บัลลังก์พญาหงส์ - บทที่ 527 ความสัมพันธ์
ฎีกาขององค์รัชทายาทมาถึงในสองวันให้หลัง เมื่อได้ยินว่าฎีกาถึงมือของฮ่องเต้แล้ว ถาวจวินหลันก็เบาใจทันที จากนั้นก็ถามโจวอี้ที่มารายงานว่า “เนื้อหาในฎีกาเล่า?”
โจวอี้ยิ้ม ปกติแล้วเขาเคร่งขรึมมาก แต่ยิ้มได้เช่นวันนี้ถือว่าหาได้ยากนัก
เห็นรอยยิ้มของเขา ถาวจวินหลันก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น ดูท่าทางจะเป็นข่าวดี
อย่างที่คาดการณ์เอาไว้ โจวอี้เอ่ยปากพูดว่า “ในฎีกาขององค์รัชทายาทเขียนแค่ว่าปีนี้พายุหิมะรุนแรงและอากาศก็หนาวมากขอรับ ควรที่จะดึงเอาเงินจำนวนหนึ่งออกมาซื้อเสื้อนวม ผ้าห่ม และฝืนถ่านให้พร้อม แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่นขอรับ”
ถาวจวินหลันได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเสียงเย็น “ในเมื่อไม่พูดถึง นั่นก็ถือว่าปกป้องพวกขุนนางชั่วแล้ว คิดว่าฮ่องเต้คงต้องโกรธตงิดๆ แล้วเป็นแน่” แม้จะบอกว่าไม่ชอบองค์รัชทายาท แต่อย่างไรแล้วนั่นก็เป็นลูกชายของเขา ฮ่องเต้ย่อมหวังให้องค์รัชทายาทได้หน้าได้ตาบ้าง แต่ตอนนี้องค์รัชทายาทกลับทรยศความเชื่อใจของฮ่องเต้ เกรงว่าฮ่องเต้ต้องโกรธแค้นและเสียหน้ามาก
โจวอี้หวนคิดถึงท่าทางของฮ่องเต้ตอนนั้น ก็ยิ่งยิ้มกว้าง แต่ท่าทีกลับแฝงไว้ด้วยความเคร่งขรึม “ฮ่องเต้กริ้วมาก โยนฎีกาทิ้งลงพื้นทันที แล้วยังก่นด่าองค์รัชทายาทไปอีกรอบหนึ่ง” แม้แต่บรรดาท่านอ๋องที่อยู่เบื้องหน้าก็พาลโดนลูกหลงไปด้วย
ถาวจวินหลันพยักหน้า มีท่าทีไม่เห็นด้วยที่ฮ่องเต้มาพาลใส่คนอื่น แต่นางก็เข้าใจ เกรงว่าคราวนี้ฮ่องเต้คงจะขัดหูขัดตาไปเสียทุกอย่างแล้วกระมัง?
