เพียงหนึ่งใจ - ตอนที่ 430 อย่าเกลียดชังนาง
เฟิงหลีเลี่ยกวาดตามองดาบปลายคมที่ยื่นมาตรงหน้าเขา “เจ้าคิดหรือว่าพวกเจ้าจะหนีพ้น? ยอมคืนมู่หรงชูอวิ๋นมา บางทีข้าอาจยอมไว้ชีวิตพวกเจ้า”
น้ำเสียงทุ้มต่ำไร้ระลอกคลื่นของเขา สายตาเย็นชาดั่งน้ำค้างแข็งไม่มีสัมผัสความอ่อนโยนใดเลย เฟิงเยี่ยนเฉิงยังอดหดคอไม่ได้ เขาตกใจที่ทุกคนต่างชักดาบออกมาเมื่อครู่นี้ แม้ว่าเขาจะถูกเลี้ยงดูอยู่นอกพระราชวังมาโดยตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับเหตุการณ์เช่นนี้
“อี้หวัง เกรงว่าท่านคงจะอวดเก่งเกินไปหน่อยแล้ว ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวง แต่คือหุบเขาตระกูลฉิน” ฉินเจาพูดประโยคนี้จบ ก็พาตัวมู่หรงชูอวิ๋นถอยหลังไปเงียบๆ ขยับเข้าใกล้สระน้ำที่มีไอหมอกลอยฟุ้งเข้าไปทีละนิด
“แล้วอย่างไรหรือ ขอเพียงข้าต้องการ ไม่ว่าจะที่ไหนก็เป็นเพียงชื่อสถานที่เท่านั้น แผ่นดินทั่วทั้งใต้หล้า ล้วนเป็นขององค์ฮ่องเต้” เฟิงหลีเลี่ยมองปราดเดียวก็รุ้ว่าพวกเขาคิดจะหนี การที่เขาพูดเช่นนี้เพียงต้องการบอกฉินเจา ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด ไกลสุดล้าฟ้าเขียว ก็ได้แต่หลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ เท่านั้น อย่างไรแล้วทุกวันต้องถูกตามฆ่าจากคนของราชสำนัก การหนีเช่นนี้ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไปตลอดชีวิต แม้แต่ลูกที่เกิดมาก็ต้องเป็นเด็กที่ไร้ทะเบียนราษฎ์
“หรือว่าเจ้าไม่ต้องการพวกเขาแล้ว”
เมื่อเขาพูดคำนี้ออกไป ดาบของมู่เยี่ยนได้จี้อยู่บนร่างของฮูหยินฉิน และผู้ที่เป็นเครือญาติของผู้อาวุโสอื่นๆ ต่างถูกดาบทาบไว้ที่ลำคอ บางคนหวาดกลัวจึงหดคอลงหลายส่วน แต่ก็ไม่มีใครกล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ระมัดระวังอย่างดีเพราะกลัวจะโดนคมดาบเข้า เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย บางคนตกใจแทบเป็นลม มู่เยี่ยนทำการตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว หัวหน้าเผ่าฉินผู้นี้แม้จะเป็นคนเย็นชา แต่มีใจรักต่อฮูหยินที่เป็นภรรยาแต่งของเขาคนนี้มาก ต่อให้ตระกูลฉินจะเป็นสถานที่เล็กๆ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีภรรยาสามภรรยาสี่ เขาที่เป็นหัวหน้าเผ่ามีภรรยาเพียงคนเดียว เป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้แล้ว เกรงว่าพวกเขาคงจะบังคับเขาให้ตามหาผู้หญิงอย่างมู่หรงชูอวิ๋นมาโดยตลอด
ฉินสุยตัวแข็งทื่อ เขาลืมฮูหยินฉินไปเลย แต่เหลือบเห็นฮูหยินฉินปลอดภัยดีไม่มีอาการหวั่นกลัวเลยสักนิด จึงเอ่ยเสียดสีไปว่า “นางเป็นเพียงคนทรยศ คิดว่าข้าจะเห็นนางอยู่ในสายตางั้นหรือ น่าขันนัก” การที่เขาพูดเช่นนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเตือนสติเฟิงหลีเลี่ย เมื่อครู่ฮูหยินฉินได้ช่วยเหลือพวกเขา การที่พวกเขาทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างไปจากคนเนรคุณคน
ฮูหยินฉินแสยะยิ้มอย่างอ่อนโยนเล็กน้อย หันหน้าไปกล่าวด้วยรอยยิ้มกับมู่เยี่ยนที่อยู่ข้างกายนาง “น้องชาย ลำบากเจ้าแล้วที่เอาดาบมาทาบบนลำคอของคนไร้ประโยชน์อย่างข้า” รอยยิ้มของนางทำให้มู่เยี่ยนรู้สึกลนลานอย่างบอกไม่ถูก สัญชาตญาณสั่งให้ลดระดับดาบกลับออกไปหลายส่วน ในจังหวะที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ฮูหยินฉินได้พุ่งตัวเข้าหาปลายดาบของเขาอย่างรวดเร็ว ดาบคมที่ตัดเหล็กขาดคล้ายตัดโคลน ได้บาดเนื้อของนาง ลำคอขาวละเอียดของนางค่อยๆ ปรากฎรอยเส้นเล็กน้อย ก่อนจะขยายใหญ่ มีสีแดงไหลท่วมไปทั่วทั้งลำคอของนาง ทว่านางกลับยิ้มออกมาด้วยความดีใจเป็นที่สุด
