เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 418 งานแต่ง 4 / ตอนที่ 419 งานแต่ง 5
ตอนที่ 418 งานแต่ง 4
“ธิดาเทพเจ้าคะ นี่คือชุดแต่งงานที่ช่างตัดเย็บเพิ่งจะทำเสร็จเจ้าค่ะ”
มู่หรงชูอวิ๋นชำเลืองมองด้วยหางตา ชุดเจ้าสาวสีแดงปักลายหงส์ไฟ มองดูแล้วลายหงส์ไฟก็ธรรมดาไม่ได้โดดเด่นอะไร คล้ายกับผ้าไหมสีแดงธรรมดาผืนใหญ่ผืนหนึ่ง ทว่าเมื่อผ้าผืนนี้ได้ปรากฎภายใต้แสงสว่าง จะผุดลวดลายหงส์ไฟออกมาให้เห็นอย่างมีชีวิตชีวา
“วางไว้ตรงนั้นเถิด” นางดึงความสนใจออกมาไม่ได้เลยสักนิด
ฉินเจาเข้ามาเห็นใบหน้างดงามของนางซีดเซียวและหดหู่ดูไม่มีชีวิตชีวา ผมยาวดำขลับเงางามใช้ปิ่นเล่มหนึ่งปักมวยผมเอาไว้อย่างง่ายๆ เนือยๆ สบายๆ
จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่สบายหรือเปล่า?” เขาได้ยินว่าชุดแต่งงานถูกส่งมาแล้วก็รีบมาในทันที อยากจะรู้ว่าชุดแต่งงานที่เขาวาดออกแบบด้วยตัวเอง เมื่อสวมใส่ไปบนเรือนร่างของมู่หรงชูอวิ๋นแล้วจะงดงามมากเพียงใด แต่มาเห็นมู่หรงชูอวิ๋นอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าใด จึงทำได้เพียงเก็บความรู้สึกของตนเองเอาไว้
“เปล่า” มู่หรงชูอวิ๋นไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องของตนเองให้เขาฟังอย่างไร แววตาอ่อนโยนดั่งแสงจันทรา ภายใต้คิ้วเข้มนั้น เผยทั้งความสุขเล็กๆ แต่ก็ประกายความเศร้าอยู่จางๆ
“เช่นนั้นเจ้าเป็นอันใดหรือ?”
“ข้าไม่รู้ว่าเป็นอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจมาก ราวกับทำเรื่องที่ผิดอย่างมหันต์ และไม่รู้ว่าควรเปลี่ยนแปลงกลับมาอย่างไร”
ฉินเจาลูบไล้ผิวบอบบางของนางอย่างสงสาร “เป็นเพราะเจ้าคิดมากเกินไป จนเก็บเรื่องทุกข์ไปฝันได้ ไม่มีอันใดหรอก”
“แต่ว่าข้าฝันเห็นตัวเองเมื่อก่อนสวมเสื้อคลุมสีแดงทั้งตัว นั่งอยู่บนเกี้ยวเจ้าสาวโคลงเคลงไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง จากนั้นก็มีมือหนาและทรงพลังข้างหนึ่งกุมมือของข้าไว้แน่น ข้าไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือว่าอะไร? มันเหมือนจริงมาก คล้ายกับว่าข้าเอื้อมมือไปก็จะสัมผัสได้ แต่ว่า…ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองลืมสิ่งที่สำคัญมากไป มันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของข้าเสียอีก…”
ฉินเจาน้อมใบหน้าของมู่หรงชูอวิ๋นมาซบอยู่ในอ้อมอกของตนเอง “เจ้าเหนื่อยแล้ว นอนพักเสียหน่อยก็หายแล้ว”
สาวใช้ที่คอยอยู่ปรนนิบัติต่างก้มหน้าก้มตา ทำเหมือนมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ฉินอวิ๋นซินเดินเข้ามา “พวกเจ้าคิดว่าจะปกปิดนางไปเช่นนี้ได้ตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?” นางอยู่ด้านนอกได้ยินทั้งหมดแล้ว บางทีนางไม่ควรพามู่หรงชูอวิ๋นมาที่นี่ตั้งแต่แรก เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะนางที่ทำให้ใบหน้าร่าเริงของมู่หรงชูอวิ๋นต้องระคนไปด้วยความเศร้าหมอง เพราะนางที่ทำให้กุยอวิ๋นต้องได้รับความทุกข์ทรมานถึงเพียงนั้น หากว่านางไม่แต่งงานกับมู่หรงไป๋ตั้งแต่แรก เรื่องทุกอย่างจะไม่ลงเอยเช่นนี้ใช่หรือไม่ มู่หรงชูอวิ๋นจะได้อยู่ในอ้อมกอดและได้รับการปกป้องดูแลจากมารดาตลอดไป
ทว่าคิดไม่ถึงว่าฉินเจาจะสกัดจุดทำให้มู่หรงชูอวิ๋นหมดสติไป
