เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 377-378
ตอนที่ 377 ให้กำเนิดแต่ไม่เลี้ยง
ฮูหยินผู้เฒ่าหลับยาวตลอดทั้งช่วงบ่ายเรี่ยวแรงถึงจะฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติได้ พลางนวดรอบเอวที่ยังปวดเมื่อยอยู่บ้าง ลอบทอดถอนใจ แก่แล้วจริงๆ จะใช้งานเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว
เมื่อก่อนในคราที่นางติดตามมู่หรงจางลงสู่สนามรบ ต้องบุกน้ำลุยไฟนานหลายเดือนก็ไม่เห็นจะรู้จักความเหน็ดเหนื่อยสักนิด กลับแข็งแรงปราดเปรียวมีพลังชีวิตเหมือนเสือและมังกร มาวันนี้ถึงคราวที่ต้องยอมให้กับความแก่ชราแล้ว
นางหันหน้ามาเห็นมู่หรงไป๋นั่งอยู่บนเก้าอี้ คิ้วขมวดย่นหน้าตากลัดกลุ้ม ไม่รู้ว่าเขามานั่งอยู่ที่นี่นานเท่าใดแล้ว นั่งเหม่อลอยอยู่เงียบๆ คนเดียวเช่นนั้น แม้นางจะตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังไม่ทันสังเกตเห็น หากเป็นศัตรูไม่รู้ว่านางต้องตายไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง
ถึงวันนี้ได้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว หลังจากที่พวกคนป่าถูกมู่หรงไป๋ปะทะอย่างหนัก ผ่านมาหนึ่งเดือนกว่าก็ยังไม่มีวี่แววจะย่างก้าวเข้ามาในดินแดนของแคว้นชังหมิงอีกเลย
“ไป๋เอ๋อร์”
มู่หรงไป๋ดึงความคิดออกมาจากภวังค์ของตนเอง มองฮูหยินผู้เฒ่าพลางเอ่ยอย่างชะงักงัน “ท่านแม่”
เอ่ยเรียกแล้ว ก็เงียบไม่พูดจาอยู่นาน
“มีเรื่องอันใดก็พูดมาเถิด อ้ำอึ้งทำเป็นน้ำท่วมปากไปได้” นางเป็นมารดาของเขา หาใช่พยาธิในท้องของเขาไม่ จะได้เดาออกทุกเรื่อง ไม่รู้ว่าลูกคนนี้ไปเรียนแบบมาจากใคร เก็บคำพูดซ่อนไว้ในใจ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ในสมองของฮูหยินผู้เฒ่าก็ปรากฎภาพคนคนนั้นขึ้นมา
มู่หรงไป๋จ้องมองดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่ายังคงกระจ่างใสเปล่งประกายเหมือนสมัยที่เขายังเป็นหนุ่ม รู้สึกขาดความมั่นใจในทันที “ท่านแม่ ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ท่านแม่โปรดอย่าโกรธเคืองนะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้รับปากเขา เพียงแต่มองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ
มู่หรงไป๋กัดฟัน รู้แก่ใจดีหากเขาไม่บอกว่าเป็นเรื่องอันใด ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางรับปากเขาเป็นแน่ จึงกลั้นใจพูดออกไปว่า “ท่านแม่ อวิ๋นซินนางยังมีชีวิตอยู่ขอรับ” พูดออกไปแล้วก็เหลือบมองวิเคราะห์สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างระแวดระวัง ฝ่ามือชุ่มเปียกไปด้วยเหงื่อ ร้อนใจจนเขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี หลายปีแล้วที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนี้
ฮูหยินผู้เฒ่าใจหายวาบ คิ้วขมวดในทันที ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “นางเคยกลับมาหรือไม่”
มู่หรงไป๋มีความตื่นตกใจผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องดีใจ อย่างไรแล้วสะใภ้ที่นางโปรดปรานที่สุดก็คือฉินอวิ๋นซิน แม้จะไม่เข้าใจความหมายของฮูหยินผู้เฒ่า ทว่าเขาก็พยักหน้าตอบกลับไป
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยพูดกึ่งประชด “นางช่างมีจิตใจโหดร้ายเสียจริง” น้ำเสียงคมชัดขึ้นหลายส่วน
