เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 400 คู่หมั้น 2 / ตอนที่ 401 คู่หมั้น 3
ตอนที่ 400 คู่หมั้น 2
มู่หรงชูอวิ๋นผลักประตูห้องพักของฉินสุยเข้ามา ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยแว่วดังขึ้น และก็เสียงปลอบประโลมแผ่วเบาราวเสียงกระซิบของฮูหยินฉิน นางไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกคิดถึงอย่างมาก เจ็บปวดใจเหมือนกับมีคนมาขวักหัวใจของนางออกมา นางรู้สึกเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก กุมที่หัวใจด้วยความทรมาน เส้นด้ายของความเป็นห่วงกังวลเส้นหนึ่งได้ดึงให้นางขยับเท้าก้าวเข้าไปข้างในห้อง
ฮูหยินฉินที่อุ้มกุยอวิ๋นอยู่ได้หันหน้ากลับมากวาดตามอง พลันรู้สึกตกใจมากเมื่อได้เห็นมู่หรงชูอวิ๋นมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าอย่างกระทันหัน เกือบทำกุยอวิ๋นหลุดจากมือ ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกักเชิงตำหนิ “หุ้ยซิน เจ้ามาได้อย่างไร ไม่ให้คนมาแจ้งก่อนเล่า” ฝ่ามือของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ลนลานทำตัวไม่ถูก มือที่อุ้มกุยอวิ๋นอยู่พลันกระชับแน่นขึ้นอีก กุยอวิ๋นเดิมทีร้องไห้งอแงอยู่แล้วก็ยิ่งงอแงหนักเข้าไปอีก เบี่ยงหลบไปด้วยสัญชาตญาณอยู่หลายส่วน ฮูหยินฉินจึงไม่มีเวลามาสนใจมู่หรงชูอวิ๋น พยายามกล่อมกุยอวิ๋นอย่างสุดชีวิต
นางไม่รู้ว่าทางเผ่ามีแผนจะจัดการกับพวกนางอย่างไร แต่นางรู้ว่าไม่สามารถให้มู่หรงชูอวิ๋นพบหน้าเด็กคนนี้เป็นอันขาด เพราะกลัวว่านางจะจำเรื่องในอดีตขึ้นมาได้ อย่างไรแล้วหลังจากมีประกาศงานแต่งงานระหว่างมู่หรงชูอวิ๋นและฉินเจาเด็กที่นางเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต ก็ยิ่งไม่อาจให้มู่หรงชูอวิ๋นเห็นเด็กคนนี้อีก แม้ว่านางจะรู้สึกสงสารมู่หรงชูอวิ๋น แต่ก็ไม่อยากให้ฉินเจารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
ความจริงแล้วพวกเขาคิดมากเกินไป มู่หรงชูอวิ๋นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กคนนี้เป็นชายหรือหญิง นางก็หมดสติไปเสียก่อน เมื่อหมดสติไปแล้วสิ่งเดียวที่นางรับรู้ได้ก็คือเบาและความว่างเปล่าที่ท้อง คล้ายกับถูกปล่อยลมออกไป
มู่หรงชูอวิ๋นไม่ได้ตอบฮูหยินฉิน สายตาของนางติดตรึงอยู่ที่ร่างของกุยอวิ๋นเท่านั้น เขาร้องไห้โฮราวกับได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างมาก ร้องไห้งอแงจนใบหน้ารูปไข่และลำคอแดงไปหมด เสียงร้องของเขาไม่ดังคล้ายกับเสียงลูกไก่จิกเมล็ดข้าว ทว่าน้ำเสียงมีพลังเจาะทะลุ ได้ยินแล้วทำให้รู้สึกสงสารจับใจ “ท่านแม่ ให้ข้าอุ้มได้หรือไม่เจ้าคะ?” มือยื่นออกไปด้วยความอยากลอง ไม่รู้ว่าเพราะความตื่นเต้นหรือความหวาดกลัวทำให้มือของนางนั้นสั่นเทาอยู่หลายส่วน
แม้ว่าฮูหยินฉินจะกลัวว่ามู่หรงชูอวิ๋นจะจำเรื่องราวได้ ทว่าความโศกเศร้าที่ใจถวิลหาแต่ไม่อาจเข้าใกล้ของมู่หรงชูอวิ๋นนั้นได้ทำให้ฮูหยินฉินซาบซึ้งขึ้นมาในทันที นางเองก็เป็นมารดา แม้ว่าลูกของนางจะจากไปหลายปีแล้ว ทว่าวินาทีนั้นสมองของนางมีเพียงความว่างเปล่า ไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น จึงค่อยๆ ส่งกุยอวิ๋นที่กำลังร้องไห้งอแงให้ไปอยู่ในอ้อมแขนของมู่หรงชูอวิ๋น พลางกำชับอย่างไม่วางใจ “ระวังหน่อยนะ”
