เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 408 พี่รองคือใคร1 / ตอนที่ 409 พี่รองคือใคร2
ตอนที่ 408 พี่รองคือใคร1
หลังจากมู่หรงชูอวิ๋นกลับไป ตกกลางคืนก็ฝันถึงความฝันหนึ่ง ท่ามกลางม่านหมอกเคลื่อนคล้อย มีชายหนุ่มรูปร่างสง่างาม ผมยาวสยายในชุดสีขาวนั่งอยู่ในป่าไผ่ สิบนิ้วดิีดอยู่บนสายพิณไม่หยุด เสียงพิณใสไพเราะดังก้อง ทว่าต่อให้นางจะแหวกม่านหมอกเหล่านั้นอย่างไร ก็ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจนเสียที แม้ว่านางจะมองเห็นไม่ชัด แต่ก็มั่นใจได้ว่าเขาต้องรูปงามมากเป็นแน่ อีกหลายวันต่อมานางก็ยังคงฝันเห็นความฝันเดิมเช่นนี้อยู่ ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงนวดศีรษะที่ปวดอยู่เบาๆ
สาวใช้ที่คอยดูแลนางรีบเข้ามาเอ่ยถาม “ธิดาเทพ วันนี้ไม่ต้องไปเรียนกับท่านอาวุโสรอง เหตุใดไม่หลับพักผ่อนอีกหน่อยเจ้าคะ?” ปกติมู่หรงชูอวิ๋นนอนถึงช่วงตะวันสายโด่งก็ยังไม่ยอมจะลุกขึ้นมา ทุกครั้งนางจะต้องเข้าไปปลุกเรียก แต่ช่วงนี้มู่หรงชูอวิ๋นตื่นเช้าช่างเป็นอะไรที่เกินคาดหมายเหลือเกิน
มู่หรงชูอวิ๋นรู้สึกเวียนหัว โบกมือปฏิเสธ นางก็อยากจะนอนต่อ ทว่าตั้งแต่คืนนั้นที่นางได้พบกับคนผู้นั้น อย่าว่าแต่ให้นางนอนพักมากกว่านี้เลย แม้แต่การนอนหลับปกติก็ยังไม่พออย่างรุนแรง ทุกวันนางได้แต่หาวฟอดใหญ่ ไม่ต้องบอกว่าท่านอาวุโสรองจะรังเกียจนาง เพราะแม้แต่นางก็ยังรังเกียจตัวเอง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่านอาวุโสรองใจดีพบเห็น ช่วงนี้จึงอนุญาตให้นางหยุดพักผ่อนได้
“ธิดาเทพ คุณชายมารอท่านอยู่ด้านนอกสักพักแล้ว แจ้งว่าจะพาท่่านออกไปเดินเล่นเจ้าค่ะ”
พวกนางต่างอิจฉาที่คุณชายชอบธิดาเทพถึงเพียงนี้ มารอตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อได้ยินว่าธิดาเทพยังไม่ตื่นก็นั่งรออยู่ด้านข้าง ดื่มชาหมดไปสามแก้วแล้วก็ยังไม่มีวี่แววความหงุดหงิดรำคาญแม้แต่นิด หากมีชายใดมาปฏิบัติกับนางเช่นนี้ ให้ตายเร็วหลายปีพวกนางก็ยอม
มู่หรงชูอวิ๋นใบหน้าบูดบึ้ง ที่นี่คือหุบเขา ทุกฤดูกาลเขียวสดชื่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ไม่ต้องพูดถึงการเดินเล่นเลย มีที่ไหนบ้างที่ไม่ใช่สีเขียวชะอุ่ม มองไปทั่วทั้งผืนเขาท้องทุ่งล้วนเป็นสีเขียวไม่เห็นมีอะไรน่ามอง ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรแตกต่าง นางเห็นจนเบื่อเสียแล้ว หากว่ามีสีสันอื่นบ้าง เติมสีขาวให้นางเสียหน่อย เหยียบบนปุยหิมะชมดอกเหมยคงจะดีมากเลย เหมือนกับภาพในความฝันนั้น