บัลลังก์พญาหงส์ - บทที่ 418 แลกเปลี่ยน
ขุนนางฝ่ายบุ๋นล้วนเป็นเหมือนกันหมด ทุกแคว้นทุกรัชสมัยล้วนเป็นเช่นนี้
ถาวจวินหลันมองหลี่เย่ พลางพูดเย้าแหย่ว่า “นั่นเป็นเรื่องปกติ พวกเขาอ่านเพียงแค่หนังสือปรัชญา ไม่รับรู้เรื่องราวโลกภายนอก ไฉนเลยจะรู้ถึงความลำบากของประชาชนคนธรรมดา พวกเขาไม่เคยผ่านการใช้ชีวิตพเนจร ไม่เคยได้รับความลำบากหรือใช้ชีวิตที่ยากจนมากๆ มิเช่นนั้นแล้วก็คงไม่เป็นเช่นนี้”
หลี่เย่เข้าใจทันที “ก็ถูก ขุนนางฝ่ายบุ๋นเช่นนี้อ่านหนังสือจนบื้อไปแล้ว จะให้ข้าพูด ไม่เพียงต้องสอบบทวิชาการบริหารแคว้นเท่านั้น ควรจะต้องสอบเรื่องแผนการประชาชนด้วยซ้ำไป”
ถาวจวินอดหัวเราะไม่ได้ เหลือบมองหลี่เย่ทีหนึ่ง “เกรงว่าการสอบครั้งนี้จบแล้วก็คงมีแต่นักเรียนของสำนักที่ไม่โด่งดังแล้ว นักเรียนที่บรรดาตระกูลใหญ่ปลูกฝังเลี้ยงดูมาคงจะไม่มีคนที่ได้รับเลือก”
หลี่เย่แค่นหัวเราะ “ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น มีเพียงวิธีนี้ถึงทำให้แคว้นรุ่งเรืองประชาชนแข็งแกร่ง! การสอบคัดเลือกแต่เดิมนั้นจะต้องคัดเลือกผู้มีพรสวรรค์จากบรรดาสำนักที่ไร้ชื่อเสียง ไม่ใช่ส่งเสริมสิ่งที่ดีงามให้กับบรรดาตระกูลใหญ่นั้นมาไปกว่าเดิม!”
ถาวจวินหลันนิ่งคิดอยู่นาน ในใจนั้นเข้าใจว่าหลี่เย่กำลังไม่พอใจอย่างมาก วันข้างหน้าอาจจะมีการปฏิรูปการสอบคัดเลือกครั้งใหญ่ ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าเป็นเรื่องลำบากแล้ว บรรดาตระกูลใหญ่และตระกูลเก่าแก่นั้นเป็นรากไม้งอ ปล้องไม้สอดสลับกันไปมา ไม่ยอมให้หลี่เย่ไปแตะต้องสิทธิอำนาจและผลประโยชน์ของพวกเขา
“เรื่องเหล่านี้ อนาคตค่อยๆ ทำไป อย่างไรก็จะมีวิธี ในตอนนี้อย่าได้คิดมากจนเกินไป” ถาวจวินหลันเห็นว่าเขายังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด จึงพูดเกลี้ยกล่อม
หลี่เย่ย่อมรู้ว่าเรื่องนี้เร่งรีบไม่ได้ จึงทำได้แค่ปล่อยไปก่อน แล้วถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง
ตอนที่อาบน้ำ ถาวจวินหลันก็ให้หลี่เย่นั่งริมขอบ นางใช้น้ำช่วยสระผมให้เขา เส้นผมของหลี่เย่ดีมาก แต่ละเส้นแยกออกจากกันอย่างเห็นได้ชัด สีดำสนิทดั่งน้ำหมึกไหลผ่านนิ้วมือไป ถาวจวินหลันชื่นชอบจนวางมือไม่ลง
หลี่เย่เองก็หรี่ตาลงกำลังเพลิดเพลินกับช่วงเวลานี้ ส่งให้รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆจากนิ้วมืออ่อนนุ่มของถาวจวินหลันที่ลากผ่านหนังศีรษะของเขา
เมื่อคิดว่าสองวันมานี้หลี่เย่พักผ่อนได้ไม่ดีเท่าไรนัก ถาวจวินหลันจึงเลือกสบู่ที่มีกลิ่นไม้จันทร์มาชิ้นหนึ่ง กลิ่นนี้ช่วยให้จิตใจสงบนอนหลับง่าย กลิ่นหอมแม้ว่าจะอยู่ได้แค่เพียงคืนเดียว แต่ก็มีประโยชน์อย่างมาก