ไม่รู้เป็นเพราะสายใยของแม่และลูกหรือไม่ กุยอวิ๋นที่ร้องไห้งอแงพลันสงบลงไปในทันที ฮูหยินฉินถอนใจโล่งอก ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวลอยู่มาก
กุยอวิ๋นกระพริบดวงตาดำขลับที่ใสเป็นประกาย มองมู่หรงชูอวิ๋นอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ดูดนิ้วโป้งพลางพ่นฟองน้ำลายฟองใหญ่ หัวใจที่หดหู่หงอยเหงาของมู่หรงชูอวิ๋นพลันถูกเติมเต็ม ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกอยากร้องไห้ วินาทีนั้นที่กุยอวิ๋นมานอนอยู่ในอ้อมแขน หัวใจอันว่างเปล่าของนางคล้ายกับค้นพบทิศทาง ไม่ล่องลอยเคว้งคว้าง เรื่องที่เป็นกังวลทุกข์ใจทั้งหมดพลันถูกโยนทิ้งไปทันที ในสายตาของนางมีเพียงกุยอวิ๋นที่อยู่ในอ้อมอกคนเดียวเท่านั้น
สองนิ้วมือขวาลูบไล้ไปบนพวงแก้มอวบอ้วนของเขาอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าลูบแรงเกินไป พลางอุทานไปว่า “เด็กคนนี้น่ารักน่าชังเหลือเกิน เหมือนกับเทวดาตัวน้อยเลยเจ้าค่ะ พ่อแม่ของเขาจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ” นางเกิดความรู้สึกอิจฉาแม่ของเด็กคนนี้ขึ้นมา ถึงได้ให้กำเนิดเด็กที่น่ารักมากขนาดนี้ได้ ทั้งยังดูฉลาดเลี้ยงง่ายอีกด้วย
พลันอดคาดหวังไม่ได้ว่าลูกของนางในอนาคตจะน่ารักถึงเพียงนี้ได้หรือไม่ จะหน้าตาเหมือนกับตนเองหรือว่าจะเหมือน… แววตาของนางพลันหม่นลงไป
“อืม!” คำพูดไม่ได้ตั้งใจประโยคนี้ทำให้ฮูหยินฉินเบือนหน้าหลบไปอีกทาง นางพลันรู้สึกว่าตนเองทำบาปใหญ่หลวง เพราะพวกเขาได้พรากกุยอวิ๋นจากแม่และพ่อของเขา ริดลอนโอกาสการเป็นพ่อและแแม่ของพวกเขา จึงเบือนหน้าหลบไปเพราะไม่อยากให้มู่หรงชูอวิ๋นเห็นความรู้สึกผิดของนาง
ตอนที่ 401 คู่หมั้น 3
มู่หรงชูอวิ๋นอุ้มกุยอวิ๋น เล่นกับเขาอยู่นานก็ยังตัดใจวางไม่ลง ไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าเลยสักนิด ฮูหยินฉินเป็นห่วงว่ามู่หรงชูอวิ๋นจะเหนื่อย ให้นางวางเขาลงบนเปลแล้วค่อยเล่นกับเขา กุยอวิ๋นก็ไม่ได้ทำหน้าบึ้งเป็นผู้เฒ่าน้อยเหมือนแต่ก่อน มู่หรงชูอวิ๋นแตะปลายจมูกของเขาเล่น เอ่ยเรียกอย่างเอ็นดู “เด็กดื้อ” เขาก็ทำปากนูนหัวเราะเสียงดังอย่างให้ความร่วมมือ นิ้วทั้งห้ากำนิ้วชี้ของมู่หรงชูอวิ๋นไว้ในฝ่ามือน้อย คนทั้งสองเล่นกันอย่างมีความสุขที่สุด
ฮูหยินฉินรู้สึกอิจฉาอยู่เล็กน้อย ช่วงที่ผ่านมานี้นางดูแลกุยอวิ๋นด้วยความรักสุดหัวใจ ก็ยังไม่เคยเห็นเขายิ้มเริงร่าให้กับตนได้ถึงเพียงนี้ มีแต่เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็จะร้องไห้งอแง นางกล่อมเท่าไรก็ไม่ยอมหยุด มู่หรงชูอวิ๋นอุ้มเขาเพียงครู่ก็หยุดร้องไห้เลิกงอแงเสียแล้ว มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
