เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 406 พบหน้า 3 / ตอนที่ 407 พบหน้า 4
ตอนที่ 406 พบหน้า3
ท้องฟ้าค่ำลงแล้ว มู่หรงชูอวิ๋นจึงค่อยเดินกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน ปกติเวลาที่นางรู้สึกเบื่อก็จะมาเล่นอยู่ที่นี่
ทันใดนั้นสัมผัสอันอบอุ่นจากทางด้านหลังค่อยๆ ห้อมล้อมเข้ามา มู่หรงชูอวิ๋นเบี่ยงหลบไปด้านข้างด้วยความตื่นตกใจ ทว่ามือข้างหนึ่งได้จับนางเอาไว้แน่น เพียงครู่เดียวก็ดึงนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอันเร้าร้อน นางสัมผัสได้ถึงแผงอกอันร้อนผ่าวภายใต้เสื้อผ้า และหัวใจที่เต้นอย่างเป็นระเบียบ “อวิ๋นเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัวนะ” น้ำเสียงของเขาแว่วดังที่ข้างหู ทุกถ้อยคำที่ออกมาจากริมฝีปากบางของเขา เป็นน้ำเสียงที่ค่อนข้างแหบพร่า แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่อธิบายไม่ถูก มู่หรงชูอวิ๋นไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ความหวาดกลัวเมื่อครู่พลันมลายหายไปจนสิ้น เหลือไว้เพียงความสงสัย
กลิ่นกายแปลกหน้าทว่ากลับคุ้นเคยลอยเข้ามา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “เจ้าเป็นใคร?”
เฟิงหลีเลี่ยเม้มริมฝีปากกระซิบแนบชิดข้างใบหูของมู่หรงชูอวิ๋น “เจ้าของบทเพลง” หากทำได้เขาก็อยากจะบอกนางอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ ข้าคือสามีของเจ้า คนที่ไหว้ฟ้าดินร่วมกับเจ้า เป็นสามีที่ได้รับคำอวยพรจากทุกคน อีกทั้งเป็นบิดาของลูกน้อยของเราทั้งสอง
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าตอนที่เขาได้ยินมู่หรงชูอวิ๋นเป่าขลุ่ยบรรเลงบทเพลงนั้น ความรู้สึกในใจของเขาซับซ้อนเพียงใด นั่นคือบทเพลงที่เขาสอนให้กับมู่หรงชูอวิ๋น สำหรับคนอื่นแล้วจะเป็นเสียงรบกวนเมื่อได้ฟัง มีเพียงพวกเขาถึงจะเข้าใจความลับข้างในนั้น แม้ว่ามู่หรงชูอวิ๋นจะลืมเขา แต่ก็ยังจำบทเพลงนี้ได้ เป็นการบอกกล่าวที่เขาพอใจมากแล้ว พลิกข้อมือของมู่หรงชูอวิ๋นส่องสะท้อนใต้แสงจันทราอันบริสุทธิ์ แท้จริงแล้วก็ได้เห็นด้ายแดงอยู่รำไรอย่างชัดเจน
กลิ่นไอร้อนชื้นส่งผ่านมาที่ลำคอของมู่หรงชูอวิ๋น ร่างกายของนางพลันแข็งทื่อ รอกระทั่งนางได้สติขึ้นมาก็รีบขยับตัวอย่างไม่สบายใจ พวงแก้มแดงระเรื่ออย่างไม่ต้องสงสัย บัดนี้กลับถูกคนแปลกหน้าคนนี้กักขังเอาไว้ในอ้อมแขน หัวใจยังเต้นรัวอย่างไม่ปกติ
“หากข้าไม่ยอมปล่อยล่ะ?” เฟิงหลีเลี่ยเอ่ยเสียงหายใจเสน่ห์ร้าย กวาดไปทั้งใบหน้าของนาง คำพูดสุดท้ายเขาตั้งใจลากเสียงยาว ดุจดั่งสุราอาบยาพิษร้ายแรง เมาทันทีเมื่อได้ดื่ม ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะให้เขาปล่อยนาง ต่อให้ฟ้าจะถล่มดินจะทลายก็ตามที
มู่หรงชูอวิ๋นโมโหร้อนใจกับคำพูดของเขา แต่ก็ไม่กล้าหันหน้ากลับไปมองท่าทีของเขา “เช่น…เช่นนั้นข้า…จะเรียกคนเข้ามาแล้ว” มู่หรงชูอวิ๋นกล่าวออกไปอย่างทุ่มสุดตัว
“ตะโกนสิ”