“ข้าหวังดีกับนาง นางก็แค่กลับมาอยู่ที่เดิมของนางเท่านั้น”
รูปลักษณ์ของชายหนุ่มขาวสะอาด ใบหน้ากระจ่างใสประกายความหล่อเข้มคมสัน นัยน์ตาลุ่มลึกดำขลับมีเสน่ห์แพรวพราวน่าหลงใหล คิ้วเข้มดกดำ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากน่ายั่วยวน ไม่มีส่วนใดจะไม่ดูสูงศักดิ์และสง่างาม
หัวใจของฉินอวิ๋นซินรู้สึกซับซ้อนไม่ชัดเจน นางสัมผัสได้ว่าฉินเจาจะต้องเฝ้าระวังมู่หรงชูอวิ๋นมากกว่านี้เป็นแน่
ฉินเจาหยิบเม็ดลูกกลอนออกมาจากอกเสื้อ แล้วยัดใส่ปากให้นางกลืนลงไป
ยาเม็ดนั้นมีสรรพคุณบรรเทาฤทธิ์ของพิษหนอนกู่คะนึงหา เนื่องจากมู่หรงชูอวิ๋นนึกถึงเรื่องเหล่านั้นได้ขึ้นมากระทันหัน จึงไปกระตุ้นฤทธิ์ของพิษหนอนกู่คะนึงหา อารมณ์ของนางจึงแปรปรวนเช่นนี้
ฉินเจากวาดตามองโดยรอบไปคราหนึ่ง ดูท่าศัตรูคงจะเข้ามาถึงในหุบเขาแล้ว เขายังรู้สึกว่ามันแปลก เหตุใดมู่หรงชูอวิ๋นจึงเปลี่ยนไปได้มากถึงเพียงนี้ กุยอวิ๋นก็มาเกิดเรื่อง เพราะเขายุ่งจนไม่มีเวลาโงหัวขึ้นมา คนอื่นจึงใช้โอกาสนี้เอาเปรียบตนได้ เมื่อคิดเช่นนี้เขาได้หยักมุมปากยิ้มเย็นชา
ในเมื่อเข้ามาแล้วก็อย่าได้คิดจะกลับไปอีกเลย
ฉินเจาไม่พูดอะไร สายตามีเลศนัยคล้ายกับมีหมอกเมฆลอยขึ้นมา จนสังเกตไม่ได้ว่าในใจของเขาคิดเช่นไรกันแน่ ฉินอวิ๋นซินพลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ แม้ว่าฉินเจาจะเป็นคนรุ่นหลัง แต่ใจของเขาไม่มีทางอ่อนไปกว่าท่านอาจารย์ของเขา หรือคนที่เป็นพี่ชายของนางแน่ บางทีอาจจะใจแข็งยิ่งกว่าด้วยซ้ำ
ตอนที่ 419 งานแต่ง 5
“เหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้ว?” ฉินอวิ๋นซินกล่าวอย่างเป็นกังวล เมื่อวานตอนที่นางไปเยี่ยมมู่หรงชูอวิ๋นสังเกตเห็นว่ามีคนคอยประกบนางมากขึ้น แม้แต่ที่หน้าประตูก็เช่นเดียวกัน เมื่อมั่นใจแล้วจึงรีบมาบอกเรื่องนี้กับเฟิงหลีเลี่ย
เฟิงหลีเลี่ยโค้งรอยยิ้มเย้ยหยัน “ไม่เป็นอุปสรรคใด” เขาจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว รอเพียงให้วันนั้นมาถึงก็เท่านั้น
ในเมื่อเขากล้าขอแต่งงาน ก็ต้องยอมรับกับผลที่จะตามมา มู่เยี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้างลูบหลังมือที่เย็นเยือกของตัวเอง เขาสัมผัสได้ว่ามีคนบางคนกำลังจะโชคร้าย ในที่สุดนายท่่านก็โกรธเป็นแล้ว แม้แต่เขายังรอไม่ไหว
“กุยอวิ๋นเขา?” ช่วงเวลานี้แม้จะได้ยินพวกเขาบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ยังอดเป็นกังวลไม่ได้
เฟิงหลีเลี่ยเอ่ยขัดขึ้นมา “เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ช่วงนี้ขอมอบอวิ๋นเอ๋อร์ให้ท่านดูแลแล้ว”
ช่วงเวลานี้ไม่เหมาะที่เขาจะไปพบมู่หรงชูอวิ๋น และมีเพียงคนเดียวที่เขาจะวางใจให้เข้าใกล้มู่หรงชูอวิ๋นได้ นอกจากฉินอวิ๋นซินเขาก็ไม่เห็นใครอีก
มู่เหยียนรีบร้อนเข้ามา ทำความเคารพต่อคนทั้งสอง “นายท่าน ฉินเจาพากำลังคนมาทางนี้ขอรับ”
เฟิงหลีเลี่ยพยักหน้าแสดงการรับรู้
เมื่อฉินเจามาถึงได้เห็นฉินอวิ๋นซินกำลังช่วยตากสมุนไพรแทนหมอกู่อยู่หน้าประตู ส่วนหมอกู่นั่งอยู่ด้านในเรือน บนเก้าอี้โยกที่ทำขึ้นมาจากไม้ไผ่ โยกเยกไปมากับพื้น นัยน์ตาดำสนิทของเขากวาดมองภายในห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่นักไปคราหนึ่ง “คารวะท่านอาวุโส”
