เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 367
ตั้งครรภ์ 3
มู่หรงชูอวิ๋นกอดหน้าท้องแบนราบจนดูไม่ออกว่าตั้งครรภ์ หันมองไปทางเฟิงหลีเลี่ยอย่างหวาดกลัว “พี่ชายใหญ่ ท่านคงไม่ได้ไม่ต้องการเขาใช่ไหมเจ้าคะ” นี่คือลูกน้อยของเขา เขาจะไม่ต้องการได้อย่างไร นี่เป็นถ้อยคำที่ทำร้ายจิตใจที่สุดในชีวิตของมู่หรงชูอวิ๋น
หัวใจของเฟิงหลีเลี่ยราวกับถูกทุบตีอย่างแรง เจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น เดิมทีมู่หรงชูอวิ๋นก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อย ทว่าก็ยังรู้ว่าควรปกป้องลูกของตัวเองอย่างไร เขายื่นมือไปดึงนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด มู่หรงชูอวิ๋นขัดขืนอยู่เล็กน้อย “อวิ๋นเอ๋อร์ พี่ชายใหญ่ไม่ทำเช่นนั้นแน่ เด็กคนนี้คือลูกของพวกเรา เหตุใดข้าจะไม่ต้องการเขาได้เล่า” เขาเฝ้ารอการมาของลูกน้อยคนนี้ยิ่งกว่าใครๆ
“จริงนะเจ้าคะ?” มู่หรงชูอวิ๋นยังรู้สึกไม่ค่อยเชื่อมั่น ดวงตากลมโตและดำขลับของนางปรากฏแววตาเป็นระลอกคลื่นทอประกาย น่าหลงใหลเป็นที่สุด
เฟิงหลีเลี่ยจูบลงไปอย่างห้ามใจไม่อยู่ “จริงสิ อวิ๋นเอ๋อร์จำข้อนี้ไว้ก็พอแล้ว แม้ข้าจะต้องโกหกคนทั้งโลก แต่จะไม่ขอโกหกอวิ๋นเอ๋อร์เป็นอันขาด ต่อให้เป็นเพียงการปิดบังก็จะไม่มี คนอื่นจะพูดอย่างไรกับเจ้าจงอย่าได้สนใจ ทั้งหมดเป็นเพียงคำหลอกลวงเท่านั้น”
นางเป็นยอดดวงใจของเขา หากขาดนางไปก็คงต้องเจ็บปวดที่สุด หากไม่มีนางหัวใจของเขาก็จะว่างเปล่า ขอเพียงจับมือนางไว้แน่นๆ ให้อยู่ข้างกายตัวเองเอาไว้ เขาถึงจะสบายใจ ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนมีหัวใจเช่นกัน หาใช่ร่างเปล่าไร้จิตใจไม่
มู่หรงชูอวิ๋นถึงได้ยอมผ่อนคลายลงบ้าง ไม่ได้ตัวแข็งทื่อต่อต้านเขาเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว “อืม!” ทว่าไม่รู้เหตุใดน้ำตาจึงไหลทะลักออกมาดั่งเขื่อนแตก ไหลพรากไม่หยุด ต่อให้ทำอย่างไรก็หยุดไม่ได้สักที ทำเอาอกเสื้อของเฟิงหลีเลี่ยเปียกชื้น นางร้องไห้อยู่นานไม่ยอมหยุด ราวกับว่าจะร้องจนน้ำตาของทั้งชีวิตนี้แห้งเหือดไปถึงจะยอมเลิกรา เฟิงหลีเลี่ยจึงอุ้มนางขึ้นรถม้า ให้นางมาอิงซบอยู่ในอ้อมอกของตนเอง ด้านนอกลมแรงเกินไป อีกอย่างนางก็กำลังท้องอยู่ด้วย หากเป็นหวัดขึ้นมาจะต้องอาการหนักเป็นแน่