มู่หรงชูอวิ๋นตะลึงถลึงตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เหตุใดถึงได้รู้สึกว่าเหมือนละครที่หญิงสาวมีชาติตระกูลถูกคนพาลข่มขู่ที่นางได้ฟังเมื่อไม่นานมานี้ ในตอนนั้นนางยังถอนหายใจว่าคนเล่าเรื่องนั้นคุยโม้เสียเหลือเกิน ไม่ใช่เพราะคนที่เล่าเรื่องนั้นมีความสามารถรู้เท่าทันการณ์ นางก็คือหญิงสาวมีชาติตระกูลที่ถูกรังแก ทันใดนั้นขนแขนของนางก็ลุกพองขึ้นมา
“จอมยุทธ์ท่านนี้ต้องการสิ่งใด หรือปรารถนาสิ่งใด? โปรดบอกข้ามาเถิด บิดาของข้าเป็นหัวหน้าชนเผ่า เขาให้ท่านได้ทุกอย่าง ให้เป็นวัวเป็นม้าเขาล้วนยินยอม” อย่างไรเสียพ่อของนางก็มีนางเป็นลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียว จะต้องช่วยชีวิตและปกป้องนางอย่างแน่นอน
ปลายนิ้วอวบอิ่มของเฟิงหลีเลี่ยลูบไล้ด้วยความคิดถึงไปบนใบหน้าละเอียดประณีตของมู่หรงชูอวิ๋น “สิ่งที่ข้าปรารถนา เขาได้นำไปซ่อนเสียแล้ว บัดนี้ยังไม่ยอมคืนให้กับข้า”
ในชีวิตของเขามีสมบัติล่ำค่าที่สุดสองชิ้นล้วนต่างถูกขโมยไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนกับการได้สัมผัสลูบไล้บนใบหน้ารูปไข่ของมู่หรงชูอวิ๋นเป็นเรื่องของเมื่อชาติที่แล้ว จึงได้บรรจงลูบสัมผัสใบหน้าของนางอย่างเบามือ
มู่หรงชูอวิ๋นผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อทำการตกลงกับเขา “ท่านพ่อเป็นผู้ขโมยหาใช่ข้าไม่ ท่านไปทวงกับเขาไม่ดีกว่าหรือ?” เหตุใดจึงกระทำการณ์ที่ไร้เหตุผลเช่นนี้
“ไม่ดี บิดาติดค้างบุตรสาวชดใช้ คือสัจธรรมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”
ตอนที่ 407 พบหน้า4
มู่หรงชูอวิ๋นร้อนใจจนอยากจะร้องไห้ “ท่านจอมยุทธ์ ข้าเป็นเพียงสาวน้อย ไม่มีเงินทองของมีค่าใด หน้าตาก็ไม่น่ามอง ท่านคงไม่ขืนใจหรอกนะ” หากเป็นสถานการณ์ที่ปลอดภัยมู่หรงชูอวิ๋นไม่มีทางพูดเช่นนี้แน่ จะต้องบอกว่าตนนั้นงามชนะไซซี[1] สวยเกินเตียวเสี้ยน[2] บัดนี้เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ให้ได้ เรื่องอื่นๆ ก็เป็นเหมือนเมฆที่เลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ ยิ่งบอกว่านางอัปลักษณ์เขาอาจจะปล่อยตนไปก็เป็นได้ ทว่าน่าเสียดายว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของมู่หรงชูอวิ๋น
“น่ามอง”
ในโลกนี้นอกจากนางแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดน่ามองอีกแล้ว และก็มีเพียงนางที่บุกเข้ามาในประตูบานใหญ่ของหัวใจเขา นานแล้วไม่จากไปไหน และเขาก็ได้ลงกลอนสนิทกังขังตัดใจให้มันจากไปไม่ได้เสียที
มู่หรงชูอวิ๋นอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา นางรู้สึกซาบซึ้งมากที่สายตาของเขาแตกต่างไปจากนาง เพราะนางก็รู้สึกว่าตนเองดูดีมากเช่นกัน เหตุใดจึงรู้สึกว่าจอมยุทธ์ท่านนี้ตั้งใจมาข่มเหง กลั่นแกล้งความรู้สึกของนาง
มู่เยี่ยนที่หลบอยู่ด้านข้างรู้สึกเห็นใจอย่างสุดซึ้งต่อพระชายาที่กำลังถูกกลั่นแกล้ง เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่านายท่านของเขานั้นร้ายกาจถึงเพียงนั้น ดูคล้ายกับราชาชั่วร้ายเป็นพิเศษ แม้แต่ภรรยาของตัวเองก็ไม่เว้น เขาอยู่ไกลๆ ยังสัมผัสได้ว่ามู่หรงชูอวิ๋นจะร้องไห้แล้ว
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”
