เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 422 ผู้ที่มาคือแขก / ตอนที่ 423 กลับบ้าน
ตอนที่ 422 ผู้ที่มาคือแขก
“ฮูหยิน คุณชายมาแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินฉินพยักหน้าแสดงความหมายว่านางทราบแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะพักอยู่ละแวกใกล้กัน แต่พวกเขาจัดพิธีแต่งงานที่แท่นบูชา งานเล็กงานน้อยที่ให้ต้องตระเตรียมก็มีไม่น้อย จึงยื่นผ้าคลุมหน้าสีแดงสดในมือส่งให้กับฉินอวิ๋นซิน คลี่ยิ้มพลางกล่าว “เจ้าช่วยคลุมหน้าเจ้าสาวแทนข้าที” นางเข้าใจความทุกข์ของฉินอวิ๋นซินดี อย่างไรแล้วผู้เป็นแม่ย่อมต้องปรารถนาที่จะได้ส่งลูกสาวออกเรือน หากเป็นไปได้นางก็อยากคลุมผ้าคลุมหน้าสีแดงให้กับ ‘หุ้ยซิน’ ลูกสาวของนางเช่นเดียวกัน แต่น่าเสียดายความปรารถนายากจะเป็นจริง หุ้ยซินเป็นชื่อของลูกสาวนาง ความหมายของฉินสุยคือต้องการให้มู่หรงชูอวิ๋นมาเป็นตัวแทนของหุ้ยซิน เพราะการทำเช่นนี้จะไม่มีผู้ใดสงสัย นางก็ยินยอมที่จะทำให้ทุกคนสมหวัง สำหรับฉินอวิ๋นซินนั้นนางก็รู้สึกสงสาร เพราะทุกวันนี้นางไม่ใช่คนนอกและคนในของตระกูล นอกจากหมอกู่แล้วก็ไม่มีใครให้ความเคารพนางในฐานะคุณหนูใหญ่เลย
มู่หรงชูอวิ๋นไม่ได้เอะใจสงสัยอันใด อีกทั้งนางยังจิตใจเหม่อลอย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ฉินอวิ๋นซินซาบซึ้งเป็นที่สุด พยักหน้าขอบคุณให้กับฮูหยินฉิน กลั้นเสียงกลั้นลมหายใจบรรจงคลุมผ้าแดงให้มู่หรงชูอวิ๋นด้วยความระมัดระวัง หลังจากคลุมผ้าแดงให้มู่หรงชูอวิ๋นเรียบร้อย นางก็ไม่อาจข่มน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาไว้ได้อีก หยาดน้ำตาซึมเปียกขนตา จึงพยายามกล้ำกลืนน้ำตาลงไป แม้แต่ฝ่ามือก็ยังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำเอาปลายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ปักลายนกหยวนยางชื้นแฉะสีหม่นลงไปด้วย
แท่นบูชาประกอบด้วยเสาหินที่ทำขึ้นจากหยกขาวจำนวนยี่สิบสี่ต้น เป็นตัวแทนของสิบสองชั่วยาม ด้านหน้าแท่นบูชายังมีบ่อน้ำสีเขียวมรกตที่มีไอหมอกลอยคลุ้งปกคลุมอยู่ มีรูปปั้นมังกรเขียวตัวหนึ่ง ปากพ่นน้ำออกมาเหมือนมีชีวิตจริง บ่อน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่หนาวเย็นแห่งเดียวของหุบเขา ขณะนี้ล้อมรอบไปด้วยฝูงชนเบียดเสียด คนตระกูลฉินต่างมายืนอออยู่ด้วยกัน เพื่อชมพิธีแต่งงานอันเฟื่องฟูนี้
ฉินเจาทอดมองไปยังหญิงสาวแขนเรียวยาวดั่งหยก เท้าเรียวเล็กดั่งกลีบบัวค่อยๆ ย่างก้าวเข้ามาทางตน โดยมีสาวใช้ช่วยประคองอยู่ เขาเม้มริมฝีปากแน่น สายตาจดจ้องอยู่ที่ชุดแต่งงานสีแดง รูปแบบซับซ้อนเรียงทับกัน แต่ไม่ทำให้รู้สึกถึงความยุ่งยากแม้แต่น้อย ราวกับหงส์ไฟที่สลักอยู่บนเสาหินลุกขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านอีกครั้ง ทว่าได้หายวับไปในวินาทีต่อมา หาไม่เจอแม้แต่เงา มือของเขากำแขนเสื้อชุดวิวาห์สีแดงไว้แน่นด้วยความตื่นเต้น ทว่าใบหน้ายังคงราบเรียบไม่แสดงอาการใดเหมือนเคย
ฉินอวิ๋นซินทอดมองหน้าประตูอยู่ตลอด ท่าทางร้อนใจอยู่ไม่สุข คล้ายกับฝูงมดที่ถูกค่ัวอยู่ในกระทะใบร้อน
“คำนับ!”