นางยังรู้สึกอิจฉาผู้หญิงในความฝันของนาง ไม่ว่านางจะเที่ยวเล่นไปที่ใด มักจะมีมือคู่หนึ่งคอยช่วยประคองเวลาที่นางเกือบจะหกล้มเสมอ เมื่อใดที่นางซุกซน คนผู้นั้นก็ไม่เคยตำหนิใดๆ เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู แม้ว่าฉินเจาจะดีกับนางมาก แต่นางไม่มีความรู้สึกเขินจนหน้าแดงหูแดง ใจเต้นรุนแรงเช่นนั้น นางนั้นแอบรู้สึกผิดเหมือนว่าตัวเองกำลังนอกใจฉินเจา
ฉินเจาเงยหน้าขึ้นมาเห็นมู่หรงชูอวิ๋นที่มีผิวพรรณขาวใสดั่งหิมะ ดวงตาประกายใสดั่งแอ่งน้ำใส ชวนน่าหลงใหลเป็นที่สุด มีความงดงามดูสูงศักดิ์เป็นเสน่ห์ของตัวเอง ทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจดั่งมองภาพวาด ไม่กล้าดูหมิ่น ทว่าได้เห็นขอบตาดำคล้ำ เห็นว่านางเอามือปิดปากหาวฟอดอยู่หลายครั้ง
จึงลุกขึ้นยืนเอ่ยอย่างสงสาร “เมื่อคืนนอนไม่หลับเช่นนั้นหรือ?” เขาไม่รู้ว่าช่วงนี้มู่หรงชูอวิ๋นมีเรื่องกังวลใจใด ทุกวันจึงดูอ่อนแรงเหนื่อยหอบ สภาพซีดเซียวลงไปไม่น้อย แม้แต่เวลาเดินยังไม่มีพลัง ในตอนแรกเขาคิดว่ามู่หรงชูอวิ๋นจำเรื่องราวในอดีตได้แล้ว จึงลองทดสอบนางอยู่หลายครั้ง และพบว่าตนเองคิดมากเกินไป ถึงได้ถอนใจโล่งอก ทว่าหมอกู่ได้ตรวจร่างกายให้นางก็ไม่อาจหาสาเหตุได้ ทำได้เพียงสั่งให้นางพักผ่อนมากๆ
“อย่าได้พูดถึงเลย” มู่หรงชูอวิ๋นรู้สึกหงุดหงิด ขมวดคิ้วย่นอยู่บ้าง แทบอยากจะชกชายหนุ่มในคืนนั้นแรงๆ สักที ต้องโทษที่คนรูปงามอย่างเขาเข้ามากลั่นแกล้ง แทะโลมนาง คิดๆ แล้วก็โมโหยิ่งนัก ต้องโทษที่นางหน้าตาสะสวยดั่งบุปผา ทรวดทรงงดงามอ่อนช้อย แม้มองในที่มืดไร้แสงไฟก็ยังเห็นความงามของนางได้ เจ้าโจรตัณหากลับ อย่าให้นางได้รู้ว่าเป็นผู้ใด ไม่เช่นนั้นจะต้องอัดเขาปางตายเป็นแน่แท้
เฟิงหลีเลี่ยที่อยู่ห่างไปไม่ไกลย่นจมูกอย่างรู้สึกไม่ค่อยสบาย
“พวกเรายกเลิกวันนี้ไปก่อนดีหรือไม่ ให้เจ้าได้พักผ่อนเสียหน่อย”
“ช่างเถิด อย่างไรก็นอนไม่หลับ” ไม่แน่ว่าหากไปเดินเล่นอาจจะอารมณ์ดีขึ้นบ้างก็เป็นได้
ตอนที่ 409 พี่รองคือใคร2
มองดูใบไม้สีเขียวสดชื่น ภายใต้แสงอาทิตย์สีทองระยิบระยับ
มู่หรงชูอวิ๋นสูดอากาศเข้าเต็มปอด “ที่นี่สวยงามมากเลย เจ้าว่าเหตุใดท่านพ่อของข้าจึงคิดไม่ได้ ยอมทิ้งตำแหน่งแม่ทัพอันทรงเกียรติ มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตพื้นที่ทุรกันดารเช่นนี้”
ฉินเจาตัวชาแข็งทื่อหันหน้ามา ร่างกายหนาวเย็นเสียดกระดูก ฝ่ามือกำชายแขนเสื้อไว้แน่น เอ่ยถามเสียงเรียบสงบ “หุ้ยซิน เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอันใดนะ?”