ดวงตาหงส์อันเรียวยาวของเฟิงหลีเลี่ยกวาดมองไปยังมู่เยี่ยนที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นกระชับแนบชิดกับลำคอขาวใสไร้ตำหนิของมู่หรงชูอวิ๋นเข้าไปอีก น้ำเสียงชัดเจนดังเข้าหูของคนทั้งสอง เขาสัมผัสได้ว่าร่างกายของมู่หรงชูอวิ๋นแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ จึงหยักยิ้มมุมปากอย่างพอใจ “คิดถึงเจ้า” บัดนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ทำได้เพียงรอ อนาคตนั้นยังอีกยาวไกล
ไม่ใช่เพราะมีหนอนกู่คะนึงหา[3]หรือ เขาไม่เชื่อว่าจะทำไม่สำเร็จ เดิมทีฉินสุยหลังจากได้ยินเหตุการณ์ที่มู่หรงชูอวิ๋นปวดร้าวใจเมื่อได้ยินชื่อ “เฟิงหลีเลี่ย” สามคำนี้ จึงได้ปรึกษากับบรรดาท่านอาวุโส ตัดสินใจใส่หนอนกู่คะนึงหาให้มู่หรงชูอวิ๋นอีก
หนอนกู่คะนึงหาที่เรียกกันนี้เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษสกุลฉินคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้พวกเขาจดจำตนได้อย่างลึกซึ้ง ขอเพียงใส่ลงไปบนกายของคนสองคนที่รักกัน เช่นนั้นพวกเขาก็จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต มีเพียงความตายที่จะพรากพวกเขาไปจากกันได้ แต่หากว่าลงบนกายของคนที่ไม่รักกัน พวกเขาก็จะค่อยๆ บังเกิดความรักซึ่งกันและกัน หากไม่ใช่เพราะฉินเจาได้เห็นปฏิกิริยานี้ของมู่หรงชูอวิ๋น เขาไม่มีทางยินยอมแน่นอน ในวันนั้นเขาไม่แน่ใจว่าเสน่ห์ของตัวเองจะดึงรั้งมู่หรงชูอวิ๋นไว้ได้หรือไม่
เฟิงหลีเลี่ยพูดจบไม่รอให้มู่หรงชูอวิ๋นได้สติกลับมา ก็หายตัวไปไม่เหลือแม้เพียงเงา มู่หรงชูอวิ๋นใช้มือลูบลำคออันเปียกชื้นอย่างงุนงง จมูกยังได้กลิ่นหอมจางๆ เพื่อเน้นยำ้ว่าเมื่อครู่นางไม่ได้ฝันไป นางถูกกลั่นแกล้งจริงๆ ทั้งยังจูบลำคอบริเวณที่ซ่อนเร้นของนางเช่นนั้นอีก
ฉินเจารีบเข้ามาเห็นมู่หรงชูอวิ๋นยืนเอามือจับลำคอด้วยอาการอึ้งตะลึง ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน พลันถอนใจโล่งอก เอ่ยเชิงตำหนิ “ค่ำมืดแล้วเหตุใดยังไม่กลับไป?” ทำเอาคนเกือบทั้งชนเผ่าต่างตื่นตระหนกกันไปหมด ท่านอาวุโสรองก็ยังมาถูกท่านอาวุโสใหญ่ตำหนิอีก รู้สึกว่าการกระทำของเขาในวันนี้ออกจะเกินเหตุทำให้มู่หรงชูอวิ๋นหายตัวไป ท่านอาวุโสรองรู้สึกน้อยใจไม่รู้ควรไประบายที่ใด เมื่อก่อนท่านอาวุโสใหญ่มีแต่จะเอ่ยชมเขา บัดนี้กับปฏิบัติต่างไปราวฟ้ากับเหว
หากไม่ใช่เพราะฉินเจามาพูดคุยกับเขา คงไม่อาจทราบเรื่องได้ ปกติมู่หรงชูอวิ๋นจะกลับมาเร็ว จึงเข้าใจว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ฉินเจาจึงได้รีบตามมาอย่างร้อนใจเช่นนี้
มู่หรงชูอวิ๋นได้ยินเสียงของเขา คล้ายกับตื่นขึ้นมาจากภวังค์ พลางส่ายหน้าตอบ “ข้าไม่เป็นอันใด” ไม่รู้ว่าเหตุใด แต่นางไม่อยากบอกเรื่องนี้กับฉินเจาว่าเมื่อครู่นางโดนแทะโลม ไม่ใช่เพราะกลัวฉินเจาจะรังเกียจนาง แต่เพราะเป็นห่วงคนที่แทะโลมนางจะถูกจับตัวได้ เห็นชัดว่าเมื่อครู่นางโมโหเขามาก แต่บัดนี้กลับช่วยเขาปิดบัง มู่หรงชูอวิ๋นรู้สึกดูถูกตัวเองอย่างมาก ก็แค่เสียงของคนผู้นั้นไพเราะ กลิ่นกายหอมก็เท่านั้นไม่ใช่หรือ
[1] ไซซี คือหนึ่งในสี่สุดยอดหญิงงามของจีน
[2] เตียวเสี้ยน คือหนึ่งในสี่สุดยอดหญิงงามของจีน
[3] หนอนกู่คะนึงหา คือ สัตว์ที่ผ่านพิธีกรรมของชนเผ่าในจีน เป็นไสวยเวทย์ดำอันน่ากลัว