เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 373
มู่หรงชูอวิ๋นเพิ่งจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ของตัวเองให้กับเฟิงหลีเลี่ยฟังจบ เด็กน้อยตัวกระเปี๊ยกสูงไม่ถึงเอวของเฟิงหลีเลี่ยก็พุ่งพรวดเข้ามา ขนคิ้วดกเข้มหยักขึ้นมาเล็กน้อยอย่างเป็นปฏิปักษ์ ภายใต้ขนตางอนยาวมีดวงตาคู่นั้นที่ชัดใสดั่งน้ำค้างยามรุ่งอรุณ จมูกเป็นสันหล่อเหลา ใบหน้าของเขามีส่วนคล้ายคลึงกับเฟิงหลีเลี่ยอยู่เจ็ดแปดส่วน ล้วนแต่สืบทอดมาจากน่าหลันฉิงมารดาของพวกเขาทั้งนั้น ประจวบกับฮ่องเต้และเฟิงหรงสวี่เป็นพี่น้องโดยสายเลือดกันด้วยแล้ว ทำให้พวกเขายิ่งดูคล้ายกันขึ้นไปอีก ดูไม่ยากว่านี่จะเป็นเหตุสร้างความสับสนให้กับผู้คนได้ในอนาคต มู่เยี่ยนคุกเข่าที่พื้นยอมรับผิดที่ปล่อยให้เฟิงเยี่ยนเฉิงเข้ามาโดยพลการ หากไม่ใช่ว่าเขาคือพระอนุชาแท้ๆ ของนายตนเอง มู่เยี่ยนก็ไม่รังเกียจที่จะอัดเด็กน้อยหัวเหม็นที่ยโสโอหังหน้าเชิดตามองฟ้าสูง ทุกครั้งมักจะเชิดคอเดิน เขาล่ะเห็นแต่โพรงจมูกดำของเด็กนั่นแล้ว น่ารังเกียจเป็นที่สุด
เฟิงหลีเลี่ยโบกมือแทนความหมายให้เขาถอยออกไปได้
เฟิงเยี่ยนเฉิงเข้ามาสักพักก็ไม่เห็นมีผู้ใดจะสนใจตน ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นเมินเฉยเป็นอะไรที่แย่มาก พลันรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา ชี้ไปทางมู่หรงชูอวิ๋นเอ่ยพูดเสียงเรียบ “ข้ามาเยี่ิยมเด็กในท้องของนาง ไม่ได้มาเยี่ยมท่าน”
ผู้ใดได้ยินเช่นนี้ต้องรู้ว่าแล้ว นี่เป็นคำพูดของคนที่ปากไม่ตรงกับใจ มาเยี่ยมมู่หรงชูอวิ๋นแล้วมันต่างอันใดกับมาเยี่ยมเฟิงหลีเลี่ย สามีภรรยาเปรียบเสมือนคนคนเดียวกัน ไม่แยกข้าหรือเจ้า การที่เขามาเยี่ยมมู่หรงชูอวิ๋นไม่ได้เป็นการมาเยี่ยมเฟิงหลีเลี่ยไปด้วยหรอกหรือ
มู่หรงชูอวิ๋นเบือนหน้าหนี หยิบผ้าห่มมาคลุมท้องของตัวเองไว้มิดชิด “ไม่ให้เจ้าเยี่ยม” ใครบอกให้เขาชอบหลอกนาง เมื่อวานตกลงกันดิบดีหากนางแพ้พนันจะยอมเรียกน่าหลันฉิงว่าเสด็จแม่ แล้วเขาจะนำขนมรากบัวมาให้นาง ถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรสักอย่าง
มู่หรงชูอวิ๋นเข้าใจผิดแล้ว ความจริงนั้นเฟิงเยี่ยนเฉิงนำขนมมาให้แล้ว ทว่าเฟิงหลีเลี่ยให้คนเก็บขนมไปซ่อนเสียก่อน นางกำลังท้องอยู่ไม่อยากให้กินขนมเหล่านี้มากเกินไป เมื่อตอนครั้งแรกที่เฟิงเยี่ยนเฉิงได้พบกับมู่หรงชูอวิ๋นนั้น ได้เห็นท่าทางหวาดผวาของนางถึงกับทำให้เขาตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก
ได้แต่เอ่ยออกไปอย่างไม่ทันคิด “เสด็จแม่ นางเป็นคนปัญญาอ่อนพ่ะย่ะค่ะ” หากนางปัญญาอ่อน เช่นนั้นว่าที่หลานชายหรือไม่ก็หลานสาวที่ยังไม่ได้ออกมาดูโลกของเขา อาจจะปัญญาอ่อนไปด้วย พลันคิดถึงภาพที่มีเด็กน้อยตัวกระเปี๊ยกน้ำมูกน้ำลายไหลยืดตะโกนเรียกเขาว่า ‘เสด็จอา’ อยู่ข้างหลังเขา
นัยน์ตาของมู่หรงชูอวิ๋นวาบไหวประกายความเสียใจ แม้นางจะเคยชินแล้วกับการที่คนอื่นบอกว่านางปัญญาอ่อน ทว่าก็เป็นเรื่องยากที่จะซ่อนความเศร้าจากก้นบึ้งของหัวใจเอาไว้ได้ ด้วยเหตุนี้มู่หรงชูอวิ๋นจึงไม่ชอบให้เฟิงเยี่ยนเฉิงมาเยี่ยมลูกในครรภ์ของนาง