กระทั่งม่านราตรีมาเยือน ทุกอย่างจึงเข้าสู่สภาวะปกติเช่นเดิม ทว่ามู่หรงชูอวิ๋นที่แม้นอนหลับสนิทแต่ก็ยังมีสะอึกสะอื้นอยู่บ้างครั้งสองครั้ง เขาลูบหลังปลอบใจมู่หรงชูอวิ๋นอยู่เป็นครั้งคราว ดูท่าจะต้องรีบออกจากที่นี่ให้ได้โดยเร็ว มู่หรงชูอวิ๋นโดนคำพูดกระทบกระเทือนจิตใจจึงมีสภาพเช่นนี้ แม้ว่าหมอเทพจะบอกว่าร่างกายของนางไม่ได้มีปัญหาอะไร ทว่าเฟิงหลีเลี่ยก็ยังไม่อาจวางใจ ด้านนอกอากาศหนาวเย็น ออกไปเดินไม่เท่าไรก็ตัวแข็งเป็นก้อนน้ำแข็งแล้ว
หมอเทพโมโหแทบตาย หลังจากที่เขาเสียรถม้าไปแล้ว ตกกลางคืนก็ยังไม่สามารถอยู่ในรถม้าคันเดียวกับหลานเอ๋อร์เหมือนช่วงกลางวันได้อีก เพราะต่อให้เฟิงหลีเลี่ยไม่ฆ่าเขา แต่เจ้าทึ่มอย่างมู่เหยียนคงได้จับเขาหั่นเป็นหมื่นเป็นพันชิ้นแทน เขาจึงต้องมานอนอยู่ในกระโจมที่พวกทหารกางไว้ พอให้ใช้เป็นที่กำบังหลบลมหนาวเช่นนี้คนเดียว
วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นวันพิเศษอะไรของเขา ระหว่างกลางดึกที่กำลังนอนหลับฝันหวานอยู่นั้น หิมะก้อนใหญ่พลันหล่นลงมาทับกระโจมของเขา ทั้งยังกลบเขาไว้ข้างใต้ เมื่อหมอเทพหลุดออกมาได้ก็หงุดหงิดด่าทอเจ้าหิมะก้อนนั้นอยู่นาน ช่างโชคร้ายเหลือเกินวันนี้ ถูกลอบฆ่าก็เกินพอแล้ว ตกกลางคืนจะนอนก็ยังไม่อาจนอนหลับได้อย่างสุขสงบอีก ขณะที่กำลังก่นด่าเสียยาวเหยียดนั้น พลันมีของแหลมคมบางอย่างเฉียดผ่านข้างใบหูของเขาไป เมื่อหันหน้าไปมองก็เห็นว่าเป็นมีดเล่มหนึ่งปักแน่นอยู่กับกำแพงหิน แทงทะลุพื้นหินลึกสามเฟิน[1]
หมอเทพลูบจมูกอย่างตกตะลึง เขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรทว่ากลับรู้สึกเจ็บปวดเหมือนใกล้ตาย ทุกคนต่างรีบก้มหน้า ทำเหมือนว่ามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
เดิมทีเฟิงหลีเลี่ยก็ปล่อยเขาทำตามใจ อยากโวยวายอะไรก็โวยวายไป ทว่าเมื่อเห็นมู่หรงชูอวิ๋นขยับตัวกระสับกระส่าย นอนหลับไม่สบาย เขาจึงขว้างมีดเล่มนั้นออกไป
ก้อนหินที่ปิดขวางเส้นทางอยู่ก้อนนั้นไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา เนื่องจากพวกโจรภูเขากลัวว่าพวกเขาจะผ่านไปได้โดยง่าย จึงได้เลือกก้อนหินที่ใหญ่เป็นพิเศษ ใช้คนสิบกว่าคนช่วยกันออกแรงก็ยังไม่สามารถขยับหินก้อนนั้นให้เลื่อนออกไปได้ หากไม่ใช่เพราะหมอเทพบอกว่าเขาจะต้องสร้างผลบุญเพื่อลูกน้อยในครรภ์ เฟิงหลีเลี่ยคงจะสั่งฆ่าโจรพวกนี้ไปแล้ว ไหนเลยจะเก็บไว้ให้ขวางหูตาขวางตาเช่นนี้
[1] เฟิน (分) เป็นหน่วยวัดความยาวของจีน โดย 1 เฟิน ยาวประมาณ 0.33 เซนติเมตร