“ท่านอ๋องให้ข้ามาบอกชายารองว่า ให้ชายารองเตรียมตัวพร้อมขอรับ” โจวอี้พูดสิ่งที่หลี่เย่กำชับเบาๆ “ท่านอ๋องยังบอกอีกว่า สองวันนี้คงจะกลับจวนมาไม่ได้ ชายารองไม่ต้องห่วงขอรับ”
ถาวจวินหลันพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปเถิด ปรนนิบัติท่านอ๋องให้ดี จำไว้ว่าให้ท่านอ๋องทานอาหาร และอย่าลืมเพิ่มเตาผิงอีกอันหนึ่งตอนกลางคืน”
พอโจวอี้กลับไปแล้ว ถาวจวินหลันก็รีบสั่ง “ไปตามหลิวเอินเข้ามา” ตอนที่พูดคำนี้ นางตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย ครั้งนี้องค์รัชทายาทตัดสินใจทำเช่นนี้ ก็เป็นจังหวะให้พวกนางลงมือง่ายขึ้น นางย่อมไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปได้
ปลดองค์รัชทายาท นี่เป็นเรื่องที่เคยคิดมานับครั้งไม่ถ้วน อีกไม่นานก็จะเกิดขึ้นแล้ว
หากปลดองค์รัชทายาทสำเร็จ หลี่เย่ก็จะยิ่งเข้าใกล้จุดมุ่งหมายมากขึ้นอีกก้าว ไม่ใช่ซี น่าจะพูดว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว เพราะนอกจากลูกคนโตที่เป็นสายตรงแล้ว องค์ชายที่เหลืออยู่มีใครสู้หลี่เย่ได้บ้าง? ใครก็เทียบไม่ได้ ดังนั้นหลี่เย่ขึ้นนั่งตำแหน่งองค์รัชทายาท ถือว่าสำเร็จเพราะสภาวะปัจจัยที่พร้อมเพียง
พอคิดดูแล้วถาวจวินหลันก็อดยิ้มไม่ได้ หากหลี่เย่เป็นองค์รัชทายาท และสวมใส่ชุดประจำตำแหน่งองค์รัชทายาท เขาจะต้องดูดีแน่นอน
และเมื่อถึงเวลานั้น ความโกรธแค้นและความรู้สึกต่างๆ ที่ฝังลึกในใจของเขา ก็คงระบายออกไปได้บ้างใช่หรือไม่?
ก้าวนี้เป็นการดึงองค์รัชทายาทลงมา ถ้าเช่นนั้นก้าวต่อไปก็รอให้หลี่เย่ได้ครอบตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้ว ค่อยไปสู้รบปรบมือกับฮองเฮาและตระกูลหวัง
หากลุล่วงหมดทุกเรื่อง ความแค้นทั้งหลายในใจของหลี่เย่ก็คงจะหายไปบ้างใช่หรือไม่? แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่หลี่เย่ต้องพบเจอก่อนหน้านี้ก็ไม่สามารถเรียกคืนมาได้ สุดท้ายก็ยังทิ้งบาดแผลเอาไว้
พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ฉับพลันนั้นถาวจวินหลันก็เริ่มไม่พอใจ คิดว่ายังโจมตีฮองเฮาไม่สาแก่ใจ
แต่พอนางคิดว่าตอนนี้ฮองเฮาต้องร้อนใจมากแน่นอน ก็หัวเราะน้อยๆ ฮองเฮาจะต้องบอกว่าองค์รัชทายาทปกปิดเพราะถูกหลอกมาแน่นอน เพื่อกู้สถานการณ์ล้มเหลวขององค์รัชทายาท แต่ครั้งนี้นางไม่ยอมให้เรื่องนี้กลายเป็นข้ออ้างขององค์รัชทายาท คราวนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกปลดอย่างแน่นอน
หลิวเอินมาถึงอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าชุ่มเหงื่อ
ถาวจวินหลันไม่รอให้เขาทำความเคารพ ก็พูดทันทีว่า “ฎีกาขององค์รัชทายาทถูกส่งกลับมาแล้ว ไม่ได้บอกเรื่องขุนนางทุจริตคดโกงเลยแม้แต่คำเดียว ทั้งยังไม่บอกสถานการณ์ของชาวบ้านในตอนนี้เลย”
