เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 365
ตั้งครรภ์ 1
ครั้นมู่หรงชูอวิ๋นลงจากรถม้า ทุกอย่างก็หายไปหมดแล้ว เศษแขนเศษขาต่างก็ถูกจัดการเก็บกวาดจนเกือบหมดสิ้น เพียงแต่หากใช้เท้าเขี่ยเบาๆ บนพื้นหิมะผิวบางนั้น ก็ยังสามารถมองเห็นคราบเลือดจางๆ ที่ยังไม่ทันละลายจางหายไปได้บ้าง มู่หรงชูอวิ๋นย่นจมูกอย่างไม่ค่อยชินกับกลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งตลบอยู่รอบตัวนาง ทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมเป็นที่สุด จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปาก คิ้วขมวดหนักขึ้น ท่าทางอยากจะอาเจียน
หลานเอ๋อร์ที่เพิ่งจะได้รับอนุญาตให้ลงมาจากรถม้าได้ อย่างไรแล้วหญิงสาวทั้งสองก็ไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน เพื่อไม่ให้พวกนางต้องรู้สึกตกใจกลัว พวกนางจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจากลงม้า จนกว่าสถานการณ์ด้านนอกจะเรียบร้อย หลานเอ๋อร์เห็นท่าทางเช่นนั้นของมู่หรงชูอวิ๋น จึงรีบเข้าไปช่วยพยุงมู่หรงชูอวิ๋นไว้ พลางช่วยลูบแผ่นหลังให้เบาๆ “คุณหนู ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ”
จะว่าไปเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้พบเจอ ก่อนหน้าที่มู่หรงชูอวิ๋นจะแต่งงาน ฮูหยินผู้เฒ่าและคนทั้งตระกูลมู่หรงได้ดูแลฟูมฟักนางอย่างดี ให้นางอยู่แต่ในห้องอันอบอุ่น หลังแต่งงานกับเฟิงหลีเลี่ยแล้ว เขาก็คอยปกป้องดูแลนางอยู่ตลอด ไหนเลยจะเคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ได้ แม้แต่ตัวเองก็ยังหวาดกลัวจนแทบจะเป็นลมล้มพับไป
มู่หรงชูอวิ๋นเพิ่งจะยิ้มขึ้นมาได้ ทว่าอยู่ๆ ก็หน้าซีดโดยฉับพลัน กุมหน้าอกแน่นแล้วเบี่ยงศีรษะก้มลงไปอาเจียนอยู่ที่พื้น นางพะอืดพะอมอยู่นานแต่ก็ไม่ได้อาเจียนอะไรออกมา เพียงรู้สึกคลื่นเ**ยนเท่านั้น น้ำตาไหลอย่างรู้สึกทรมาน ท่าทางน่าสงสารยิ่งนัก
เสียงอุทานของหลานเอ๋อร์ดึงสายตาของทุกคนให้หันมามอง เฟิงหลีเลี่ยที่อยู่ห่างไปไม่ไกล เมื่อได้ยินเสียงของพวกนางก็หาได้สนใจแล้วว่าเรื่องที่จัดการอยู่เสร็จเรียบร้อยหรือไม่ เขารีบสาวเท้าเข้ามาช่วยประคองมู่หรงชูอวิ๋นไว้ ความรู้สึกสงสารเอ่อล้นขึ้นมาในใจ “เป็นอะไรไป อวิ๋นเอ๋อร์?” หากว่ามู่หรงชูอวิ๋นเป็นอะไรขึ้นมา เขาก็ไม่รังเกียจที่จะจับพวกโจรไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำพวกนั้นมาสับเป็นหมื่นพันชิ้น
เดิมทีมู่หรงชูอวิ๋นอยากจะส่ายหน้าบอกเฟิงหลีเลี่ยว่านางไม่เป็นอันใด ทว่ายังไม่ทันได้อ้าปากพูด อาการพะอืดพะอมนั้นก็กลับมาอีกครั้ง ให้ความรู้สึกทรมานอย่างมาก แต่ก็ยังไม่มีอะไรอาเจียนออกมาเช่นเดิม