ฉินเจาเข้ามาเห็นภาพเช่นนี้ พลันยืนนิ่งจ้องมองอยู่ที่เดิม เขายอมรับว่าวินาทีนี้มู่หรงชูอวิ๋นงดงามเป็นพิเศษ บนกายมีรัศมีที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าอ่อนโยนและสง่างามประกายรอยยิ้มจางๆ ดวงตาโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์ ราวกับรัศมีแห่งจิตวิญญาณได้พรั่งพรูออกมา เป็นการแสดงออกระหว่างความกังวลและความสุข ทำให้ต้องสะดุดรัศมีความงดงามและมีเสน่ห์จนอดอุทานไม่ได้ นี่เป็นผู้หญิงที่เขาชอบ และเป็นผู้หญิงของเขาด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่ายืนเอาฝ่ามือถูกันไปมาอยู่ด้านข้าง ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี “เจาเอ๋อร์ เจ้ามาแล้วหรือ” มีมู่หรงชูอวิ๋นมาคนหนึ่งก็พอแล้ว ตอนนี้ยังจะมีฉินเจาเข้ามาอีกคน
ปกติแม้ว่าฉินเจาจะไม่ได้พูดว่ารู้สึกเช่นไรกับกุยอวิ๋น แต่นางก็มองออกว่าเขาไม่ค่อยชอบกุยอวิ๋นเท่าไรนัก แต่สายตาแฝงไปด้วยความรักที่เขามีให้มู่หรงชูอวิ๋น ต่อให้จะซ่อนเร้นอย่างไรก็ดูออกได้ไม่ยาก
มู่หรงชูอวิ๋นได้ยินเสียง ก็หันหน้าไปมองเขาทีหนึ่ง แล้วก็หันกลับมาสนใจกุยอวิ๋นเช่นเดิม
“ไม่เป็นไรขอรับ ข้ามาเยี่ยมอาจารย์หญิงเท่านั้น” วันนี้เขาไปหามู่หรงชูอวิ๋น รออยู่นานก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง ทราบข่าวจากสาวใช้ที่คอยดูแลมู่หรงชูอวิ๋นว่านางมาที่นี่ เขาจึงตามมา
ภายใต้สายตาเป็นกังวลของฮูหยินฉิน ฉินเจาค่อยๆ เดินเข้ามาหามู่หรงชูอวิ๋น แล้วหยุดนิ่งอยู่ข้างกายนาง “เจ้าชอบเด็กใช่หรือไม่?”
“อืม!” น้ำเสียงของนางไพเราะดั่งน้ำพุในฤดูใบไม้ผลิ แทรกซึมเข้าไปถึงด้านในจิตใจ
“ถึงเวลาเจ้าต้องกล่อมให้ดีนะ”
มู่หรงชูอวิ๋นกระพริบตามองไปทางเขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าคำพูดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของเขาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
ฮูหยินฉินเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ขัดแย้งกัน ดูเข้ากันได้ราวกับสองสามีภรรยากำลังเล่นกับลูกน้อยแสนซน พลันรู้สึกว่าตนเองอยู่เป็นก้างขวางคอ จึงกวักมือเรียกให้ทุกคนตามนางออกไป หลีกทางให้เด็กทั้งสองคนได้มีโอกาสสานความสัมพันธ์ นางเห็นฉินเจามาตั้งแต่ยังเด็ก ย่อมต้องมองออกถึงความรู้สึกของเขา ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่รู้สึกไม่รังเกียจที่มู่หรงชูอวิ๋นเคยแต่งงานและมีลูกมาก่อนแน่ ฉินเจาเป็นโรครักความสะอาดมาก เขาไม่เคยใช้จานร่วมกับใคร นับประสาอะไรกับผู้หญิงที่เคยผ่านผู้ชายมาแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นมีดวงตาเปล่งประกายแวววาว สุกใสแพรวพราวดั่งดวงดารา ฉินเจาไม่สนใจความรู้สึกต่อต้านของมู่หรงชูอวิ๋น แตะปลายจมูกของนาง “ก็หมายความอย่างนั้นแหละ ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะเข้าใจความหมายเอง” ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
มู่หรงชูอวิ๋นยังไม่ทันได้คิดอย่างลึกซึ้ง ก็รู้สึกชาไปทั้งหนังศีรษะ เพราะถูกกุยอวิ๋นดึงเส้นผมให้กลับมา กุยอวิ๋นเห็นว่าคนที่เล่นอยู่กับตนเอง ไม่ได้มองเขาเลย จึงทำหน้าไม่พอใจ คิ้วเล็กๆ ของเขาขมวดย่นราวกับผู้เฒ่าน้อย พลันดึงเส้นผมที่ตกลงมาอยู่ที่มือน้อยของเขาอย่างออกแรง
เมื่อเห็นว่ามู่หรงชูอวิ๋นหันสายตากลับมาที่ตนเองอีกครั้ง เขาถึงพอใจหัวเราะอารมณ์ดีออกมาอีกครั้ง ไม่มีพิษภัยใดๆ หากไม่ใช่เพราะรู้เรื่องที่เขาก่อไว้เมื่อครู่ นางคงจะรู้สึกว่าโดนอะไรทำให้หลงใหลถึงเพียงนี้เป็นแน่
“ซนนักนะ”
นางบีบจมูกเล็กจิ๋วของเขาอย่างเอ็นดู พลางรู้สึกจนปัญญาอย่างที่สุด