ปีนั้นที่ฉินอวิ๋นซินล้มป่วยลาจากโลกนี้ไป แม้ว่ามู่หรงชูอวิ๋นจะยังเป็นเด็กไม่รู้ความ แต่นางก็เป็นเด็กที่ติดแม่มาก เมื่อไม่เห็นแม่ของตัวเองอยู่นาน ก็วิ่งตามหาแม่ทุกที่อย่างตื่นตระหนก ร้องไห้เสียใจตลอดเช้าค่ำ ไม่ว่าผู้ใดจะมาปลอบก็ไม่มีประโยชน์ ร้องไห้เสียใจจนล้มป่วยอาการสาหัส หากไม่ใช่เพราะพวกเขาใช้ใจปกป้องดูแลนาง ไหนเลยจะมีมู่หรงชูอวิ๋นในวันนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกผิดกับฉินอวิ๋นซินมาโดยตลอด ที่นางไม่ได้ดูแลมู่หรงชูอวิ๋นให้ดี แต่มาตอนนี้ฉินอวิ๋นซินยังมีชีวิตอยู่ ความจริงเรื่องนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ายากจะยอมรับได้ในช่วงเวลาอันสั้น และนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดมู่หรงไป๋จึงยากจะเอ่ยปากพูด
“ท่านแม่ นางมีเรื่องที่ยากจะพูดออกมาได้…” เห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าเข้าใจผิดฉินอวิ๋นซิน มู่หรงไป๋ก็รีบแก้ตัวแทนฉินอวิ๋นซินทันที เขาเข้าใจได้หากท่านแม่จะไม่สามารถยอมรับได้ เพราะในตอนแรกที่เขารู้เรื่องนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องที่ยากจะบอกจนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องใด เพราะฉินอวิ๋นซินยังคงปิดบังไม่ยอมบอกเขา
“ฮึ! มีเรื่องที่ยากจะพูดหรือ คิดว่าพูดเพียงแค่นี้จะสามารถลบล้างความทุกข์ที่มู่หรงชูอวิ๋นได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้เช่นนั้นหรือ” มุมปากผุดรอยยิ้มเย็นชา ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงจดจำเรื่องราวที่มู่หรงชูอวิ๋นตกสระน้ำได้อย่างดี ตอนที่นางได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาจากสระ ภาพที่แม้ว่านางจะนอนหายใจรวยรินอย่างน่าเวทนาอยู่ในอ้อมแขนของตน ทว่าปากยังคงพึมพำไม่หยุด “ข้าก็มีแม่เหมือนกัน” หากว่านางมีแม่คอยปกป้องดูแลก็คงไม่ต้องโต้เถียงกับคนอื่นจนตกลงไปในสระน้ำเย็นเฉียบนั่น ฮูหยินหาเหตุผลมาเข้าใจไม่ได้จริงๆ เหตุใดฉินอวิ๋นซินถึงได้ใจร้ายทิ้งลูกสาวของตัวเองไปเช่นนี้
มู่หรงไป๋หดหู่ลงไปในทันที พูดถึงมู่หรงชูอวิ๋นแล้วพวกเขาล้วนแต่ทำผิดต่อนางกันทั้งนั้น ให้กำเนิดแต่ไม่เลี้ยงดู ไหนเลยจะใช้เพียงคำว่ารู้สึกผิดมาอธิบายได้
ตอนที่ 378 ข้าไม่มีลูกชายสกุลเจียง
เงียบอยู่เป็นเวลานาน “อีกประเดี๋ยวเจ้าให้นางเข้ามาเถิด”
มู่หรงไป๋ตกใจ “ท่านแม่!” ไม่รู้ว่าท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เขาไม่กล้าให้ฉินอวิ๋นซินเข้ามาเลยจริงๆ
“เจ้าไม่ต้องพูดอันใดแล้ว ไม่เช่นนั้นแม้แต่เจ้าข้าก็จะไม่ยอมรับ” เห็นมู่หรงไป๋ปกป้องฉินอวิ๋นซิน อารมณ์โมโหก็ผุดขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาลืมไปแล้วหรือไร ในตอนนั้นเขาเศร้าเสียใจขังตัวเองอยู่แต่ในห้องก็เพราะใคร
ตอนนี้นางเพียงอยากทำความเข้าใจเรื่องทุกอย่างก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะรังแกภรรยาของเขาเสียหน่อย จำเป็นต้องปกป้องกันถึงเพียงนี้หรือ พลันอดรู้สึกน้อยใจไม่ได้
เชียนเย่รีบส่งสายตาบอกเป็นนัยให้มู่หรงไป๋ นางเป็นห่วงว่าหากเขายังดื้อรั้นที่จะพูดอะไรอีก บางทีแม้แต่หน้าของฉินอวิ๋นซินฮูหยินผู้เฒ่าก็อาจไม่อยากมอง การที่นางยอมมองหน้าก็ถือว่ายังพอมีทางหนีทีไล่อยู่บ้าง
ฮูหยินผู้เฒ่าหลุบเปลือกตาลง กวาดมองไปยังคนที่กำลังเดินเข้ามา ยิ้มเย้ยอยู่ในใจ เป็นนางจริงๆ นางยังรู้สึกว่าแปลกใจนักเพราะปกติมู่หรงชูอวิ๋นไม่เคยเรียกใครซี้ซั้ว เหตุใดจึงเรียกทักบุรุษว่าเป็นมารดาได้ ในตอนนั้นนางยังคิดว่าลูกชายของตนไม่ชอบสตรีแล้ว รู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เรื่องนี้ผู้ใดจะคาดคิดได้
ฉินอวิ๋นซินมองฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าไม่เป็นมิตร กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเรียกเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่” อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด นางเห็นสีหน้าของมู่หรงไป๋ตอนที่กลับมา ก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องยากพอตัว ทว่านางเชื่อว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องให้อภัยนางได้ อย่างไรแล้วคนที่ฮูหยินโปรดปรานที่สุดก็คือมู่หรงชูอวิ๋น เมื่อรักใครแล้วก็จะรักสิ่งหรือคนที่เกี่ยวข้องกับมู่หรงชูอวิ๋นด้วย
