บัลลังก์พญาหงส์ - ตอนที่ 399 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
สุดท้ายแล้วหลี่เย่ก็ตัดสินใจไม่รีบกลับไปเมืองหลวงในทันที…ดูท่าทีแล้วเกรงว่าสถานการณ์ของเมืองหลวงตอนนี้น่าจะวุ่นวาย อีกทั้งฮองเฮาเพิ่งถูกยึดอำนาจไป และยังถูกฮ่องเต้รับสั่งให้ ‘รักษาตัวให้ดี’ เกรงว่าตอนนี้เหิงกั๋วกงคงจะเป็นหมาจนตรอก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถทำได้
ตอนนี้ร่างกายของเขายังบาดเจ็บอยู่ ในเมื่อยังไม่สามารถเข้าร่วมการว่าราชการได้ ก็ไม่สามารถกุมอำนาจอะไรได้ อีกทั้งยังไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้มากนัก ดังนั้นสู้เขาหลบอยู่ที่นี่ก่อนเสียดีกว่า
ที่สำคัญที่สุดก็คือ อย่างช้าต้นเดือนหกฮ่องเต้ก็จะแปรพระราชฐานไปพระราชวังฤดูร้อนแล้ว รวมๆ แล้วตอนนี้ก็เหลือเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน ถึงรีบร้อนกลับไปก็ไม่ทันการ
ส่วนเหตุผลนั้น…ตอนนี้เขากำลังบาดเจ็บ นั่นก็ถือว่าเป็นข้ออ้างที่ดีมากแล้ว
ด้วยกลับไปเมืองหลวงไม่ทัน ดังนั้นหลี่เย่จึงเขียนหนังสือถวายให้ฮ่องเต้เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ แล้วให้ขันทีเป่าฉวนช่วยนำกลับไปเมืองหลวงแทนเขา แล้วเพื่อเป็นการไถ่โทษ เขาจึงขอรับหน้าที่จัดการซ่อมแซมและทำความสะอาดพระราชวังฤดูร้อน ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เสด็จมานานหลายปีแล้ว ก็ยากไม่ให้เกิดความทรุดโทรม ดังนั้นเขาจึงช่วยจัดการเสียหน่อย เรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นงานใหญ่ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเสียทีเดียว
แน่นอนว่า เรื่องรับหน้าที่ซ่อมแซมนี้ ก็เพื่อเวลาที่ฮ่องเต้เสด็จมาถึงแล้ว ตัวเองจะได้มีเหตุผลเข้าไปขอบพระทัยฮ่องเต้ด้วยตัวเองได้อย่างเหมาะสม
พอฮ่องเต้เห็นหนังสือที่หลี่เย่ส่งมาเพื่อขอพระราชทายอภัยโทษแล้ว ก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด แต่กลับสั่งคนประทานของไปให้มากมาย…กว่าครึ่งในนั้นเป็นของที่มอบให้แก่ลูกของหลี่เย่ทั้งสองคน ส่วนกั่วเจี่ยเอ๋อร์นั้น กลับไม่มีวาสนาได้รับ
ถึงอย่างไรซวนเอ๋อร์ก็เป็นลูกชายคนโตของหลี่เย่ อีกทั้งตอนเด็กๆ ยังเติบโตอยู่ในวังหลวง ความสัมพันธ์จะใกล้ชิดมากกว่าผู้อื่นก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนหมิงจูกลับได้รับอภิสิทธิ์พิเศษด้วยหน้าตาคล้ายคลึงกับกุ้ยเฟยที่เสียชีวิตไปแล้ว
