เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 414 ถูกวางยา / ตอนที่ 415 งานแต่ง1
ตอนที่ 414 ถูกวางยา
หมอกู่รู้สึกผิดอยู่ในใจมาโดยตลอด หากตนไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉินอวิ๋นลั่วคงไม่ได้พบกับผู้ชายคนนั้น และคงไม่ต้องมาด่วนจากไปทั้งที่ยังอายุน้อยเช่นนั้น เพียงครู่เดียวก็เป็นการทำลายชีวิตคนทั้งสองไปเสียแล้ว เรื่องนี้ทำให้หมอกู่ผู้ที่ช่วยชีวิตคนมาทั้งชีวิตยากจะยอมรับได้ เงาร่างการจากไปของนางยังติดตรึงอยู่ในใจของหมอกู่ เมื่อใดที่ไม่ได้นึกถึงลูบคลำที่หัวใจจะรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม เมื่อใดที่นึกถึงจะรู้สึกเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เขาเป็นหมอผู้มีความรู้ทางวิชาแพทย์ขั้นสูง แต่ไม่อาจช่วยหายารักษาได้
บริเวณสถานที่ที่ฉินอวิ๋นซินเสียชีวิต กลายเป็นสถานที่ต้องห้ามของตระกูลฉิน ไม่มีผู้ใดกล้าย่างกายเข้าไป เพราะกลัวจะไปรับสิ่งไม่ดีเข้าตัว บัดนี้สถานที่แห่งนั้นได้กลายเป็นที่พักของเฟิงหลีเลี่ยและพรรคพวก หมอกู่รู้ดีว่าคนพวกนั้นเพียงแต่เป็นพวกวัวสันหลังหวะ หลังจากฉินอวิ๋นลั่วจากไปเขาได้ไปดูมาแล้ว พบว่าบุปผาหงส์ไฟที่บริเวณนั้นสีสันเด่นชัดราวกับสีโลหิตยิ่งขึ้นอีก อย่างไรแล้วก็ได้โลหิตคนมาเป็นปุ๋ย เขาได้สร้างสุสานฝังหมวกและเสื้อผ้าในบริเวณระหว่างกลางที่สุดสำหรับพวกเขาสองคน หวังให้ชาติหน้าพวกเขาทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน อย่าได้เจออุปสรรคเช่นนี้อีกเลย
มารดาของฉินอวิ๋นลั่วรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ล้มป่วยรักษาไม่หาย ก่อนตายไม่ยอมให้สามีได้มาพบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย อีกทั้งสั่งเสียไว้ไม่ให้ฝังศพร่วมกับเขา ทว่าสุดท้ายฉินสุยก็ได้ฝ่าฝืนความปรารถนาสุดท้ายของนาง เพราะหัวหน้าเผ่าคนก่อนได้ใช้ชีวิตแลกชีวิตเพื่อช่วยฉินอวิ๋นซิน สาเหตุมาจากนางยังไม่อยากตาย เขาผู้แบกรับสองชีิวิตของลูกสาวตัวเองไว้ และด้วยเหตุนี้คนตระกูลฉินจึงไม่ค่อยชอบฉินอวิ๋นซิน ปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไรด้วย
ใบหน้าของฉินสุยเปี่ยมไปด้วยความสำนึกผิด อย่างไรแล้วหลังจากฉินอวิ๋นลั่วตายจากไปอยู่หลายปี ก็ยังไม่มีผู้ใดไปเก็บศพของนางที่กระโดดหน้าผาไปในปีนั้น ไหนเลยที่จะหายาถอนพิษได้ หากว่าตอนนั้นพวกเขาได้ช่วยเก็บศพให้นาง ไม่แน่ว่าคงไม่ต้องพบเจอกับสถานการณ์ในตอนนี้
“ท่านปรุงขึ้นเองได้หรือไม่”
หมอกู่ส่ายหน้า “นี่คือพิษตลับแรกที่อวิ๋นลั่วปรุงขึ้นมาได้สำเร็จ ฤทธิ์ของพิษมีละเอียดอ่อน ข้าเองก็ไม่เคยถามนาง”
ฉินสุยโมโหกวาดข้าวของตรงหน้าตกพื้นกระจัดกระจาย หมอกู่กวาดตามองแล้วหันกายเดินออกไป
เดินออกมาจากปากถ้ำแล้วได้เห็นแสงอาทิตย์อบอุ่นดั่งวันก่อนๆ หมอกู่พลันยกมือขึ้นมาบังแดด
อวิ๋นลั่วเรื่องทั้งหมดใกล้จะจบสิ้นแล้ว ความปรารถนาใกล้จะเป็นจริงแล้ว จากนั้นหันกายกลับเข้าป่าของตนเอง