ขัดสบู่จนเกิดฟองและสระให้สองรอบอย่างละเอียดอ่อนแล้ว ถาวจวินหลันก็นวดศีรษะให้เขาอีกทีหนึ่ง แล้วถึงใช้ผ้าแห้งตั้งใจเช็ดน้ำออกจนแห้งอย่างละเอียดลออและใช้ปิ่นหยกเพื่อเกล้าผมเขาขึ้นไปชั่วคราว
เรื่องนี้แต่ก่อนตอนที่อยู่ในวังเต๋ออันก็ทำจนเคยชิน ยามนี้พอได้ทำอีกครั้งก็ไม่ได้รู้สึกห่างไกลเลยแม้แต่น้อย ยังคงรู้สึกคุ้นเคยคล่องแคล่ว ลื่นไหลเป็นไปตามธรรมชาติ
หลี่เย่ก็อดหัวเราะและพูดเย้าหยอกไม่ได้ “เจ้าสระผมได้สบายเป็นอย่างมาก” ตอนนั้นที่วังเต๋ออันเขาก็รู้สึกเช่นนี้ มีบางครั้งที่ฉวยโอกาสขณะถาวจวินหลันตั้งใจสระผมแอบมองนาง แต่นางก็ไม่รู้สึก
ถาวจวินหลันเม้มปากยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นข้าจะสระให้ท่านไปทั้งชีวิตเลยเพคะ” นางยินดีทำเรื่องระหว่างสามีภรรยาเหล่านี้แทนเขา เวลาเช่นนี้ชวนให้นางรู้สึกสงบสุขอย่างไม่มีเหตุผล รู้สึกเหมือนว่าวันเวลาหยุดหมุน เรื่องราวที่ไม่สบายใจทั้งหมดพลันสลายหายไปกับหมอกควัน
นางกับเขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขนี้ด้วยกัน สนับสนุนซึ่งกันและกันจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ให้กำเนิดลูกชายลูกสาว หาเลี้ยงครอบครัว
วันรุ่งขึ้นถาวจวินหลันก็ให้คนในบ้านคัดตำราการมอดไหม้และการเกิดใหม่ แม้นางจะรู้ว่าภายในคนเหล่านี้มีคนที่สมควรตายจริงๆ แต่คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่มีบรรพบุรุษเป็นเกษตรกร ทว่ายามนี้ถูกบีบบังคับให้ออกมากับคนเหล่านี้โดยไม่มีทางเลือก
บริเวณประตูเมืองนั้นได้ยินว่าวุ่นวายอยู่กว่าครึ่งคืน รอจนจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เลือดสดก็แทบจะอาบไปทั่วทุกพื้นที่บริเวณหน้าประตูเมือง สำหรับการเคลื่อนย้ายศพนั้นก็ใช้เวลากว่าค่อนวัน
ที่มากไปกว่านั้นก็คือวันที่สามที่เปิดประตูเมือง ได้ยินว่ามีพ่อค้าจำนวนมากแทบจะเบียดกันออกไป พ่อค้ารายเล็กเหล่านั้นก็เช่นกัน ถูกขังอยู่หลายวัน ในตอนนี้ในเมืองขาดทุกสิ่งอย่าง โดยเฉพาะผักสดและผลไม้ เป็นต้น
ถาวจวินหลันให้คนไปที่สวนเพื่อขนของจำนวนไม่น้อยมาแบบข้ามวันข้ามคืน จากนั้นก็ประกาศความคิดของตนเองให้ทั่วอีกครั้งหนึ่ง บอกให้ทุกพื้นที่เตรียมตัวให้พร้อม เมื่อทำเช่นนี้ก็สามารถส่งคนเข้าไปอยู่ได้ตลอดเวลา
เจ็ดแปดวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วคำสั่งการแต่งตั้งองค์รัชทายาทก็มาถึง แต่พิธีการแต่งตั้งก็ยังเหมือนกับที่หลี่เย่คาดการณ์เอาไว้ คือยังไม่ได้มีคำสั่งอะไรต่อไป