ฉินสุยเข้ามารับร่างของที่กำลังจะตกลงสู่พื้นได้ทัน พร้อมกับโยนดาบที่พกติดตัวมาตลอดทั้งชีิวิตทิ้งไปกับพื้นอย่างไม่สนใจ แววตาทั้งสองเปี่ยมไปด้วยความโกรธเคือง “ใยเจ้าต้องทำเช่นนี้?” น้ำเสียงของเขาสั่นเทา ฝ่ามือสั่นไม่หยุดไม่กล้ายื่นเข้าไปปิดบาดแผลแดงท่วมนั่น
ฮูหยินฉินเดิมทีอยากจะยกมือขึ้นไปแตะใบหน้าที่ทำให้หัวใจของนางหล่นหายตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้า เพียงแต่มือท่วมไปด้วยโลหิตคาวฟุ้งจึงทำได้เพียงวางลงนิ่งๆ
ฮูหยินฉินทอดมองอากาศตรงหน้าที่มีน้อยนิด กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่ ข้าไปหาหุ้ยซินก่อนแล้ว เมื่อคืนวานนางมาหาข้า บอกว่าคิดถึงข้าแล้ว และข้าก็รับปากว่าจะไปหานาง ท่านพี่อยู่ทางนี้คนเดียวต้องดูแลตัวเองให้ดี” ทว่าทุกประโยคที่เอ่ยออกมาราวกับเค้นพลังที่มีทั้งหมดเปล่งเป็นคำพูด
ฉินสุยบรรจงจูบหน้าผากของนางอย่างลนลาน ร้องไห้ฟูมฟายราวกับเด็กน้อยที่ร้องไห้โฮ “คนโง่ หุ้ยซินของพวกเรายังมีชีวิตอยู่ ครอบครัวเราทั้งสามคนยังมีชีิวิตอยู่ เหตุใดเจ้าต้องโง่เขลาถึงเพียงนั้น” โยนทิ้งโอกาสเช่นนี้ไปแล้ว
ฮูหยินฉินยิ้มเล็กน้อย เข้าใจว่าฉินสุยต้องการให้นางคิดถึง “อย่าหลอกข้าเลย อวิ๋นเอ๋อร์คืออวิ๋นเอ๋อร์…ข้าแยกออกได้ชัดเจน พวกเขาต่างก็เป็นเด็กดี อย่าทำร้ายพวกเขาอีกต่อไปเลย” แต่ว่ามู่หรงชูอวิ๋นก็คือมู่หรงชูอวิ๋น แม้ว่าตนจะเคยเรียกนางว่าหุ้ยซินก็ตามที
“ไม่ใช่ ลูกของพวกเราคือเจาเอ๋อร์” คำพูดนี้ของเขาทำเอาทุกคนต่างตกตะลึง แม้แต่ฉินเจาเองก็เกิดอาการแข็งทื่อไปทั้งร่าง ฉินสุยพูดขึ้นอีกครั้งอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “ในปีนั้น คนในตระกูลนั้นได้ให้กำเนิดเด็กที่เกิดมาพร้อมกับปานรูปเฟิงหวง และฉินเจาก็เกิดมาพอดี ข้าตื่นเต้นจึงได้สลับตัวพวกเขา เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ไม่โทษที่เจ้าพูดมาตลอดว่าข้าเป็นคนละโมบเกินไป ปรารถนาในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง น้องหญิงข้ารับปากเจ้า ขอเพียงเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้า ข้าจะไปเร้นกายในป่าด้วยกันกับเจ้า เหมือนกับพ่อตาแม่ยาย เจ้าอย่าทิ้งข้าไปเลย” ไม่มีใครในโลกนี้จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีกว่าเขา นอกจากฮูหยินฉินที่เป็นคนของเขาแล้ว เขาก็ไม่มีสิ่งใดอีก หากว่าไม่มีฮูหยินฉินแล้ว เขาก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้วจริงๆ
ฮูหยินฉินมองฉินเจาที่ยืนอึ้งค้างอยู่ทางด้านข้าง หยักยิ้มมุมปาก ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม “ถึงว่าเจ้าจึง…จึง…คงไม่ทันเสียแล้ว” ยังไม่ทันพูดจบดวงตาพลันปิดลงไปตลอดกาล คำพูดที่นางยังพูดไม่ทันจบนั้นได้กลายเป็นปริศนาไปแล้ว
ผ่านไปสักครู่ ฉินสุยเจ็บปวดสุดจะทานทน เอ่ยกับฉินเจาที่ยืนอยู่ไม่ไกล “นางเป็นแม่ที่ดี นางรักเจ้ามาก รักเจ้ามากยิ่งกว่าชีวิตของนางเสียอีก ต้นเหตุของความชั่วร้ายทั้งหมดเป็นเพราะข้า คนที่ผิดก็คือข้า หากเจ้าจะเกลียดชังขอให้เกลียดชังข้า อย่าได้ตำหนิโทษนาง ขอร้องเจ้าล่ะ” พูดจบก็หยิบดาบตัวเองขึ้นมาแทงเข้าร่างของตัวเองอย่างแรง ก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงข้างกายของฮูหยินฉิน
“ท่านหัวหน้า” ทุกคนต่างตะโกนลั่นด้วยความตกใจ
กุมมือที่เย็นลงเรื่อยๆ ของนางไว้ในอุ้งมือตัวเอง มุมปากมีรอยยิ้มของความพอใจ
มู่เยี่ยนก็ตกใจเช่นเดียวกัน ไม่คิดเลยว่าฮูหยินฉินจะเป็นคนใจเด็ดเช่นนี้ หากรู้แต่แรกเขาไม่มีทางยื่นดาบจี้ออกไปแน่นอน