“หืม? ข้าพูดว่าท่านพ่อเมื่อก่อนเป็นท่านแม่ทัพไม่ใช่หรือ?” มู่หรงชูอวิ๋นมองเขาด้วยแววตาฉงนใจ ราวกับได้ยินเรื่องอะไรที่คาดไม่ถึง “ข้าจำได้ว่าท่านพ่อสวมชุดเกราะสีขาว ดูน่าเกรงขามเป็นที่สุด ในตอนนั้นพี่รองยังอิจฉาเขาอย่างมาก เอ่ยอย่างปวดร้าวใจว่าตนจะต้องเป็นแม่ทัพกล้าหาญเกรียงไกรให้ได้…ช้าก่อน…” มู่หรงชูอวิ๋นเอามือกุมศีรษะปวด “พี่รองคือใครกัน?” นางรู้สึกปวดศีรษะอย่างมาก ทว่าก็นึกไม่ออก
ฉินเจารีบช่วยประคองมู่หรงชูอวิ๋น “เจ้าคงจะจำผิดแล้ว”
“ไม่ผิด ข้าจำได้ชัดเจน…”
ฉินเจาทัดเส้นผมของนางที่ปลิวตามลมเก็บไปที่หลังใบหูให้นาง เอ่ยพูดอย่างเก็บอาการได้เป็นปกติ “หุ้ยซิน ตอนเด็กเจ้าชอบเรียกข้าว่าพี่รอง ต่อมาเจ้ารู้สึกว่าไม่ค่อยดี ด้วยสถานะของพวกเราแล้ว จึงเปลี่ยนมาเรียกชื่อข้า”
“จริงหรือ? พี่รอง” มู่หรงชูอวิ๋นมองนัยน์ตาของเขาด้วยความสงสัยไม่เชื่อใจ อยากจะค้นหาว่าข้างในนั้นคืออะไรกันแน่ ทว่าในดวงตาสุกใสกลับมองไม่เห็นสิ่งใดเลย เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าหากตนเองเรียกเขาว่าพี่รองจริง ถึงได้รู้สึกแปลกหน้าเช่นนั้น ไม่ได้รู้สึกสนิทสนมเหมือนกับความรู้สึกที่เรียกออกไปเมื่อครู่ นางจึงส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรุนแรง
ฉินเจาชะงัก คิดไม่ถึงว่านางจะพูดออกมาตรงๆ เช่นนี้ “ทรมานก็อย่านึกอีกเลย พวกเรายังคงอยู่ด้วยกัน เรื่องในอดีตไม่สำคัญ หวงแหนปัจจุบันจึงเป็นสิ่งสำคัญ”
มู่เยี่ยนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างรู้สึกนับถือฉินเจาจากใจจริง พูดปดออกมาได้โดยไม่ต้องร่างถ้อยคำ มีไหวพริบการแสดงอยู่เต็มอก แม้จะหลับตาก็ยังพูดเท็จออกมาได้หน้าตาเฉย ไม่รู้ว่าหากมู่หรงมู่มาได้ยินจะรู้สึกอย่างไร แม้แต่ชื่อของเขาก็ยังถูกคนหน้าด้านสวมรอยได้ คิดแล้วเขาคงจะโมโหจนร้องไห้ตายกระมัง ตนจำได้ก่อนออกเดินทางมาที่นี่ คำพูดของมู่หรงมู่ที่พูดไว้กับนายท่านดุดันนักเลงเพียงใด
“หากท่านไม่อาจพาอวิ๋นเอ๋อร์กลับมาได้อย่างปลอดภัย จงรีบแจ้งข่าวให้ข้าทราบโดยเร็ว ข้าจะยกกองทัพไปหาพวกเขา ทำให้พวกเขาได้เห็นว่าการรังแกเป็นเช่นไร” เขาเพิ่งจะทราบข่าวเรื่องที่มู่หรงชูอวิ๋นถูกพาตัวไปหลังกลับมาจากศึกเมืองหลวงแล้ว แม้แต่หน้าของหลานชายตัวน้อยเขาก็ยังไม่ทันได้เห็น โกรธจนเกือบจะยกทัพบุกไปฆ่าเสียให้รู้แล้วรู้รอด