ดังนั้นกั่วเจี่ยเอ๋อร์กับเซิ่นเอ๋อร์จึงไม่ได้รับอะไรเลย
องค์หญิงแปดส่งคนเอาของมามอบให้ถาวจวินหลัน ในขณะเดียวกันก็นำข่าวจากในเมืองหลวงมาบอกนางอีกด้วย…เช่นเรื่องที่เหิงกั๋วกงฮูหยินใหญ่ไปอาละวาดที่จวนเพ่ยหยางโหวอีกครั้ง โดยครั้งนี้ก็ยังคงไม่ได้พบหน้าเพ่ยหยางโหวฮูหยินเหมือนเดิม หลังจากเหิงกั๋วกงฮูหยินใหญ่กลับจวนไปแล้วก็โกรธมากเสียจน ‘ล้มป่วย’ แต่ครั้งนี้จวนเพ่ยหยางโหวกลับเย็นชาอย่างมาก เพียงแค่ส่งคนไปมอบของให้ก็ถือว่าจบเรื่องแล้ว
อีกทั้งเรื่องอนุที่ถูกทำร้ายของจวนคังอ๋องผู้นั้น สุดท้ายแล้วโชคร้ายต้องคลอดลูกก่อนกำหนด แต่กลับตายทั้งแม่และลูก โดยเด็กที่กำลังจะคลอดออกมานั้นเป็นผู้ชาย คังอ๋องที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วจึงยิ่งโมโหมากเข้าไปใหญ่ พอดื่มเหล้าเข้าไปแล้วไม่รู้ว่าอย่างไรถึงได้ไปหาหยวนฉงหวา พออารมณ์หงุดหงิดก็ลงไม้ลงมือตบตีหยวนฉงหวา สรุแหยวนฉงหวาก็รักษาเด็กในท้องเอาไว้ไม่ได้ แล้วที่ยิ่งทำให้คังอ๋องหงุดหงิดใจมากขึ้นอีกก็คือ เด็กในท้องของหยวนฉงหวา ก็เป็นเด็กผู้ชายเช่นกัน
เรื่องนี้ดูเหมือนจะทำให้คังอ๋องทนไม่ไหว อีกทั้งยังต้องถูกฮ่องเต้และไทเฮาตำหนิ จึงทำให้เขาเองก็ ‘ป่วย’ กะทันหัน
ส่วนเรื่องหลักฐานที่ผู้ว่าการเมืองหลวงทุจริตนั้นก็ถูกถวายให้ฮ่องเต้ แล้วเรื่องที่ผู้ว่าการเมืองหลวงละเลยลูกชายคนโตเพื่อต้องการยกยอภรรยาที่มาจากจวนเหิงกั๋วกง ทั้งยังทำร้ายภรรยาเอกของผู้ว่าการเมืองหลวงจนตายนั้นก็ถูกเปิดเผยออกมาด้วยเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ขุนนางที่คัดค้านความคิดเรื่องการเปลี่ยนผู้ว่าการเมืองหลวงของฮ่องเต้ ต่างก็เงียบกริบไม่กล้าส่งเสียงเรียกร้อง
ฮ่องเต้ทรงลงมือจัดการราวกับสายฟ้าฟาด ถือโอกาสตอนนี้แต่งตั้งกู่ลิ่งจือขึ้นเป็นผู้ว่าการเมืองหลวงแทน จากนั้นก็ตำหนิจวนเหิงกั๋วกง ว่าไม่อบรมสั่งสอนสตรีให้ดี และรับสั่งให้เหิงกั๋วกงตั้งใจสั่งสอนคนในตระกูล
แน่นอนว่า ในเมื่อต้องอารมคนในจวนให้ดี เช่นนั้นงานที่รับผิดชอบอยู่ในมือก็จะต้องมอบให้คนอื่นจัดการแทนบางส่วน ถึงแม้นี่จะไม่ใช่การทำลายอำนาจของจวนเหิงกั๋วกงไปเสียทีเดียว แต่ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณให้คนทั่วไปได้รู้ว่า ข้ากดอำนาจของจวนเหิงกั๋วกงลงแล้ว! ทางที่ดีที่สุดพวกเจ้าควรอยู่ให้ห่างจากจวนเหิงกั๋วกง!