ตราบใดที่ยังไม่แต่งตั้ง คังอ๋องรัชทายาทคนนี้ก็ไม่ถือว่าถูกต้องตามทำนองคลองธรรม แต่ยามนี้ก็โต้แย้งไม่ได้ สถานการณ์ภัยพิบัติในตอนนี้รุนแรงถึงขนาดนี้ ถ้ายังจัดพิธีแต่งตั้ง แล้วประชาชนจะคิดเช่นไร เพื่อชื่อเสียงของตนเอง คังอ๋องจึงไม่กล้าเสนอเรื่องนี้
แต่ในเมื่อคำสั่งลงมาแล้ว ถ้าเช่นนั้นคังอ๋องก็นับเป็นองค์รัชทายาทแล้ว ด้วยเป็นรัชทายาทย่อมไม่มีเหตุผลให้อาศัยอยู่ที่จวนอ๋องอีก โหราจารย์ได้คำนวณฤกษ์ดี เพื่อให้รัชทายาทย้ายเข้ามาในวังหลวงอย่างเป็นทางการแล้ว
ถาวจวินหลันกลับคิดถึงหยวนฉงหวาขึ้นมา ถ้าหากว่าย้ายเข้าไปในวังหลวงตามองค์รัชทายาทจริง ถ้าเช่นนั้นนางก็ช่วยอะไรหยวนฉงหวาไม่ได้แล้ว เกรงว่าหยวนฉงหวาเข้าวังหลวงไปจะเทียบกับตอนนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
มีผู้หญิงตายในวังหลวงถือว่าเป็นเรื่องปกติอย่างถึงที่สุด ต่อให้เป็นพระสนมที่มีตำแหน่งต่ำต้อยในวังหลังก็ยังมีคนที่ตายอย่างน่าอนาถ เจ้านายไร้อำนาจในวังหลวงยังเทียบไม่ได้กับบ่าวรับใช้ที่มีหน้ามีตาเลยด้วยซ้ำไป
แต่ถาวจวินหลันคิดว่าหยวนฉงหวาจะส่งข่าวมาภายในไม่กี่วันนี้ อย่างไรเสียถ้ายังไม่ส่งข่าวมา ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
อย่างที่คาดเอาไว้ วันนี้ซูอวิ๋นมาขอเข้าพบอีกครั้ง ครั้งนี้กลับนำผ้าไหมผืนหนึ่งมาด้วย บนผ้าผืนนั้นปักดอกท้อเอาไว้ ปลายของผืนผ้ายังปักตัวหนังสือเอาไว้สองตัว ‘อี๋ซิ่ว’ ดูแล้วน่าจะเป็นชื่อของหญิงสาวนางหนึ่ง
นี่ก็ไม่ใช่สิ่งของแปลกประหลาดอะไร ตอนที่ถาวจวินหลันยังเป็นหญิงสาวก็ชอบผ้าเช่นนี้ ปักดอกไม้ที่ตัวเองชื่นชอบ และปักชื่อของตัวเองลงไป
ที่ทำให้ถาวจวินหลันสะกิดใจก็คือเนื้อผ้าผืนนั้น เนื้อผ้าเช่นนี้เป็นของบรรณาการ บริเวณด้านนอกที่มีล้วนเป็นของที่ในวังหลวงประทานมาให้
วิธีการปักเช่นนี้ถาวจวินหลันก็รู้สึกคุ้นตา แต่เวลาเพียงนิดกลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน รู้เพียงแค่พิเศษมาก
หยวนฉงหวาทุ่มทุนมอบผ้าผืนนี้ให้นางหมายความว่าอย่างไรกัน? ถาวจวินหลันไม่ค่อยเข้าใจนัก นั่งคาดเดาอยู่ค่อนวันก็เดาไม่ได้
ถาวจวินหลันพลิกผ้าในมือกลับไปกลับมา แล้วเหลือบมองซูอวิ๋น
หยวนฉงหวายังมีคำที่ต้องการพูดอีกอย่างที่คาดเอาไว้ จึงพูดเสียงเบาว่า “ชายารองบอกว่านี่พบบนกายของรัชทายาทเจ้าค่ะ รัชทายาทเก็บเอาไว้แนบกาย นางรู้ว่าเจ้าของผ้าผืนนี้คือใคร แต่ไม่ใช่ใครสักคนภายในจวน อีกทั้งเจ้าของผ้าผืนนี้ก็ยังเป็นผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้วด้วยเจ้าค่ะ”
ถาวจวินหลันตกใจทันที ถลึงตาโตอย่างอดไม่ได้ “ชายารองหยวนพูดเช่นนี้จริงหรือ?”
