เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 416 งานแต่ง2 / ตอนที่ 417 งานแต่ง3
ตอนที่ 416 งานแต่ง2
“ฮือฮือ…”
ฉินเจามองดูกุยอวิ๋นในอ้อมอกของฉินสุยที่ร้องไห้จนร้องไม่ออกแล้ว ได้แต่ฮือฮือ ดวงตาคล้ายกับมู่หรงชูอวิ๋นราวกับแกะ นัยน์ตาของเขาพลันฉายแววความสงสาร
เขารู้ว่ากุยอวิ๋นหน้าตาค่อนข้างละม้ายบิดาของเขา หากกุยอวิ๋นคล้ายมู่หรงชูอวิ๋นราวกับแกะสลักออกมา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทุ่มเทให้เขามากกว่าเดิม ทว่าน่าเสียดายที่ไม่เหมือน
“ท่านอาจารย์ ข้าค้นทั่วใต้หน้าผาแล้วแต่ก็หาไม่เจอ”
ฉินสุยทอดถอนใจ “คำสาปของนางเป็นจริงแล้ว” ฉินสุยพูดด้วยอาการชะงักอึ้ง วัยหนุ่มเขาอาจทำเป็นไม่สนใจอะไรได้ แต่ว่าบัดนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงไปเสี่ยงอะไรอีกแล้ว เนื่องจากเขาเป็นชาย ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยใกล้ชิดสนิทสนมเหมือนกับพี่สาวและน้องสาว วันๆ ต้องแบกรับภารกิจทำอย่างไรจึงจะทำให้ชนเผ่าเจริญรุ่งเรืองย่ิงๆ ขึ้นไปได้ ทำให้เวลาใครเอ่ยถึงตระกูลฉินจะต้องทั้งเกรงกลัวทั้งชื่นชม และแม้ว่าจะได้เห็นกับตาว่าฉินอวิ๋นลั่วในวัยที่กำลังเบ่งบานสดใส ยอมทิ้งชนเผ่ากระโดดไปหาชายหนุ่มซึ่งเป็นคนนอก ในใจรู้สึกเพียงกล่าวโทษ ในใจตำหนิว่านางทิ้งความเจริญของครอบครัว แม้แต่น้องสาวที่คอยวิ่งตามหลังเขาร้องเรียกเขาว่าพี่ชายอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่นางไม่ชอบเรียกเขาอีกต่อไปแล้ว ทุกครั้งจะเห็นนางทำตัวเว้นระยะกับเขา เพียงแค่ตนยกมือขึ้นนางก็หวาดกลัวเสียแล้ว ทว่าเขาไม่เคยรู้สึกเสียใจ ขอเพียงทำสำเร็จ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ไม่เคยรู้สึกเสียดาย
“เจาเอ๋อร์ เจ้ากับหุ้ยซินรีบจัดงานแต่งให้เรียบร้อย” เท่านี้คำสาปก็จะถูกล้างได้แล้ว เยียนหรูเสวี่ยที่ถือถ้วยยาอยู่ด้านข้างพลันชะงักอึ้ง ทว่ารีบเปลี่ยนสีหน้ากลับมาโดยเร็ว แล้วน้อมรับกุยอวิ๋นมาจากมือของฉินสุย พาตัวไปปลอบประโลมทางด้านข้าง บริเวณจุดอับที่ไม่มีใครมองเห็นนางก็ได้ขมวดคิ้วย่นอย่างเป็นกังวล
ฉินเจางุนงงอยู่ชั่วขณะ “ท่านอาจารย์หากนางรู้เรื่องจะเกลียดข้าหรือไม่” เขายอมให้มู่หรงชูอวิ๋นค่อยๆ เปิดใจให้กับเขา ไม่ได้อยากจะรีบเร่ง
“ไม่มีใครพูด นางไม่มีทางรู้ได้” เขาก็ไม่อยากให้นางรู้
ฉินเจาพยายามดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เงียบไป พี่รองประโยคนั้นคล้ายกับเข็มเล่มหนึ่งที่ทิ่มแทงในใจของเขาอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้มู่หรงชูอวิ๋นยังเชื่อใจเขา หากวันหนึ่งมู่หรงชูอวิ๋นเกิดสงสัยขึ้นมา หรือจำเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้ เช่นนั้นเขาคงเสี่ยงอะไรไม่ได้แล้ว อย่างไรแล้วเขาเคยได้ยินเรื่องของชายคนนั้นว่าเก่งยอดเยี่ยมเพียงใดมาบ้าง ทั้งฐานะและความสามารถเรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่านับถือ ตั้งแต่กุยอวิ๋นไม่ได้แหกปากร้องไห้งอแง ก็ดูออกได้ไม่ยากว่ารูปลักษณ์ของเขาก็ไม่เลวเลย ทว่าเขาก็ยังไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะมีความเป็นไปได้ อย่างไรแล้วเขาก็ได้พลาดโอกาสครั้งแรกไปแล้ว