ในพริบตาเดียว ประตูใหญ่ของจวนเหิงกั๋วกงก็เงียบเหงาไม่มีแขกผ่านไปมา แตกต่างจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับเหว
เหิงกั๋วกงเองก็ ‘ป่วย’ กะทันหัน
ถาวจวินหลันเล่าเรื่องพวกนี้ให้หลี่เย่ฟัง หลี่เย่กลับหัวเราะ “ป่วยจริงที่ไหนกันเล่า เกรงว่าจะรู้สึกเสียหน้าจนไม่กล้าพบใครเสียมากกว่า”
ถาวจวินหลันอดหัวเราะตามไม่ได้ แล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า “สมน้ำหน้า”
หลี่เย่เหลือบตาไปมองหยกสีเขียวเข้มรูปแตงโมที่เขาเพิ่งได้รับมาใหม่ แล้วก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก แม้แต่น้ำเสียงก็ฟังดูสบายๆ มากยิ่งขึ้น “เจ้าคอยดูเถิด ป่วยก็คงป่วยได้ไม่นาน เกรงว่าสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะกล้าป่วยนานรึ? ก็แค่เสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น”
อีกทั้ง ไม่แน่ว่าเหิงกั๋วกงอาจคิดลงมือทำอะไรกับตวนชินอ๋องอย่างเขาในเร็ววันนี้ก็เป็นไปได้
“ซินพานใกล้จะเดินทางกลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าครั้งนี้เสด็จพ่อจะประทานตำแหน่งไหนให้เขา” หลี่เย่ค่อยๆ หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วสำรวจหยกรูปแตงโมชิ้นนั้น ยิ้มแล้วพูดว่า “ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก”
“เอาไปเก็บไว้ให้ดีเถิด หากซวนเอ๋อร์เห็นเข้า เกิดสนใจอยากเอาไปเล่นขึ้นมา แตกแล้วก็คงไม่ดีนัก” ถาวจวินหลันบ่นอย่างหมดความอดทน “ของมีค่าบนชั้นวางของในห้องข้า ถูกเขาเล่นจนแตกไปสามชิ้นแล้ว ตอนนี้ข้าไม่กล้าวางของมีค่าอะไรเอาไว้อีก”
ไม่เพียงแต่ของมีค่าที่วางอยู่บนชั้นวางของเท่านั้น ทั้งยังมีปิ่นปักผมของนาง ก็ถูกซวนเอ๋อร์เล่นจนพังไปหลายชิ้น อีกทั้งปิ่นปักผมรูปหงส์ของนางก็ถูกซวนเอ๋อร์หักปีกหงส์ออกไปหนึ่งข้าง แล้วช่างมือที่ทำงานละเอียดเช่นนี้ก็หาได้ยาก ดังนั้นจะเอาไปซ่อมก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปซ่อมที่ไหน
แล้วที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ เกรงว่าเขาจะเล่นจนไม่ทันระวังแล้วทำให้ตัวเองบาดเจ็บ
หลี่เย่รู้นิสัยของซวนเอ๋อร์ดี จึงไม่กล้าวางไว้ตรงนั้น แล้วก็สั่งให้คนไปเก็บเอาไว้ให้ดี แล้วก็เปลี่ยนเป็นรูปฉางเอ๋อที่ทำจากแก้วมาวางไว้แทน ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ถือว่าเป็นของมีค่าราคาแพง
ทั้งสองคนพูดถึงคังอ๋องอีกครั้ง “คังอ๋องอยากได้ลูกชายแทบตาย แต่ตอนนี้กลับสูญเสียไปสองคน เกรงว่าเขาคงหงุดหงิดใจอย่างมาก อีกทั้งตอนนี้เหลืออนุที่ตั้งครรภ์อีกเพียงแค่คนเดียว ไม่รู้ว่าเวลานี้จะดูแลดีเพียงใด”
หลี่เย่หัวเราะ “พระชายาคังอ๋องลงมือลงแรงไปไม่น้อย แต่ว่าพระชายาคังอ๋องคงคิดไม่ถึงว่าหยวนซื่อจะเสียลูกไป”
ถาวจวินหลันหัวใจเต้นแรง “ท่านหมายความว่า เรื่องอนุผู้นั้นพระชายาคังอ๋องลงมือทำรึ? แต่ถึงอย่างไรเด็กคลอดออกมาแล้วก็ต้องอยู่ใต้ชื่อของพระชายาคังอ๋องมิใช่รึ แล้วเหตุใดนางถึงต้องทำเช่นนั้น?”
