้ว ยืมเงินเสี่ยวเชี่ยนสิ ยืมสิ…
“เลิกคิดได้แล้ว ฉันเปลี่ยนรถให้ตัวเองคนเดียว รถนายยังดีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ใช้ไปก่อน” เสี่ยวเชี่ยนวางสายแล้วพูดด้วยท่าทางนิ่งๆ
เสี่ยวเฉียงมองเธอตาแป๋ว จากนั้นก็ถอนหายใจ “ก็ได้ ยังไงเมียผมก็หาเงินเก่ง คุณเปลี่ยนก่อนก็ได้”
เสี่ยวเชี่ยนมองเขาพลางนึกขำ พอหันไปก็เห็นสืออวี้หน้าซีด สองมือของสืออวี้กำหมัดแน่นจนเล็บแทบจะแทงเข้าไปในเนื้อ