ภาพตรงหน้าปรากฎเรือนไม้ไผ่สองสามหลัง หน้าประตูมีสมุนไพรตากอยู่หลากหลายชนิด เขากวาดตามองโดยรอบ แล้วสาวเท้าเข้าไปยังเรือนหลังหนึ่ง
เห็นชายผู้หนึ่งในมือถือถ้วยไม้กำลังลิ้มรสน้ำชาอยู่ ถ้วยไม้อันแสนธรรมดา แต่เมื่อไปอยู่ในมือของเขาแล้วกลับดูมีรสชาติที่พิเศษ ดวงตาคู่นั้นที่รวบรวมจิตวิญญาณและความงดงามของโลก ไร้ซึ่งสิ่งแปลกปลอมใดๆ ทั้งกระจ่างชัดและลึกล้ำจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง ผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งหยกงาม
“เสร็จภารกิจแล้ว ท่านไม่สงสารหรือ?” ตนได้เห็นหน้าของเด็กคนนั้นยังรู้สึกสงสารจับใจ ไม่รู้ว่าผู้เป็นบิดาอย่างเขาทำใจลงมือได้อย่างไร นั่นคือลูกในไส้ของเขาเลย
เฟิงหลีเลี่ยได้ทราบจากปากของฉินอวิ๋นซินว่าหมอกู่รู้สึกตำหนิตระกูลฉินอยู่ในใจ ตนจึงยอมร่วมมือกับเขา
หมอกู่หลายปีมานี้ได้เห็นชนเผ่าค่อยๆ สูญเสียความเป็นชนเผ่าดั่งเดิม ในใจเจ็บปวดอย่างมาก วันนี้มีโอกาสได้แก้แค้นแทนฉินอวิ๋นลั่ว ทั้งยังทำให้ทุกอย่างจบลงได้อีกครั้ง
หมอกู่ดึงหนวดของตนเอง เขารู้ว่าสิ่งที่เฟิงหลีเลี่ยพูดนั้นไม่จริง ตนยังจำได้ว่าวันนั้นที่ลงมือวางยาพิษ เขาพูดว่าไม่เป็นกังวล แต่กลับไปยืนอยู่ในสวนไผ่ด้านนอกตลอดทั้งคืน ทว่าต้องบอกว่าเขา “ใจแข็งจริงๆ” ในทางกลับกันตนนั้นไม่อาจทำได้เช่นนี้แน่
ตอนที่ 415 งานแต่ง1
“ช่วงนี้เจ้ายุ่งกับเรื่องใดอยู่หรือ? ข้าไม่พบหน้าเจ้านานแล้ว” มู่หรงชูอวิ๋นเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยชอบใจ
ตอนแรกที่นางไม่ได้พบหน้าฉินเจานั้น นึกว่าฉินเจาโกรธเพราะทราบเรื่องที่เฟิงหลีเลี่ยบุกเขาห้องนอนของนางยามวิกาล ผ่านไปหลายวันไม่เห็นเขาจะแบไพ่ที่อยู่ในมือ จึงได้รู้ว่าเป็นเพราะตนคิดมาไปเอง ทว่าก็ยังอยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่
ข้างในหุบเขาในช่วงเวลานี้ทุกคนต่างมีจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย สีหน้าซีดเซียว แม้แต่แม่เฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องในตำนานคนนั้นก็ยังปิดปากสนิท ทุกวันจะพนมสองมือภาวนาขอพรจากพระเจ้าไม่หยุด นางรู้สึกว่ามีนางคนเดียวที่เป็นคนนอก
ฉินเจาพยามฉีกยิ้มที่ดูแย่เสียกว่าร้องไห้ให้กับนาง สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย “ไม่มีอันใด อย่าได้กังวลไปเลย”
มู่หรงชูอวิ๋นทำปากบึ้ง สู้ไม่ต้องยิ้มเสียดีกว่า นางถามฉินสุยก็ได้คำตอบเช่นเดียวกันนี้ เหมือนว่าทุกคนต่างรู้เรื่องกันหมดแล้ว แต่ไม่อยากให้นางรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรกันแน่
จุดยุทธศาสตร์ที่พวกเขาวางไว้ถูกทำลายเกือบทุกจุดแล้ว เรียกว่าขุดรากถอนโคลนเลยก็ว่าได้ และพวกเขาก็เพิ่งจะทราบเรื่องนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง บวกกับเรื่องการขึ้นลงหน้าผาเพื่อไปตามหายาถอนพิษแล้ว ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายใจ ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาเวลาว่างมาเจอหน้ามู่หรงชูอวิ๋นได้ หลังจากได้พบหน้านาง ความกลัดกลุ้มเป็นกังวลได้คลายลงไปไม่น้อย มีเพียงอยู่ต่อหน้าของนางเขาถึงผ่อนคลายตัวเองลงได้บ้าง ได้พูดคุยบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
ฮูหยินฉินคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าฉินสุย “ให้ลูกได้มาพบหน้ากุยอวิ๋นสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ” ฮูหยินฉินเห็นกุยอวิ๋นนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง ลมหายใจพร้อมจะขาดสะบั้นไปได้ทุกเมื่อ จึงเอ่ยขอร้องอย่างทุกข์ใจ นางทนไม่ได้ที่จะเห็นกุยอวิ๋นจากไป โดยไม่รู้เลยว่ามารดาของตนเองเป็นใคร เด็กคนนี้น่าสงสารเกินพอแล้ว ทุกครั้งที่นางได้เห็นแววตาไร้เดียงสาของเขา ก็อยากจะพามู่หรงชูอวิ๋นมาบอกให้นางรับรู้ว่ากุยอวิ๋นคือลูกของนาง เป็นลูกน้อยที่นางอุ้มท้องนานสิบเดือนกว่าจะร้องไห้ออกมาลืมตาดูโลกได้
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด” ไม่มีกุยอวิ๋นแล้ว แต่ในเมื่อมู่หรงชูอวิ๋นให้กำเนิดกุยอวิ๋นคนแรกได้ ย่อมต้องให้กำเนิดคนที่สองได้เช่นกัน หากให้นางทราบความจริง ไม่เท่ากับเรื่องทั้งหมดต้องเสียแรงเปล่าหรือ อีกอย่างหากให้นางทราบความจริง ก็เหมือนน้ำผึ้งหยดเดียว เขาไม่กล้ามั่นใจด้วยว่าหนอนกู่คะนึงหาจะยังใช้ได้ผลต่อไป
ฮูหยินฉินลุกขึ้นยืนโคลงเคลงโดยมีสาวใช้คอยช่วยประคอง ชี้นิ้วใส่ฉินสุย “ในชีวิตนี้ท่านมีเพียงความคิดทะเยอทะยาน ที่บอกจะฟื้นฟูตระกูลฉินอะไรนั้นเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง เป็นเพียงข้ออ้างของท่านก็เท่านั้น ตอนนั้นที่ลูกสาวข้าตาย ท่านก็เย็นชาไร้หัวใจเช่นนี้ ลบปานบนกายของนางอย่างปราศจากความห่วงกังวล แม้จะเห็นนางนอนหายใจแขม่วอยู่บนเตียงแล้ว หนังตาสามารถคล้อยหลับไปได้ทุกเมื่อ ก็ไม่ยอมให้นางกินยา บัดนี้ก็มาทำเช่นเดียวกันกับเด็กน้อยที่ยังไม่ถึงขวบด้วยซ้ำ อนาคตต่อให้ท่านได้ครอบครองทั่วทั้งใต้หล้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ไม่มีใครจะติดตามท่าน มีแต่จะ…”
“เพียะ!”
ฉินสุยตบหน้าฮูหยินฉินไปด้วยความเดือดดาล มองมือสั่นเทาของตนเองอย่างชะงักอึ้ง พลันเอามือไขว้หลังก่อนจะสั่งการสาวใช้ “พาฮูหยินออกไป” เขาไม่กล้าสบตาฮูหยินฉิน หลังจากที่ลูกของพวกเขาตายไป เขาก็ไม่กล้าพูดจารุนแรงกับฮูหยินฉินแม้สักประโยค เพราะเขารู้ตัวดีว่าตนเองเป็นต้นเองทำให้ลูกสาวคนเดียวของพวกเขาต้องมาด่วนจากไป รู้สึกผิดกับนางมาโดยตลอด ทว่าวันนี้เขากลับตบหน้านาง พวกเขาแต่งงานอยู่กินกันมาหลายปีขนาดนั้น ยังไม่เคยทะเลาะกันเลยแม้สักครั้ง แม้แต่เรื่องที่ลูกสาวตายจากไปก็นึกตำหนิเพียงในใจเท่านั้น
ฮูหยินฉินรู้สึกหดหู่อย่างที่สุด คิดเสมอมาว่าตราบใดที่นางใช้ความจริงใจเข้าแลกจะได้รับสิ่งที่แตกต่าง ใครจะรู้ว่าความจริงใจแลกมากับความเสแสร้ง ภาพลวงตา ความสุขที่ว่างเปล่า ได้มาซึ่งความรักที่ไม่มีจุดจบ ครั้งนี้นางผิดหวังจริงๆ จะไม่เฝ้ารออีกต่อไปแล้ว