“ช้าก่อน” เสียงของมู่เยี่ยนดังมาแต่ไกล ฝูงชนต่างหันหน้าไปมองทางประตู เพียงอึดใจ ภายใต้กระสวยแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง คนกลุ่มหนึ่งได้ปรากฎตัวออกมา บุรุษที่อุ้มทารกอยู่ตรงกลางทำให้คนตรงหน้าตาสว่าง นั่นเป็นชายหนุ่มรูปงามมาก คิ้วยาวดั่งใบหลิว ร่างกายสูงชะลูดดั่งต้นหยก ทว่าใบหน้ากับเย็นชาไร้ความอบอุ่น การมาเยือนของเขาทำให้บรรยากาศคึกครื้นพลันหยุดชะงัก ทารกในอ้อมกอดของเขาไม่ได้ดึงความสง่างามของเขาให้จางลง ตรงกันข้ามกับเพิ่มความอ่อนโยนให้เขาได้หลายส่วน ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงมีพลังมาก
มู่หรงชูอวิ๋นร่างกายพลันแข็งทื่อ นางคลุมหน้าอยู่จึงมองเห็นสถานการณ์ด้านนอกได้ไม่ชัดเจน ทำได้เพียงกำเสื้อหน้าท้องไว้แน่น
ฉินอวิ๋นซินเห็นพวกเขาปรากฎตัวออกมาแล้วก็หายใจเข้าลึกก่อนจะถอนใจโล่งอกไปที โชคดีที่มาทันเวลา ใช้หลังมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก
ลมพัดแผ่วเบาบริเวณหัวคิ้วของฉินเจา ในดวงตาแหลมคมคู่นั้นเผยมังกรซ่อนเลือดที่กำลังแยกเขี้ยวเย็นชา พร้อมจะขย้ำกลืนกินทุกสิ่งอย่างได้ เพียงแต่วินาทีถัดมามุมปากพลันกระตุกรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับถ้อยคำ “ผู้ที่มาคือแขก งานมงคลใหญ่ของตระกูลฉินต้องขอขอบคุณแขกผู้มาร่วมงานทุกท่านที่เดินทางมาแสนไกล”
ตอนที่ 423 กลับบ้าน
ความคิดที่ผุดขึ้นมาต่างๆ นาๆ ล้วนถูกฉินเจาดึงกลับมาได้ ฝูงชนมองเฟิงหลีเลี่ยด้วยสายตาสำรวจ แฝงไปด้วยความระแวดระวัง อย่างไรแล้วเส้นทางออกจากหุบเขามีเพียงพวกเขาที่รู้ และก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้ได้ การที่เฟิงหลีเลี่ยคลำหาเส้นทางเข้ามาที่นี่ได้ อีกทั้งยังกล้าปรากฎตัวต่อหน้าประชาชนเช่นนี้ ทั้งไม่มีความกลัวว่าพวกเขาจะทำอะไรกับเขาเลยสักนิด
สำหรับเฟิงหลีเลี่ยแล้ว สายตาเคลือบแคลงสงสัยเหล่านั้นเป็นเหมือนกับลูกศรขนนกที่ปักอยู่บนปุยฝ้ายเท่านั้น เขาชินเสียแล้ว สิ่งที่เขาเคยประสบมามันน่ารังเกียจกว่านี้หลายหมื่นพันเท่า
ฝ่ามือใหญ่ลูบปลอบกุยอวิ๋นที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ในอ้อมอกของเขา นัยน์ตาเผยความรักของบิดาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
มู่เยี่ยนหมดคำจะพูดกับเขาเสียจริง รู้แก่ใจดีว่าพระชายาเคยแต่งงานมาแล้ว เห็นลูกน้อยที่เป็นสักขีพยานแล้วก็ยังไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขารู้สึกยกย่องในความหน้าด้านของฉินเจาเหลือเกิน หัวขโมยคนหนึ่งที่คิดว่าวันนี้สามารถขโมยของของผู้อื่นไปได้แล้ว
“ข้ามารับตัวภรรยาของข้ากลับบ้าน”
ประโยคสั้นๆ เสียงดังฟังชัดนี้ทำให้มู่หรงชูอวิ๋นสะท้านไปทั้งร่างกาย