“เช่นนี้เจ้าก็กลับไปเตรียมตัวเถิด อีกครึ่งเดือนจะมีงานมงคล ถึงเวลานั้นก็รีบมีทายาทโดยเร็ว ถือว่าสร้างความสุขแทนเด็กคนนี้”
เมื่อก่อนเขาดูถูกกลวิธีพื้นบ้านเหล่านี้ ทว่าตอนนี้มีความหวังนิดหน่อยเขาก็อยากจะลองทำดู
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
มู่หรงชูอวิ๋นอ้าปากค้าง ตกตะลึงจ้องมองฉินเจาอย่างไม่กล้าเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยิน
“หุ้นซิน เจ้าไม่อยากแต่งหรือ?” ฉินเจามองมู่หรงชูอวิ๋นด้วยแววตาเสียใจ ความเศร้ากัดกร่อนใบหน้าหล่อเหลา
มู่หรงชูอวิ๋นโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่ เพียงแค่รู้สึกว่ากระทันหันไปหน่อย อย่างไรแล้วข้าเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้เพียงไม่นาน ในหัวก็ยังว่างเปล่าไม่มีความทรงจำใด” มู่หรงชูอวิ๋นนั่งลงบนม้านั่งหินด้านข้าง ทีแรกนางยังคิดว่าฉินเจามีเรื่องอันใดถึงได้มีท่าทางรีบร้อนมาหานาง ที่ไหนได้ก็เรื่องงานแต่งนี่เอง ไม่ใช่ว่านางไม่อยากแต่ง เพียงแต่รู้สึกแปลกๆ ทุกคนต่างพูดว่าเมื่อก่อนนางรักฉินเจามาก ทว่าทำไมนางกลับนึกความรู้สึกนั้นไม่ออกเลย อีกทั้งคนที่ปรากฎในความฝันของนางช่วงนี้ก็ไม่ใช่เขา พลันรู้สึกว่าตนเอาเปรียบเขาอยู่ เขาดีกับตนถึงเพียงนั้น แต่ตนกลับคิดถึงอีกคน โยนคำสาบานว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อกันตราบเท่าที่ขุนเขาและทะเลยังคงอยู่ทิ้งไว้ข้างหลัง
“ไม่เป็นไร ข้าจำได้ก็พอแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยมารำลึกความหลังไปด้วยกัน”
มู่หรงชูอวิ๋นเห็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังของเขาคล้ายกับเด็กน้อยร้องขอขนมหวาน จึงใจอ่อนพยักหน้าตกลง แต่เมื่อพยักหน้าไปแล้วหัวใจของนางกลับรู้สึกเศร้าใจเป็นที่สุด
ฉินเจากอดมู่หรงชูอวิ๋นด้วยความดีใจ ไม่ทันได้เห็นสีหน้าเศร้าใจเมื่อครู่ที่ฉายขึ้นมาบนใบหน้าของนาง “หุ้ยซิน ข้าดีใจเหลือเกิน” ไม่เคยดีใจเหมือนวินาทีนี้มาก่อน เขาสาบานว่าต่อไปจะต้องชดเชยให้นางเป็นเท่าตัว
ตอนที่ 417 งานแต่ง3
“นายท่าน พวกเรา?” มู่เยี่ยนมองคนทั้งสองยืนกอดกันเกลียวดูสนิทสนมเป็นพิเศษ ลูบหน้าผากพลันเอ่ยถามเสียงแผ่ว
ดวงตาลึกล้ำของเฟิงหลีเลี่ยประทับภาพตรงหน้าไว้ในหัว แล้วสะบัดชายเสื้อจากไป
มู่เยี่ยนรีบตามไป นึกสงสารเจ้านายของตนเองจับใจ กว่าจะหาเวลาแอบมาพบภรรยาของตัวเองได้ไม่ง่ายเลย แต่ต้องมาเห็นภาพบาดตาเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ไม่ชอบใจทั้งนั้น ไม่ได้เห็นพวกเขาเป็นชายโฉดหญิงชั่วก็นับว่าไม่เลวแล้ว ยังไม่ยอมเลิกกอดกันอีก เขาทำได้เพียงแอบภาวนาแทนมู่หรงชูอวิ๋น หวังให้หลังจากนางกลับมาแล้วยังคงจดจำช่วงเวลานี้ได้
“ท่านอ๋องต้องการให้ขัดขวางพวกเขาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
หญิงที่ดีไม่แต่งงานกับสองชาย หากปล่อยไว้เช่นนี้พระชายาจะต้องแต่งงานกับชายอื่นต่อหน้าท่านอ๋องของพวกเขา
เฟิงหลีเลี่ยโบกมือปรามไว้ “ยังไม่ใช่เวลา” ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะรีบร้อนจัดงานถึงเพียงนี้ ดูท่าคงจะร้อนใจเพราะพวกตนเป็นแน่ บัดนี้ตนยังวางแผนได้ไม่สมบูรณ์ จึงทำได้เพียงรออย่างใจเย็นไปก่อน
ในคืนนั้นมู่หรงชูอวิ๋นสะลึมสะลือ ลืมตาอันใสชัดมองไปยังเงาร่างเรียวยาวที่อยู่บนพื้น เขามาจริงๆ ด้วย