หลิวเอินก็ได้ยินข่าวคราวจากนอกวังหลวงมาไม่น้อย จึงพยักหน้าเล็กน้อย “นอกวังเองก็เริ่มมีข่าวกระจายมาแล้วเช่นกัน คนจำนวนไม่น้อยพากันพูดถึงเรื่องนี้ขอรับ”
“เร็วขนาดนี้เลยหรือ?” ถาวจวินหลันขมวดคิ้ว “ใคกระจายข่าวนี้ออกไปกัน?” นางเพิ่งได้รับข่าวจากในวังหลวง ด้านนั้นกลับเริ่มกระจายข่าวแล้ว ออกจะเร็วเกินไปเสียหน่อย ที่สำคัญที่สุดก็คือ คนปล่อยข่าวต้องตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับองค์รัชทายาทแน่นอน นางรู้สึกสงสัยคนผู้นี้มาก เกรงว่าคนที่เป็นศัตรูกับองค์รัชทายาทแล้วยังทำเรื่องนี้ได้คงมีน้อยนัก
อย่างไรหลี่เย่ก็ไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าวแน่นอน เช่นนั้นอาจจะเป็นจวงอ๋องหรืออู่อ๋องอย่างนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง ต่อจากนี้ไปจะต้องระวังให้มากขึ้นแล้ว
ตอนนี้นางไม่ได้รีบให้หลิวเอินไปทำเรื่องที่นางสั่งก่อนหน้านี้ แต่กลับพูดว่า “เจ้าลองคิดหาวิธีสืบดู ว่าแท้จริงแล้วใครปล่อยข่าวนี้กันแน่”
หลิวเอินมีท่าทีลังเล “นี่อาจจะสืบยากขอรับ”
“ทำอย่างสุดความสามารถก็แล้วกัน” ถาวจวินหลันย่อมต้องรู้ว่าข่าวลือไร้ต้นตอเช่นนี้สืบยาก เพียงแค่พูดเท่านั้น คิดว่าหากสืบได้ก็ถือว่าดีที่สุด แต่ถ้าไม่พบก็ไม่เป็นอะไร
หลิวเอินถึงได้ถอนใจโล่งอก แม้จะรู้ว่าถาวจวินหลันไม่ใช่ผู้หญิงไร้เหตุผล แต่ในเรื่องเช่นนี้ผู้หญิงย่อมสู้ผู้ชายไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงยังกังวลอยู่เล็กน้อย
ถาวจวินหลันไม่รู้ถึงความกังวลของหลิวเอิน จึงสั่งต่อไป “ช่วงนี้หาโอกาสกระจายข่าวเรื่องปลดองค์รัชทายาท ทางด้านขุนนางยังไม่จำเป็น ที่สำคัญคือพวกชาวบ้านด้วยกันเอง พยายามคิดหาวิธีปลุกปั่นให้ชาวบ้านโมโห ทำให้องค์รัชทายาทไม่อาจซื้อใจชาวบ้านกลับมาได้อีก
เรื่องนี้ทำได้ง่าย หลิวเอินย่อมรับปากอย่างง่ายดาย
“สุดท้ายค่อยกระจายข่าวเรื่องตระกูลหวังร่วมมือกับขบวนการทุจริตนี้ด้วย” ถาวจวินหลันยิ้มบาง ”ทางที่ดีให้พูดใส่สีตีไข่เล็กน้อย จนตระกูลหวังเอาตัวไม่รอดถึงจะดี”
ตระกูลหวังเอาตัวไม่รอด ย่อมต้องไม่มีเวลามาสนใจองค์รัชทายาท และไม่มีทางที่ฮองเฮาจะยืมอำนาจของตระกูลหวังได้
หลิวเอินครุ่นคิด และพูดว่า “หรือว่าตระกูลที่เข้าฝ่ายกับตระกูลหวังก็สามารถผูกติดไปด้วยได้ขอรับ?”
ถาวจวินหลันยิ้มย่อง “ใช่แล้ว ทำเช่นนั้น” ขอแค่เป็นพวกที่สนับสนุนองค์รัชทายาท ครั้งนี้จะถูกรวบเข้าไปหมด เป็นน้ำที่ถูกเคี่ยวจนขุ่น ทุกคนไม่อาจเอาตัวรอดได้ แล้วยังจะมีใครปกป้ององค์รัชทายาทได้อีก? และพวกเขากลับสามารถจับปลาท่ามกลางน้ำขุ่นได้ ไม่ใช่ว่ายิ่งดีหรืออย่างไร?
ทางด้านนี้เพิ่งสั่งหลิวเอินเสร็จ ถาวจวินหลันก็ให้คนจัดเตรียมเสื้อผ้า เพื่อเข้าวังหลวงในวันรุ่งขึ้น ครั้งนี้การพนันขันต่อของนางและไทเฮา ไทเฮาเป็นคนแพ้ คิดว่าไทเฮาคงจะไม่นึกเสียดายหรอกใช่หรือไม่?