ในตอนนั้นเฟิงหลีเลี่ยไม่ได้พูดกระไร กระทั่งทุกคนออกไปแล้วจึงสั่งให้มู่เยี่ยนไปจัดการสั่งสอนเฟิงเยี่ยนเฉิงให้หนัก และสั่งห้ามไม่ให้เขาเข้ามายังกระโจมของตนอีก
แม้แต่น่าหลันฉิงและเฟิงหรงสวี่ก็ยังถูกขวางไว้ให้รอด้านนอกเช่นกัน เมื่อเฟิงหรงสวี่ที่รักภรรยายิ่งชีพได้เห็นภรรยาเสียใจเช่นนี้ ก็ได้จัดการกับลูกชายที่โดนคนอื่นจัดการมาแล้วอีกรอบหนึ่ง
“ไม่ยอมให้ข้าเยี่ยม เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะอัดเจ้า” ชูกำปั้นขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อมองสายตาเย็นเยียบของเฟิงหลีเลี่ยแล้วก็ต้องคลายกำปั้นเก็บลงไปเงียบๆ เขาลืมไปเสียสนิทว่ามู่หรงชูอวิ๋นมีเฟิงหลีเลี่ยเป็นบรรพตสนับสนุนอยู่ข้างหลัง หากเขาได้ล่วงเกินภรรยาสุดที่รักของเฟิงหลีเลี่ยแล้วล่ะก็ ไม่อาจแน่ใจว่าเสด็จพ่อและเสด็จแม่จะยังยืนอยู่ข้างเขา
เพราะตอนนี้ทุกคนต่างก็ไม่แยแสเขาทั้งนั้น
มู่หรงชูอวิ๋นไม่ยอม ดึงแขนเสื้อของเฟิงหลีเลี่ยพลางเอ่ยอย่างน้อยใจ “พี่ชายใหญ่ เขาจะตีข้าเจ้าค่ะ”
เฟิงเยี่ยนเฉิงโมโหจนพูดจาละล่ำละลัก “เจ้า…เจ้ายังมีหน้าอยู่หรือไม่? โตถึงเพียงนี้แล้วยังจะไปหลบอยู่ในอ้อมแขนของเสด็จพี่ข้าอีก”
เรียกเสด็จพี่ออกมาได้เต็มปากเต็มคำ หาได้มีความกระดากอายสักนิดไม่ว่าเฟิงหลีเลี่ยยังไม่ได้ยอมรับพวกเขา
“ข้าชอบ”
เฟิงเยี่ยนเฉิงได้ยินคำพูดของเฟิงหลีเลี่ยเช่นนี้ เพียงครู่เดียวก็เหมือนเป็นเด็กดื้อเอาแต่ใจเอ่ยไปว่า “พวกเจ้าร่วมมือกันรังแกเด็กคนเดียว” เขาไม่ได้เป็นเด็กถึงเพียงนั้น เหตุใดพวกเขาจึงใจร้ายเช่นนี้ เสด็จพี่เป็นคนเย็นชา ปกติเวลาที่เขาถามอะไร หากเสด็จพี่อยากตอบถึงจะตอบรับ “อืม” มาคำเดียว
แต่คำพูดจงใจหาเรื่องอย่างไม่มีเหตุผลของมู่หรงชูอวิ๋น เสด็จพี่กลับบอกว่าเขาชอบ เรื่องเช่นนี้ทำให้เฟิงเยี่ยนเฉิงรู้สึกอิจฉาเป็นที่สุด
“โตจนเป็นอาคนได้แล้ว ไม่ใช่เด็กอีกแล้วนะ”
“ไม่ถูกเจ้าค่ะพี่ชายใหญ่ ลูกของข้าไม่ต้องการอาที่เป็นคนไม่ดีเช่นนี้”
เดิมทีได้ยินคำพูดของเฟิงหลีเลี่ยพลอยช่วยคลายความเศร้าเสียใจลงไปได้ไม่น้อย ในที่สุดเฟิงหลีเลี่ยก็ยอมรับว่าเขาเป็นน้องชายแล้ว ทว่าคำพูดหักมุมของมู่หรงชูอวิ๋นประโยคนั้นทำให้เขาหัวร้อนแทบอยากร้องไห้ เขาเป็นคนไม่ดีตรงไหน การที่คนหน้าตาดีอย่างเขายอมมาเป็นอาให้กับลูกในท้องของนาง ที่ไม่รู้ว่าจะออกมาอัปลักษณ์หรือไม่เช่นนี้ นางกลับปฏิเสธไปเสียอย่างนั้น อีกอย่างเสด็จพี่ของเขาก็ยิ่งไม่มีหลักการ ไม่ว่ามู่หรงชูอวิ๋นพูดอะไรก็เชื่ออย่างนั้น ไหนเลยจะคิดถึงคนเป็นอาแสนดีอย่างเขาบ้าง เวลาเห็นของอร่อยบนท้องถนนเขามักจะนำมาฝากนางเป็นคนแรก แม้ความจริงแล้วเขาจะเห็นแก่เด็กในท้องนางก็ตามที ทว่าเมื่อนางกินหมดก็กลับลำทำเป็นไม่รู้จักกันเสียแล้ว
“ได้”
เฟิงเยี่ยนเฉิงรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าตีแสกหน้า ทำเขาตกตะลึงจนไม่รู้ว่าควรพูดกระไร นิ่งอยู่นานกว่าจะเค้นมาได้ประโยคเดียว “ข้าเกลียดพวกเจ้า”
ตะโกนจบแล้วก็วิ่งออกไป คนหนึ่งก็ปัญญาอ่อน ส่วนอีกคนก็เป็นพวกไม่มีความคิดเป็นของตนเอง เขาไม่อยากเป็นเสด็จอาให้ลูกของพวกเขาเสียหน่อย และก็ไม่อยากเป็นเสด็จอาของคนปัญญาด้วย