เดิมทีนางอยากจะแกล้งหลับต่อไป ทว่าได้ยินเสียงเย็นชาไร้อุณหภูมิใดๆ ของเขากระซิบข้างใบหู “เจ้าจะแต่งกับเขาจริงหรือ?” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาราบเรียบ อีกทั้งสายตาเยียบเย็นดุจดั่งน้ำค้างแข็งทำให้รู้สึกหนาวสั้นหาความอบอุ่นใดไม่ได้เลย
ทีแรกมู่หรงชูอวิ๋นโกรธเขา จึงพูดออกไปโดยไม่คิด “ถูกต้อง ต้องส่งเทียบเชิญให้เจ้าด้วยหรือไม่ แต่ว่าในหุบเขานี้ไม่ต้อนรับคนนอกเข้ามา”
ตั้งแต่คืนนั้นมานางก็เฝ้ารอการมาของเขาอยู่ตลอด ถึงวันนี้ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วเขายังไม่มา มีอยู่คืนหนึ่งนางรู้สึกไม่ค่อยสบาย กลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเหมือนมีอะไรหนักๆ อยู่ที่หน้าท้อง เมื่อหยิบขึ้นมาดูจึงเห็นถุงน้ำร้อนที่เติมน้ำไว้เต็ม นางรู้ว่าเป็นฝีมือของเขา แต่ก็ยังไม่เข้าใจเขารู้ได้อย่างไรว่าเมื่อเป็นวันนั้นของเดือนนางจะรู้สึกไม่สบายตัว แม้แต่มารดาของนางเองยังไม่ทราบเรื่องนี้เลย
นั่นคือความหนาวเหน็บที่โจมตีคนได้สุดๆ ลำแสงเย็นที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของนาง เป็นดั่งบุปผาน้ำแข็งที่ร่วงลงมาจากหน้าผาทั้งหนาวเหน็บและแหลมคม แม้เขาจะรู้ว่านางนั้นจำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคือพี่ชายใหญ่ของนาง ถึงได้ยอมแต่งงานกับคนอื่นเช่นนี้ ทว่าเขาไม่ยอมยังคงเสี่ยงเข้ามาหานางกลางดึก เพื่อฟังว่าคำตอบของนางคืออะไร หากคำตอบของนางคือไม่ใช่ เขาจะพานางหนีออกไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ทว่าเมื่อได้ฟังคำตอบแล้วนั้นเขาพลันอดผิดหวังไม่ได้
ดวงตาเย็นชาคู่นั้นราบเรียบจนแทบจะไร้ความรู้สึก สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลบนใบหน้า ประกอบกับมุมปากที่แข็งทื่อ ใบหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้ม หัวใจของมู่หรงชูอวิ๋นพลันกระตุกด้วยความทุกข์อย่างบังคับไม่ได้ ดั่งถูกคมมีดกรีดลึกลงไปหลายแผล มีเลือดไหลซิบ
“เจ้าเป็นอันใด? ความจริงหากเจ้าอยากมาก็แอบเข้ามาได้นะ อย่าให้พวกเขาจับได้ก็พอแล้ว”
“หากเป็นไปได้เจ้าไม่แต่งงานกับเขาได้ไหม?” คำพูดของเฟิงหลีเลี่ยแฝงไปด้วยคำขอร้องอย่างถ่อมตัว
มู่หรงชูอวิ๋นรู้สึกฝืดไปทั้งคอ ขอบตาร้อนชื้นขึ้นมา “เขาเป็นคู่หมั้นของข้า หากไม่ให้แต่งกับเขาจะให้ข้าแต่งกับผู้ใด?” ทุกคนต่างบอกนางว่านางและฉินเจาเป็นคู่ที่สวรรค์สรรสร้างให้มาคู่กัน หนึ่งคุณชายหนึ่งธิดาเทพ ทว่านางกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น
แต่กับผู้ชายตรงหน้าที่นางก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ได้เข้ามากระเทาะเปลือกหัวใจของนางไปทีละชั้นๆ แล้วก็หายตัวไปไม่เหลือแม้แต่เงา
“รอให้ถึงวันเข้าพิธีแต่งงานของเจ้า ข้ามีของขวัญชิ้นใหญ่จะมามอบให้”
ยังไม่ทันพูดให้ชัดเจนว่าคือสิ่งใดกันแน่ก็หายตัวไปไม่พบแม้แต่เงาแล้ว
มู่หรงชูอวิ๋นโกรธจนเอากำปั้นทุบผ้าห่มอย่างแรง รังแกนางอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนที่เจ็บก็คือตัวเอง แต่นางก็เลือกที่จะเชื่อเขาเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะหวังว่าจะได้ยินคำตอบที่ต่างออกไป ใครจะรู้