เฟิงหลีเลี่ยประคองนางไว้ ช่วยลูบหลังให้นางเบาๆ พลางกวาดสายตาเย็นชามองไปยังหมอเทพที่นั่งแทะน่องเป็ดอยู่ข้างกองไฟด้วยท่าทางสบายอารมณ์
หมอเทพพลันรู้สึกเย็นเสียวที่สันหลังเหมือนมีลมเย็นยะเยือกพัดโชยมา เขาคงไม่ได้ไปล่วงเกินท่านพญายมเข้าใช่ไหม พระองค์จึงได้สั่งให้ยมทูตเฮยไป๋อู๋ฉาง[1]มาเก็บชีวิตของเขาไปเสีย สายตาระแวดระวังหวาดกลัวกวาดมองโดยรอบ พลันประสานเข้ากับดวงตาดำเข้มของเฟิงหลีเลี่ยที่เปล่งประกายสีม่วงเข้มเล็กน้อย มองแล้วดูลึกล้ำน่าหวาดหวั่น รู้สึกได้ถึงความเย็นชาวาบไหวในแววตาคู่นั้น ถึงว่าเหตุใดหมอเทพจึงรู้สึกเหมือนมียมทูตเฮยไป๋อู๋ฉางมาอยู่ข้างกาย ที่แท้ก็เป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนี้นี่เอง
เดิมคิดอยากจะเมินใส่เขาเสียหน่อย แต่เหลือบไปเห็นมู่หรงชูอวิ๋นที่พิงกายอยู่ในอ้อมอกของเฟิงหลีเลี่ยด้วยสภาพไร้เรี่ยวแรง พลันหัวคิ้วกระตุก ปรับสีหน้าทำทีบึ้งตึงแล้วเดินเข้าไปช่วยดูอาการ ไม่แปลกที่เมื่อครู่ตนนั่งกินน่องเป็ดอยู่จึงรู้สึกว่าไม่อร่อย ที่แท้ก็เพราะไม่มีคนแย่งกิน
เมื่อเดินมาถึงข้างกายพวกเขาแล้ว เขาก็ยังทำหน้าบึ้งตึง ไม่วายเชิดหน้าทำท่ารังเกียจรังงอนอยู่เช่นเดิม
หมอเทพวัดชีพจรที่ข้อมือของมู่หรงชูอวิ๋นอยู่นาน ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
“มีอะไรหรือ”
“เจ้าทำความดีบ้างไหม”
เฟิงหลีเลี่ยจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาเข้าใจว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้มู่หรงชูอวิ๋นล้มป่วย จึงหันไปถลึงตาจ้องมองพวกโจรภูเขาที่ถูกจับมัดเชือกไว้ นั่งคุกเข่าอยู่ข้างกำแพงหินด้วยท่าทีหวาดกลัวตัวสั่นเทา
หมอเทพรู้สึกหมดคำจะพูด บังเกิดความรู้สึกสงสารแทนพวกโจรที่เมื่อครู่เกือบจะตัดศีรษะเขาไปเสียแล้ว ปล้นใครไม่ปล้น ต้องเลือกมาปล้นยมบาลตัวเป็นๆ เช่นนี้ ก่อนจะกลอกตาขาวใส่เฟิงหลีเลี่ยไปหนหนึ่ง “นางตั้งครรภ์แล้ว” หากว่าลูกศิษย์โง่ของเขามีท่าทางเช่นนี้ เขาคงจะบีบคอลูกศิษย์นั่นให้ตายไปแล้ว เฟิงหลีเลี่ยมีกำลังน่าเกรงขาม เย็นชาเหมือนกับก้อนน้ำแข็ง หมอเทพพลันรู้สึกเจ็บหน้าอกจนหายใจไม่ออก เงยหน้าขึ้นมองเกล็ดหิะที่กำลังโปรยปรายลงมา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดถึงลูกศิษย์โง่ที่ชอบทำให้เขาโมโหจนอยากจะบีบคอให้ตายคนนั้น อยู่ที่นี่มีแต่คนรังแกเขา สู้ลูกศิษย์โง่ของเขาไม่ได้สักคน ยอมให้เขารังแกได้เพียงคนเดียว คิดแล้วน้ำตาก็เกือบจะไหลอาบแก้ม
[1] เฮยไป๋อู๋ฉาง (黑白无常) เป็นชื่อเรียกยมทูตสององค์รวมกัน องค์หนึ่งสวมชุดดำ จับดวงวิญญาณที่เป็นคนจิตใจชั่วร้าย อีกองค์หนึ่งสวมชุดขาว จับดวงวิญญาณที่เป็นคนดีมีศีลธรรม