แน่นอนว่าก่อนที่จะเข้าวังหลวง นางจะต้องไปอีกสองที่เสียก่อน ที่แรกคือจวนเพ่ยหยางโหว อีกที่หนึ่งคือจวนองค์หญิงแปด หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสองบ้านนี้ เกรงว่าฎีกาขององค์รัชทายาทจะต้องถูกเปลี่ยนอย่างแน่นอน เรื่องรายละเอียดระหว่างเรื่องนี้นางอาจจะไม่รู้ แต่ความลำบากที่ต้องพบนั้นนางรับรู้
อย่างเช่นพี่ชายบุญธรรมของนางจากจวนเพ่ยหยางโหวที่ออกไปจัดการเรื่องนี้ ตอนที่กลับมาก็เต็มไปด้วยบาดแผล ส่วนคนที่ตามไปก็บาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย เพียงแค่เท่านี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเรื่องนี้โหดร้ายเพียงใด
แน่นอนว่าคนของฮองเฮาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร คนที่ส่งไปถูกฆ่าตายทั้งหมด ไม่ใช่ว่าไม่อยากเก็บคนมีชีวิตเอาไว้ แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นทหารพลีชีพทั้งหมด ไม่มีทางเก็บพยานมีชีวิตเอาไว้ได้เลยแม้แต่คนเดียว
เพียงแค่เท่านี้ ถาวจวินหลันก็ต้องสูดลมหายใจเย็นเพราะความสามารถของฮองเฮาอีกครั้ง ทหารพลีชีพสั่งสอนอบรมง่ายหรืออย่างไร? ครั้งนี้ฮองเฮาส่งทหารพลีชีพมาเยอะขนาดนี้ จะต้องฝึกอบรมมานานเพียงใด?
และกระทั่งนางเองก็รู้สึกยินดีเล็กน้อย รู้สึกว่าสวรรค์กำลังช่วยเหลือนางอยู่ หากองค์รัชทายาทไม่ได้เลวร้าย และลุ่มหลงโง่งมขนาดนั้น ก็คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้ แล้วนางกับหลี่เย่จะมีโอกาสได้อย่างไร?
ดังนั้นฮองเฮาคงต้องเสียดายมากเป็นแน่ ที่บอกว่าตามใจลูกเหมือนฆ่าลูก คำพูดนี้ไม่ผิดแม้แต่น้อย ถาวจวินหลันลอบคิดในใจว่า ต่อจากนี้ไปนางไม่มีทางตามใจซวนเอ๋อร์แน่นอน ไม่เพียงแค่ซวนเอ๋อร์ แม้แต่หมิงจูเอง หรือต่อจากนี้ถ้าจะมีลูกอีกก็ตาม นาไม่มีทางตามใจจนเคยตัว หรือลำเอียงเอ็นดูใครเป็นพิเศษแน่ มิเช่นนั้นก็ถือเป็นการทำร้ายพวกเขาเท่านั้นเอง
เมื่อมาถึงจวนเพ่ยหยางโหว หลังจากถาวจวินหลันพบเพ่ยหยางโหวฮูหยินแล้ว ก็ก้มตัวลงกราบอย่างซาบซึ้ง “ ขอบพระคุณท่านแม่และพี่ชายทุกท่านที่สนับสนุนอย่างสุดความสามารถเจ้าค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าเพ่ยหยางโหวฮูหยินร้องไห้มาก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะใช้เครื่องสำอางปิดบังไปได้บางส่วน แต่ก็ปิดไม่มิด นางถอนหายใจพลางยิ้มขมขื่นกล่าว “หวังว่าในอนาคตจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้อีก” ลูกชายทั้งสี่คนล้วนได้รับบาดเจ็บ หัวอกคนเป็นแม่ย่อมเจ็บปวดใจและหวาดกลัวเป็นที่ยิ่ง