ซูอวิ๋นพยักหน้าและพูดว่า “ชายารองของพวกเราบอกว่า ถ้าหากท่านยอมยื่นมือเข้าช่วยให้นางได้รับตำแหน่งอีกครั้ง นางจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ท่านสามารถเก็บผ้าผืนนี้ไว้เป็นหลักฐานได้เจ้าค่ะ”
ซูอวิ๋นพูดเช่นนี้ ทำให้ถาวจวินหลันไม่ค่อยเข้าใจความคิดของหยวนฉงหวานัก ได้รับตำแหน่งใหม่อีกครั้ง? หรือจะพูดว่าหยวนฉงหวายังอยากเป็นชายารองต่อไป ไม่ใช่ ตอนนี้ต้องเป็นชายารองรัชทายาท ฐานะตำแหน่งยิ่งเพิ่มไปอีกชั้นหนึ่ง
ใช่ว่าเรื่องนี้เพียงแค่พูดก็ได้เสียเมื่อไร? ทางเดินที่ต้องผ่านนั้นไม่ง่ายดาย หยวนฉงหวาก็น่าจะรู้ดี
เห็นได้ชัดว่าหยวนฉงหวารู้สึกว่าชื่อของเจ้าของผ้าผืนนี้มีสูงส่งมากพอ
ถาวจวินหลันตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง ถามซูอวิ๋นอีกว่า “มีคำพูดอะไรอีกหรือไม่?”
ซูอวิ๋นนิ่งคิด พูดว่า “มีอีกเจ้าค่ะ แต่กำชับบ่าวว่าให้ท่านรับปากก่อนแล้วถึงพูด”
“พูดว่าอะไร เจ้าลองพูดให้ข้าฟังหน่อย” ถาวจวินหลันพลันแปลกใจ แล้วถามโดยพลัน
ซูอวิ๋นกลับลังเลไม่ยอมพูดออกมา
ถาวจวินหลันก็ไม่เร่ง รออย่างใจเย็น เรื่องนี้นางไม่อาจรับปากได้ง่ายจริงๆ อย่างไรตอนนี้คำร้องขอของหยวนฉงหวายากกว่าแต่ก่อน อีกทั้งนางเองก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่หยวนฉงหวาพูดจะคุ้มค่ากับมูลค่ามหาศาลเช่นนี้
ที่จริงแล้วถ้าพูดให้ชัดเจนก็คือ รู้ว่าองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์กับสตรีที่มีสามีแล้ว แม้ว่าหยวนฉงหวาจะไม่บอกนางว่าเป็นใคร ก็ใช่ว่านางจะสืบไม่พบ ของบรรณาการก็มีเท่านั้น คิดหาวิธีว่าอยู่ในมือใคร ใครชื่อว่าอี๋ซิ่ว ก็ไม่ใช่ว่าน้ำลดตอผุดแล้วหรืออย่างไรกัน?