“เป็นชื่อของพระชายาคังอ๋องแล้วอย่างไร ถึงอย่างไรก็ไม่สู้เป็นลูกแท้ๆ ของตัวเอง อนุผู้นั้นเป็นคนที่คังอ๋องโปรดปราน ถึงแม้พอคลอดลูกออกมาแล้วพระชายาคังอ๋องจะเอาลูกไป แต่อนุผู้นั้นก็ยังอยู่ ลูกของหยวนฉงหวาต่างหากถึงจะเป็นเด็กที่พระชายาคังอ๋องต้องการ เนื่องจากหยวนฉงหวาเชิญหมอหลวงมาตรวจตั้งนานแล้วว่าเป็นลูกชาย” หลี่เย่เล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ให้ถาวจวินหลันฟัง น้ำเสียงมีความเย้ยหยันอยู่ในนั้น “พระชายาคังอ๋องไม่อยากให้คังอ๋องมีลูกมาก จะเป็นอันตรายต่อฐานะของนาง แต่ใครจะรู้เล่าว่าที่นางทำทุกอย่างลงไปนั้น กลับคว้าน้ำเหลว”
ถาวจวินหลันถอนใจ พระชายาคังอ๋องเป็นคนมีแผนการลึกซึ้ง เพียงแต่สุดท้ายนางกลับไม่ได้อะไรเลย ทำให้อดถอนใจไม่ได้จริงๆ
“ฮองเฮาทรงทราบเรื่องนี้แล้ว เกรงว่าจะทรงกริ้วอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งเกรงว่าจะต้องไม่พอใจในตัวพระชายาคังอ๋องแน่นอน” เรื่องน่าอนาถใจก็เป็นอีกเรื่อง แต่นางกลับคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดจากเรื่องนี้ได้ “ครั้งนี้พระชายาคังอ๋องไม่ได้ผลประโยชน์อะไรแล้วยังขาดทุนอีกต่างหาก”
“ท่านว่า หากใครคนไปสืบเรื่องนี้จนรู้แล้วว่าหยวนฉงหวาถูกใส่ร้าย จะเป็นเช่นไร?” ถาวจวินหลันเลิกคิ้วแล้วยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย
หลี่เย่พูดอย่างมั่นใจ “เช่นนั้นก็ยิ่งจะทำให้คังอ๋องเสียใจมากยิ่งขึ้น”
“เช่นนั้นท่านมีวิธีหรือไม่?” แน่นอนว่าถาวจวินหลันไม่มีความสามารถพอทำเรื่องพวกนี้ แต่นางคิดว่าหลี่เย่จะต้องมีอย่างแน่นอน
หลี่เย่หัวเราะเบาๆ “ฮูหยินรับสั่งมาได้เลย” พูดจบก็ยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วมองมา “แต่ว่าฮูหยินต้องมีสิ่งตอบแทนเสียหน่อยก็เท่านั้น”
ไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงแต่มองสายตาที่น่ากลัวนั้น ถาวจวินหลันก็รู้สึกเขินอายทันที…
เวลาที่พวกเขาอยู่กันสองคน นับวันหลี่เย่ยิ่งไม่รักษาท่าทีมากยิ่งขึ้น ทุกครั้งยิ่งทำให้นางทนไม่ไหว แต่ว่านี่ก็ทำให้รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนลึกซึ้งยิ่งขึ้นและเข้าใจกันมากขึ้น
ถาวจวินหลันแอบหวังในใจว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ นางเองก็ยินดี
เพียงแต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ฝันกลางวันของนางเท่านั้น นางรู้ดีแก่ใจว่า วันเวลาพวกนี้ยิ่งน้อยลงไปทุกวัน หลังจากกลับไปเมืองหลวงแล้ว หรือเมื่อฮ่องเต้เสด็จมาพระราชวังฤดูร้อนแล้ว วันเวลาเช่นนี้ก็ถึงคราวต้องสิ้นสุดลง