รูม่านตาของฉินสุยหดลงอย่างไม่ตั้งใจ แสงคมชัดสว่างวาบขึ้นมาที่ดวงตา “อี้หวังชอบพูดจาล้อเล่นเสียเหลือเกิน ที่นี่จะไปมีภรรยาของพระองค์ได้อย่างไร” ต้องมีคนพาเขาเข้ามาเป็นแน่ ดูจากคนที่เขาพามาด้วย ไม่น่าจะเพิ่งเข้ามาเป็นวันแรกแน่ ไม่เช่นนั้นไหนเลยจะปรากฎตัวได้พอดีเช่นนี้ ปราดสายตามองไปยังฉินอวิ๋นซินที่ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่หลังเฟิงหลีเลี่ยตั้งแต่เมื่อใดแล้ว มีแต่นางเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ เมื่อเหลือบมองทารกที่เขาอุ้มอยู่ สายตาสว่างวาบ เขาคิดไม่ถึงว่าภายใต้กำมือของพวกท่านผู้อาวุโสแล้ว เฟิงหลีเลี่ยจะสามารถพากุยอวิ๋นออกมาได้อย่างปลอดภัย
ไม่รู้มีสายลมพัดมาจากทิศทางใด พัดพาให้ผ้าคลุมหน้าของมู่หรงชูอวิ๋นหลุดร่วงลงกับพื้น แสงสว่างจ้าตาทำให้นางหลับตาลงอย่างไม่คุ้นแสง ผิวพรรณเนียนใส คิ้วงามดั่งภาพวาด ดวงตาคู่นั้นคมชัดกระจ่างแวววาวสดใส ครั้นเมื่อสาดมองบนกาย ราวกับจะบาดกระดูกให้ขาดได้ ทำเอาผู้คนที่ล้อมรอบอยู่ต่างหัวใจตกลงไปถึงตาตุ่ม ไม่รู้ว่าใครอุทานออกมา “นี่ธิดาเซียนลงมาเยือนลงมาโลกมนุษย์ ช่างงดงามเหลือเกิน” เขาสาบานเลยว่าชีิวิตนี้ไม่เคยเห็นผู้ใดงดงามเทียบเท่ามู่หรงชูอวิ๋นมาก่อน
ฉินเจาก็ป้องกันเอาไว้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวร่วงลงพื้นได้อย่างไร เดิมต้องเข้าห้องหอก่อนจึงจะเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวได้ วินาทีที่ผ้าคลุมหน้าร่วงหล่นลง หัวใจของเขาไม่ได้เงียบสงบเหมือนการแสดงออกทางสีหน้าเลยแม้สักนิด เขารู้ว่ามู่หรงชูอวิ๋นงดงาม แต่ก็ยังตกตะลึงในความงามนี้อยู่หลายส่วน
“นี่ไม่ใช่หรอกหรือ”
มู่หรงชูอวิ๋นเห็นเฟิงหลีเลี่ยหล่อเหลาปานเทพบุตร ในอ้อมแขนอุ้มทารกน้อยอยู่ น้ำตาที่ซ่อนอยู่ที่ขอบตาพลันกลั้นเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป หลั่งรินออกมาทุกหยาดหยด แต่ในสายตาของนางยังคงมองเห็นชายที่อุ้มทารกน้อยคนนั้นได้อย่างชัดเจน ราวกับเป็นภาพที่พิมพ์ประทับอยู่ในใจของนางอยู่แล้ว เวลาที่คิดถึงจะหยิบออกมาลิ้มรสหลายร้อยพันรอบ แม้ว่าจะเป็นความทุกข์ทรมานแทบทนไม่ไหว แต่ก็เป็นความรู้สึกที่งดงามเหลือเกิน
ระหว่างสองคิ้วเข้มมีระลอกความอ่อนโยนอยู่จางๆ คล้ายกับแฝงด้วยรอยยิ้มมาโดยตลอด ไม่ว่าใครๆ ก็ทราบว่าความเย็นชาของเขาเมื่อครู่ราวกับสายลมหนาวเสียดแทง โหมซัดใบหน้าไม่หยุด ทว่าเวลานี้กลับโค้งยิ้มดังพระจันทร์เสี้ยวที่กระจ่างชัดในคืนราตรี “อวิ๋นเอ๋อร์ พี่ชายใหญ่มารับเจ้ากลับบ้านแล้ว”
“กลับบ้าน?” มู่หรงชูอวิ๋นพึมพำพูดทวนซ้ำคำพูดของเฟิงหลีเลี่ย
มู่หรงชูอวิ๋นเคยคิดอยู่ครั้งหนึ่ง เอ่ยถามด้วยความบริสุทธิ์ใจหากว่าวันหนึ่งพวกเขาต้องพรากจากกันไปจะทำอย่างไร นัยน์ตาลึกล้ำและอ่อนโยนของเฟิงหลีเลี่ยมองจ้องเข้าไปในดวงตาของมู่หรงชูอวิ๋น เขาบอกว่านางไม่ต้องก้าวเท้าเดินไปไหนเลย เขาก็จะตามหานางจนเจอให้ได้ วันนี้คำมั่นสัญญาของเขาเป็นจริงแล้ว หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก เหมือนกับน้ำร้อนที่กำลังเดือดใกล้จะผุดขึ้นมา