นางเดาไว้ไม่ผิด ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนที่เมื่อรักใครแล้วก็จะรักสิ่งหรือคนที่เกี่ยวข้องกับคนคนนั้นด้วย เพียงแต่ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่ายังโกรธอยู่เท่านั้น
“ไม่กล้ารับได้” มีรอยยิ้มเย้ยหยันวาบขึ้นที่มุมปาก ดวงตาหรี่ลงราวกับไม่อยากจะมองหน้านางแม้สักนิด
ฉินอวิ๋นซินรู้สึกขมขื่นใจ ดูท่านางคงจะคิดภาพสวยหรูเกินไป “ข้าขอโทษเจ้าค่ะ” ฉินอวิ๋นซินคุกเข่าลงกับพื้น นางไม่กล้าขอร้องฮูหยินผู้เฒ่าให้ยกโทษให้ อย่างไรแล้วตัวนางเองก็เป็นแม่ที่ไม่ดีจริงๆ
“คุณชายเจียง ท่านทำเช่นนี้เพื่อเหตุใด? พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทกัน ท่านทำเช่นนี้ไม่เท่ากับทอนอายุคนแก่อย่างข้าหรือ ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายปี” พลางสื่อความหมายให้เชียนเย่ช่วยประคองนางลุกขึ้นยืน
ฉินอวิ๋นซินนั่งติดกับพื้นทำอย่างไรก็ไม่ยอมลุกขึ้น “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าข้าทำไม่ถูก ไม่กล้าพอจะขอให้ท่านยกโทษให้ได้”
“เช่นนั้นเจ้ามาทำอันใด?”
ไม่ต้องการให้นางยกโทษให้ แล้วมาอยู่ให้ขวางตาเพื่อเหตุใด?
ฉินอวิ๋นซินตกตะลึง นางอยู่ตระกูลมู่หรงมาหลายปี ไม่เคยเห็นฮูหยินผู้เฒ่าจะใช้วาจาข่มตนถึงเพียงนี้ ใบหน้าของนางจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ ได้เห็นใบหน้าเย็นชาของฮูหยินผู้เฒ่าเช่นนี้ ทำหัวใจของนางเต้นรัวเหมือนตีกลองแล้ว
เชียนเย่ชักมุมปาก ดูท่าครั้งนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจะโกรธจริงแล้ว ครั้งล่าสุดที่เห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็เป็นเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่นางไปทวงความยุติธรรมให้กับมู่หรงชูอวิ๋นที่บ้านสกุลซู ทั้งไม่สนด้วยว่านั่นเป็นจวนของญาติพี่น้องที่เกี่ยวดองกัน ในสายตาของนางมีเพียงมู่หรงชูอวิ๋นคนเดียว เรื่องนี้ทำให้ซูซื่อตกใจจนไม่กล้ากลับบ้านเกิดนานถึงสองปี เพราะกลัวว่าฮูหยินจะเคืองโกรธ แล้วขับไล่สะใภ้อย่างนางออกจากจวน เชียนเย่ทำได้เพียงมองฉินอวิ๋นซินอย่างเห็นใจ นางไม่ได้ช่วยพูดแทนฉินอวิ๋นซินเพราะนางก็ไม่อาจเข้าใจ มีเรื่องอันใดที่ไม่อาจแก้ไขได้ถึงขั้นต้องแกล้งตายเช่นนี้ หากว่ามู่หรงจางนั่งอยู่ที่นี่ตอนนี้ด้วย แล้วฉินอวิ๋นซินเป็นชายล่ะก็ นางคิดว่าเขาคงจะซ้อมฉินอวิ๋นซินปางตายเป็นแน่ ตอนนั้นพวกเขารักและเอ็นดูฉินอวิ๋นซินมากเพียงใด ตอนนี้ก็เกลียดชังมากเพียงน้ัน
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้…”
“เช่นนั้นเจ้าหมายถึงเช่นไร? อีกอย่างอย่ามาเรียกข้าว่าท่านแม่ ข้าไม่มีลูกชายสกุลเจียง”
ฉินอวิ๋นซินหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกทำหน้าไม่ถูกแล้ว นางพบว่าไม่ว่าตนเองจะพูดอย่างไรล้วนผิดไปหมด ในตอนนั้นนางไม่ควรกลับไปจวนมู่หรงเสียจะดีกว่า มาถึงวันนี้จึงไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรดี
เชียนเย่ซ่อนรอยยิ้มที่มุมปาก นายหญิงไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ความสามารถลึกล้ำเช่นนี้ของฮูหยินผู้เฒ่า เก่งกาจมาตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อนแล้ว ไหนเลยที่ฉินอวิ๋นซินจะเทียบชั้นกับฮูหยินผู้เฒ่าได้ เรียกว่าคำพูดของนางนั้นพิฆาตคนทั้งเป็นได้เลย