มู่หรงชูอวิ๋นตบศีรษะของตัวเองอย่างแรง “อืม! ข้าคงจะคิดมากเกินไปจริงๆ” นางมักจะนึกถึงเรื่องแปลกประหลาดอยู่บ่อยครั้ง ทว่าทุกครั้งที่พูดออกไป ทุกคนต่างบอกกับนางว่านั่นไม่ใช่ความจริง แต่นางกลับรู้สึกคุ้นเคยราวกับเป็นเรื่องในชีวิตที่ผ่านมา เหมือนกับว่าพวกเขาเคยมีชีวิตอยู่รอบกายของนางจริงๆ
หากมีโอกาสนางก็อยากจะรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ และยังมีผู้หญิงที่คอยนำยามาให้ตนผู้นั้นอีกคน เหตุใดเวลาที่นางเห็นหน้าของตนแล้ว นัยน์ตามักจะประกายความทุกข์ใจออกมาเสมอ เอ่ยถามทีไรนางก็มักจะตอบว่าเป็นเพราะทรายปลิวเข้าตา
มู่หรงชูอวิ๋นรู้ว่าท่านพ่อและคนอื่นๆ มีบางอย่างปิดบังนางอยู่ นางอยากรู้เหลือเกินว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ที่ทำให้ทุกคนสามารถปิดบังนางอยู่เช่นนี้ นางยังจำได้ว่าวันนั้นที่นางตื่นขึ้นมาแล้วลืมอะไรไปบางเรื่อง ทว่ามีเสียงของเด็กร้องไห้ติดอยู่ในหัวของนาง ทุกคนต่างก็บอกว่านั่นเป็นเพียงภาพลวงตา นางคิดมากไปเอง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองควรเชื่อใครดี ใครกันที่จะไม่โกหกนาง แม้แต่ฉินเจาผู้เป็นคู่หมั้นของนาง ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณเมื่อครู่มีอะไรปกปิดนางอยู่ แม้ว่าจะปกปิดได้เป็นอย่างดี แต่นางก็ยังสัมผัสได้อยู่ดี
“นายท่าน เหมือนว่าพระชายาจะนึกขึ้นได้แล้ว พวกเราเข้าไปบอกความจริงกับพระนางเลยดีหรือไม่ขอรับ?” หลบซ่อนตัวอยู่เช่นนี้มาหลายวันแล้ว เขารู้สึกทรมานจะตายอยู่แล้ว โดยเฉพาะเวลาที่ได้เห็นคนผู้นั้นล่วงเกินพระชายาอย่างเปิดเผยเช่นนี้
เฟิงหลีเลี่ยมองไปยังตำแหน่งที่มู่หรงชูอวิ๋นยืนอยู่เมื่อครู่ ก็โบกมือห้ามไว้ ตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะเวลาที่เหมาะสม เขาต้องการให้มู่หรงชูอวิ๋นคิดออกจากใจเองว่าเขาคือใคร เมื่อครู่ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขารู้สึกอิจฉามู่หรงมู่มากเพียงใด ที่ทำให้นางเรียกชื่อของเขาออกมาได้จากสัญชาตญาณเช่นนี้