ส่วนต่อไปนั้น…หากคิดอยากจะมีเวลาว่างเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ง่ายแล้ว
เนื่องจากความรู้สึกที่เหมือนกับทุกวันจะเป็นวันสุดท้ายนี้ ทำให้ถาวจวินหลันปล่อยตัวเองให้สบายๆ มากขึ้น หลี่เย่สัมผัสได้แล้ว ก็ปฏิบัติตามนาง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทั้งสองคนกลับรู้สึกยิ่งมีความสุขมากขึ้น
วันนี้ **บและกล่องใส่ของที่วังหลวงส่งมานั้นได้มาถึงพระราชวังฤดูร้อนแล้ว ถาวจวินหลันกับหลี่เย่จึงต้องออกไปช่วย พอจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จเรียบร้อย ก็ได้ยินข่าวว่า อีกห้าวันฮ่องเต้ก็จะเสด็จมา
หลี่เย่จึงเริ่มยุ่งขึ้นมาทันที
รอจนถึงวันที่ฮ่องเต้จะเสด็จมา ถาวจวินหลันกับหลี่เย่ก็ตื่นแต่เช้า หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปรออยู่ที่พระราชวังฤดูร้อน ในตอนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นชินอ๋องก็ยังไม่ได้กลับไปขอบพระทัยฮ่องเต้ในทันที ครั้งนี้หากไม่กระตือรือร้นเสียหน่อย ก็คงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
ระหว่างรอฮ่องเต้เสด็จมาถึง ถาวจวินหลันก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าฮ่องเต้จะพาบรรดาพระสนมคนไหนมาบ้าง แน่นอนว่า ฮองเฮาไม่มีทางได้ตามเสด็จมาอย่างแน่นอน
นอกจากฮ่องเต้และพระสนมฝ่ายใน จวงอ๋องและอู่อ๋องก็ยังเสด็จมาด้วย
เนื่องจากคังอ๋อง ‘ป่วย’ ย่อมไม่ได้ตามเสด็จมา ได้แต่พักรักษาตัวอยู่ที่เมืองหลวง
นอกจากนั้น องค์หญิงแปดก็เสด็จมาด้วยเช่นกัน คนอื่นๆ ที่มีบ้านพักอยู่ในบริเวณนี้ ต่างก็ตามเสด็จมาด้วยหลายคน
สถานที่ที่เคยเงียบสงบมาโดยตลอด ในตอนนี้ก็คึกคักทันที
ถาวจวินหลันรู้สึกว่า การมาถึงของหญิงสูงศักดิ์พวกนี้ ทำให้อากาศดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมบางๆ ของแป้งทาหน้าลอยขึ้นมาทันที แม้แต่ร้านค้าต่างๆ ในบริเวณนี้ก็มีมากขึ้นด้วย
ถาวจวินหลันจึงพูดล้อเล่นกับหลี่เย่ “หากปีหนึ่งเสด็จมาที่นี่บ่อยๆ คนค้าขายพวกนี้คงมีเงินจนล้นกระเป๋าเป็นแน่”
หลี่เย่หัวเราะ “จะเสด็จมาหลายครั้งหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไร คนตระกูลสูงศักดิ์พวกนี้ต่างมีเงินทองเหลือใช้ จะได้เอามาหมุนเวียนให้คนธรรมดาทั่วไปบ้าง”
ถาวจวินหลันหัวเราะแล้วกรอกตาใส่เขา “คนพวกนั้นมาได้ยินท่านพูดเช่นนี้เข้า จะไม่ตกใจจนตาแทบถลนออกมาเลยรึ?”
ขณะกำลังพูดกันอยู่นั้น รถม้าของฮ่องเต้ก็มาถึงแล้ว ถาวจวินหลันกับหลี่เย่สบตากัน แล้วรีบเข้าไปต้อนรับ…ตอนนี้ใครต่างก็ไม่กล้าทำอะไรโดยไม่ระมัดระวัง โดยเฉพาะในตอนนี้ที่ฐานะเปลี่ยนไปแล้ว