ถาวจวินหลัน ไฉนเลยจะไม่รู้ว่าเพ่ยหยางโหวฮูหยินตำหนินาง นางจึงมองเพ่ยหยางโหวฮูหยินอย่างลุแก่โทษ ทำได้เพียงแค่นยิ้มกล่าว “ข้าเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ครั้งนี้ถือว่าข้าทำให้พวกพี่ชายลำบากแล้ว ขอท่านแม่โปรดกล่าวขอบคุณแทนข้าด้วย แล้วยังมีบรรดาพี่สะใภ้อีก ข้ารู้สึกขอโทษจากใจจริง ขอให้พวกนางอย่าโทษข้าเลยนะเจ้าคะ”
พอพูดจบถาวจวินหลันก็ให้ปี้เจียวยกของที่นางเตรียมเอาไว้ออกมา
ปี้เจียวก้าวขึ้นหน้าพลางเปิด**บที่ถือในมือออก บนพื้นผ้าไหมสีแดงวางทับทิมสีแดงเลือดนกไว้ ทุกเม็ดขนาดประมาณไข่นกมีสีแดงอ่อนบริสุทธิ์ แล้วยังใสจนแทบไม่เห็นสิ่งเจือปนอะไรทั้งสิ้น ถือว่าเป็นของดีในของดี
“ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยของข้าเจ้าค่ะ ขอท่านแม่และเหล่าพี่สะใภ้อย่ารังเกียจไปเลยเจ้าค่ะ” ถาวจวินหลัน ยิ้มพลางพูดว่า “แม้จะบอกว่าไม่มากพอแสดงความซาบซึ้งใจของข้า แต่ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนเล็กน้อยเจ้าค่ะ”
คราวนี้จวนเพ่ยหยางโหวออกแรงไม่น้อยย่อมต้องตกรางวัลให้ดี แต่ตอนนี้หลี่เย่ยังไม่อาจสั่งเลื่อนขุนนางหรือยศตำแหน่งอะไรได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยทางด้านสมาชิกผู้หญิงไปก่อน ทับทิมสีแดงเลือดนกเหล่านี้ เป็นของดีที่อยู่ในคลังสมบัติส่วนตัวของนาง กว่าจะเก็บสะสมได้ห้าเม็ดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่สำคัญกว่านั้นก็คืออัญมณีที่ชิ้นใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งเมืองหลวงก็คงมีไม่มากเท่าไรนัก
แต่นางยอมเอาออกมาพร้อมกันห้าเม็ด ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทำได้ ถ้าไม่เพราะหลี่เย่มีกิจการทางเรือ เกรงว่านางก็คงหามาไม่ได้เช่นกัน
เพ่ยหยางโหวฮูหยินย่อมต้องเข้าใจความหมายของถาวจวินหลัน จึงเก็บไปด้วยความพอใจ ของที่ถาวจวินหลันให้นางไม่เพียงแค่เป็นอัญมณีล้ำค่า ต่อให้เป็นเมล็ดงาห้าเม็ด นางก็จะรับไว้ด้วยความยินดีเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะให้หรือรับล้วนแสดงออกถึงการสานสัมพันธ์ และร่วมมือกันระหว่างสองตระกูล
แล้วนับประสาอะไรกับของดีที่ถาวจวินหลันนำมาให้นาง ต่อให้เพ่ยหยางโหวฮูหยินเคยเห็นของล้ำค่ามากมาย แต่ตอนนี้ก็อดนิ่งอึ้งไปไม่ได้ นางรู้สึกปลื้มปริ่มเป็นที่ยิ่ง สุดท้ายแล้วก็เป็นครอบครัวโอรสสวรรค์ คนอื่นไม่สามารถเทียบได้
จากนั้นเพ่ยหยางโหวฮูหยินก็เอ่ยถามเสียงเบา “ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้ากระจายข่าวเรื่ององค์รัชทายาทปกป้องคนเหล่านั้นไป ก็ด้วยคิดจะปลดองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ?”