แต่ทำเช่นนั้น สุดท้ายแล้วก็ถือว่าไม่ค่อยถูกหลักคุณธรรมนัก และคิดถึงสภาพตอนนี้ของหยวนฉงหวา นี่ก็ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายของหยวนฉงหวาแล้ว นางแม้ว่าจะไม่ใช่คนดีแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ตกบ่อแล้วก้อนหินหล่นทับเช่นนี้ ดังนั้นในเมื่อหยวนฉงหวาบอกข่าวเช่นนี้ให้นางรู้ ถือเป็นสิ่งตอบแทน ไม่ว่าอย่างไรแล้วนางก็ควรต้องช่วยหยวนฉงหวาสักครั้ง
ซูอวิ๋นเหมือนอ่านความคิดของถาวจวินหลันออก ฉับพลันนั้นก็อดรีบร้อนไม่ได้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งท้ายสุดก็พูดว่า “หากบ่าวพูดไปแล้ว ท่านจะต้องรับปากเรื่องนี้นะเจ้าคะ”
ถาวจวินหลันกลับพูดปลายเปิดว่า “ข้าจะพยายาม”
ซูอวิ๋นถึงพูดเสียงเบาว่า “ชายารองของพวกข้าพูดว่านางและท่านเป็นคนทางเดียวกัน นางสามารถช่วยให้จวนตวนอ๋องบรรลุจุดประสงค์ตามที่ต้องการได้ นางยอมกลายเป็นหมากตัวหนึ่ง”
สิ้นเสียง ถาวจวินหลันก็เข้าใจความหมายของหยวนฉงหวาทันที หยวนฉงหวาต้องการแก้แค้น
หยวนฉงหวาอยากให้รัชทายาทลงไปนอนในหลุมเป็นเพื่อนลูกของนาง อย่างไรจุดจบของหยวนฉงหวาในตอนนี้ องค์รัชทายาทกับพระชายาองค์รัชทายาทก็สลัดความสัมพันธ์ไปไม่ได้ หยวนฉงหวาโกรธเกลียด คิดแค้นก็ถือว่าสมเหตุสมผล อย่างไรหยวนฉงหวาก็สูญเสียไปหมดทุกอย่าง
เพื่อแก้แค้น หยวนฉงหวายินยอมเปิดโปงรัชทายาท ยินยอมที่จะเป็นหมากในมือของนาง
ถาวจวินหลันคิดพิจารณาความคิดนี้อย่างละเอียด รู้สึกว่าใช้ได้ทีเดียวและไม่ได้ขาดทุนอะไร จึงไม่ลังเล นานพยักหน้ารับปาก “ดี ข้ายินยอมช่วยนางสักครั้ง แต่นางก็จะต้องแสดงความจริงใจออกมา บอกข้าว่าเจ้าของผ้าผืนนี้เป็นใคร”
ซูอวิ๋นถอนหายใจเฮือกใหญ่ แทบจะยิ้มออกมาแทนร้องไห้
ถาวจวินหลันให้หงหลัวมอบเงินรางวัลให้ซูอวิ๋น และมอบยาบำรุงให้อีกหนึ่งห่อ แล้วถึงได้ให้ซูอวิ๋นกลับไป
พอหงหลัวกลับมา ถาวจวินหลันก็ยังคงคิดว่าครั้งนี้จะช่วยหยวนฉงหวาอย่างไร
หงหลัวเห็นเช่นนั้น ก็กังวลเล็กน้อย คิดอยู่สุดท้ายก็ขอล้ำเส้นสักครั้ง เอ่ยเตือนถาวจวินหลันว่า “ชายารองลืมตอนที่หยวนซื่อคนนั้นต้องการทำลายชีวิตท่านไปแล้วหรือเจ้าคะ? ตอนนี้นางมาขอร้องท่านก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ อย่างน้อยนางก็เป็นชายารอง มีครอบครัวเดิม ทำไมถึงไม่ไปขอความช่วยเหลือจากครอบครัวเล่า? ทำไมกลับมาขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าคะ?”
คำพูดของหงหลัวถือว่ามีเหตุผล