หมอกู่ได้ยินเสียงแต่ก็ไม่ขยับลืมตาสักนิด “เหตุใดจึงมีเวลามายังสันเขารกร้างถิ่นของข้าได้? ไม่ได้รับเชิญ ไม่เหมาะกระมัง” หลังจากฉินอวิ๋นลั่วจากไป เขาได้ก็ได้ตั้งกฎไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามมายังถิ่นของเขาโดยพลการ ต่อให้เป็นฉินสุยก็ยังไม่กล้ารุกล้ำ
ฉินเจาน้อมตัวทำความเคารพ “ผู้น้อยตามล่าคนนอกมา พบว่าเขาหายตัวไปบริเวณนี้ เป็นกังวลว่าเขาจะมารบกวนท่าน จึงล่วงล้ำเข้ามาโดยไม่ทันคิด วันนี้รบกวนแล้วเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจริงๆ”
“สถานที่แห่งนี้ ตั้งแต่ต้นปียันปลายปีมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ไม่เท่าไร ไหนเลยจะมีคนได้”
“คุณชาย” คนผู้หนึ่งมากระซิบสองสามประโยคข้างหูฉินเจา เมื่อฉินเจาเห็นชัดแล้วว่าไม่มีใครจริง จึงได้ทำความเคารพก่อนจะรีบถอยจากไป
เฟิงหลีเลี่ยออกมาจากที่ซ่อนตัว มองเงาร่างของฉินเจาด้วยสายตาลึกล้ำ
หลังจากมู่หรงชูอวิ๋นฟื้นขึ้นมา พบว่าคนที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายนางเหมือนจะเพิ่มขึ้นมาสองสามคน ไม่ว่าจะออกไปที่ใดพวกเขาก็จะคอยตามติดอยู่ข้างหลัง นางตำหนิพวกเขา พวกเขาได้แต่ก้มหน้าน้อมรับ แต่ไม่มีท่าทีจะออกห่างเลยแม้สักนิด ยังคงตามติดอยู่ข้างหลังนางไม่ห่างไปเกินสามฉื่อ นางรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก หลังจากบอกเรื่องนี้กับฉินเจา คนพวกนี้ก็เปลี่ยนมาคอยแอบสุ่มตามติดอยู่เช่นเดิม
มู่หรงชูอวิ๋นอึดอัดไม่ชิน รู้สึกเสมอว่ามีคนคอยแอบสุ่มดูตนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดคนอื่นต่างก็รู้ทั้งนั้น บ่อยครั้งขึ้นนางจึงไม่ชอบออกไปนอกเรือน ทุกวันได้แต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมพบหน้า ต่อให้เป็นฉินเจาก็เช่นเดียวกัน นางรู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในกรง นอกจากเดินเหินได้ตามอำเภอใจ ก็ไม่มีอะไรต่างไปจากการถูกจองจำเลย
“ข้าบอกแล้วว่าไม่ออกไป” มู่หรงชูอวิ๋นไม่หันหน้าไปมองด้วยซ้ำ ตะโกนตอบไปอย่างไม่สบอารมณ์ พูดจบก็ทำปากบึ้ง
ฉินเจาโค้งมุมปากยิ้ม “เป็นอะไรไป ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้” น้ำเสียงระคนไปด้วยความรักและตามใจ
มู่หรงชูอวิ๋นหันหน้ามาเห็นว่าเป็นเขา อ้าปากขยับแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอันใด นางคิดว่าเป็นเสี่ยวอวี๋ที่มาคอยรับใช้นาง เห็นนางแล้วหงุดหงิดใจจึงไล่ออกไปให้พ้น
ดวงตาสีเข้มของฉินเจามองดูใบหน้างดงามตรงหน้า เห็นว่าแม้นางจะทำหน้าโกรธแต่ก็ยังดูงามถึงเพียงนั้น “ต้นไม้ที่เจ้าเฝ้าทะนุถนอมต้นนั้นออกผลแล้ว อยากไปดูหรือไม่?”
เขาจำได้ว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่มู่หรงชูอวิ๋นได้เห็นต้นไม้ต้นนั้น ก็อดน้ำลายสอไม่ได้ เลียปากคล้ายกับเด็กน้อยจอมตะกละ ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินบ่าวรับใช้พูดกันว่ามันออกผลแล้ว จึงวางของทุกอย่างในมือแล้วรีบมาบอกนาง
มู่หรงชูอวิ๋นเดิมทีคิดอยากจะปฏิเสธไปเลย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “แต่ว่าเจ้าสั่งให้พวกเขาไม่ต้องติดตามข้าได้หรือไม่ ข้าไม่ใช่นักโทษนะ” พูดจบก็เดินผ่านหน้าเขาออกไป
“อีกเพียงสิบวันก็จะไม่มีเช่นนี้แล้ว” ถึงตอนนั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจหยุดยั้งเขาได้อีก