เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 368
จราจล1
เฟิงหลีเลี่ยเปิดม่านออก เห็นมู่หรงชูอวิ๋นลูบท้องมีรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นที่สุด เขาพลันกลืนน้ำลายเคลื่อนลงคอ
มู่หรงชูอวิ๋นสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่พัดเข้ามา เงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นเฟิงหลีเลี่ย เอ่ยเรียกอย่างรู้สึกเบิกบานใจ “พี่ชายใหญ่”
หลังจากเฟิงหลีเลี่ยตื่นนอน เขาเห็นว่ามู่หรงชูอวิ๋นยังคงหลับอยู่จึงออกมาก่อน คนของเขาเคลื่อนย้ายหินก้อนใหญ่ที่ปิดทางอยู่ก้อนนั้นออกไปได้ไม่น้อยแล้ว ใช้เวลาอีกสักครึ่งวันก็จะสามารถผ่านไปได้
เฟิงหลีเลี่ยปิดม่านลงกั้นลมฝนที่พัดมาจากด้านนอก “อืม”
“พี่ชายใหญ่ ท่านว่าตั้งชื่อให้ลูกของเราว่าอะไรดีเจ้าคะ? โตว่โตว่ หรือว่าน่องไก่ดีเจ้าคะ?”
มู่เยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างนอกยังไม่ทันได้จากไปทำหน้าตกใจอย่างมาก หากว่านายน้อยโตขึ้นมารู้ความเรื่องชื่อของตัวเอง ไม่ต้องร้องไห้โวยวายหรอกหรือ คงอยากจะเปลี่ยนพ่อแม่เป็นแน่ แต่ยังนับว่าโชคดีที่มีนายท่านที่พอเป็นที่พึ่งได้
“อวิ๋นเอ๋อร์ชอบก็พอแล้ว” เมื่อคำพูดนี้ดังเขาหูของเขา มู่เยี่ยนพลันรู้สึกสับสนไปหมด คิดเพียงว่าเอาตัวเองออกห่างจากตรงนี้เสียดีกว่า
……
ทางด้านพระสนมเซียวรีบร้อนเดินขึ้นหน้ามาดึงมือของเฟิงหลีเย่ รีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
วันนี้นางตื่นขึ้นมาไม่คิดว่าจะได้ยินข่าวเรื่องท่านอ๋องสิบแปดก่อกบฎ เขาเป็นพระอนุชาที่ฮ่องเต้ทรงโปรดที่สุด หลายปีที่ผ่านมาพระองค์ทรงปฏิบัติต่อเขามาด้วยดีเสมอ นางจึงไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดเช่นเรื่องนี้ขึ้นจริง
“เสด็จแม่ เป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีรับสั่งให้กวาดล้างคนชั่วข้างกายฮ่องเต้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
พระสนมเซียวตระหนกตกใจเซถอยหลังไปหลายก้าว ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ในปีนั้นที่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ ได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพร้อมทั้งตราประทับจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนจริงๆ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนชั่วข้างกายฮ่องเต้ที่ต้องถูกกวาดล้างเช่นนี้ ช่างน่าขันยิ่งนัก
“เสด็จแม่เรื่องนี้ผู้ใดให้ความชัดเจนไม่ได้ทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ตอนนี้พี่สี่ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพราะตอนที่เขาเกิดมาเรื่องทุกอย่างก็สงบเรียบร้อยแล้ว หรือแม้แต่เรื่องราวของเสด็จพ่อไต่เต้าขึ้นมาจนได้ขึ้นครองราชย์นั้นมีความเป็นมาอย่างไร เขาก็ยังไม่รู้อะไรเลยสักนิด สิ่งที่ผู้บันทึกประวัติศาสตร์เขียนไว้ล้วนแต่สรรเสริญการกระทำอันกล้าหาญของเสด็จพ่อเท่านั้น ส่วนเสด็จลุงเสด็จอาพระองค์อื่นล้วนแต่ต้องจบชี;bตไปเพราะคิดการกบฏทั้งสิ้น หากไม่ใช่เพราะก่อนที่เฟิงหลีเลี่ยจะออกจากเมืองหลวงไปได้บอกกับเขาไว้ว่า เหตุผลของเรื่องบางเรื่องไม่สามารถตัดสินได้ด้วยสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่ได้ยินมาเท่านั้น เพราะมันไม่มีอะไรที่เป็นจริงและไม่มีอะไรที่เป็นเท็จ ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องของความสำเร็จเท่านั้น เขาคงไม่อาจทำความเข้าใจได้เช่นนี้
เกรงแต่พี่สี่ของเขาคงจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นหลังจากสี่เดือนที่พวกเขาออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ทว่าต่อให้คิดเช่นไรก็ไม่อาจเข้าใจถึงเหตุผลของเฟิงหลีเลี่ย เหตุใดจึงช่วยเฟิงหรงสวี่แทนที่จะช่วยเสด็จพ่อ พระองค์เป็นถึงเสด็จพ่อของพวกเขา ดั่งคำโบราณว่าไม่มีความแค้นชั่วข้ามคืนระหว่างพ่อกับลูก แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยฉลาด แต่เขาก็ไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ว่าเฟิงหลีเลี่ยทราบเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้คงไม่ได้เกี่ยวโยงเพียงพี่สี่ของเขาคนเดียว แต่จะรวมถึงตระกูลมู่หรงท้ังตระกูลด้วย คนพวกนั้นล้วนเป็นผู้ที่ยอมอุทิศชีวิตตัวเองเพื่อแคว้นชังหมิงทั้งนั้น
วันนี้ฮ่องเต้ทรงกริ้วอย่างมากรับสั่งให้ปลดลูกหลานตระกูลมู่หรงทั้งสามคนออกจากราชการในทันที ด้วยสาเหตุที่มู่หรงจางเป็นอาจารย์ของเฟิงหรงสวี่ ทว่าพระองค์ไม่สามารถสั่งคุมขังพวกเขาได้ ไม่เช่นนั้นหากมู่หรงไป๋ที่อยู่ชายแดนตอนเหนือโกรธแล้วต่อต้านพระองค์ขึ้นมา ตำแหน่งของพระองค์ในตอนนี้คงจะไม่มั่นคงอีกต่อไป
เฟิงหรงสวี่เคลื่อนพลอยู่ทางตอนใต้ วีรบุรุษของฮ่องเต้พระองค์ก่อนต่างขอติดตามเขา อีกทั้งพระองค์ยังทรงทราบอีกว่าในมือของเขามีกองกำลังทหารลึกลับชุดหนึ่งซึ่งเคยเป็นทหารลับของฮ่องเต้พระองค์ก่อนอีกด้วย
กระทั่งเฟิงหรงสวี่เคลื่อนพลอย่างดุดันและน่าเกรงกลัว ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือนก็สามารถทำลายแนวป้องกันทั้งหมดทางตอนใต้ลงได้ ยึดครองดินแดนหนึ่งในสี่ส่วนของแคว้นชังหมิงเอาไว้ในมือได้สำเร็จ พระสนมเซียวหวั่นใจว่าหลังจากเฟิงหรงสวี่ทำลายรังศัตรูได้ชัยชนะ ก็จะไม่มีที่อยู่สำหรับพวกนางแล้ว เพราะอย่างไรเสียพวกนางก็คือสตรีและบุตรของฮ่องเต้
เฟิงหลีเย่ตบหัวไหล่ปลอบใจนาง “เสด็จแม่ทรงอย่าเป็นกังวลใจไปเลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อท่านทรงจัดการได้แน่”
ตอนนี้เขาก็คงคิดได้เพียงเท่านี้