บัลลังก์พญาหงส์ - บทที่ 623 ไม่สนใจ
วันนี้ระหว่างทางไปทำความเคารพไทเฮา ถาวจวินหลันกับหลี่เย่ก็บังเอิญพบกู้ซี ในเมื่อบังเอิญเจอ ย่อมไม่อาจแสร้งไม่เห็นได้
กู้ซียิ้มน้อยๆ เอ่ยปากทักทายก่อน “พวกท่านจะไปทำความเคารพไทเฮาหรือเพคะ? บังเอิญเสียจริง ข้าเองก็จะไปพบไทเฮาเช่นกัน”
หลี่เย่พยักหน้าเล็กน้อย เรียกขานตามมารยาททีหนึ่ง “จวงผินเหนียงเหนียง” เพราะรุ่นต่างกัน ดังนั้นแม้ว่ากู้ซีจะฐานะต่ำกว่า แต่เขาก็ยังไว้หน้าอยู่บ้าง
ถาวจวินหลันยิ้มรับคำ “ใช่แล้ว กำลังจะไปหาไทเฮา ช่างบังเอิญนัก ในเมื่อบังเอิญเจอแล้ว พวกเราก็ไปด้วยกันเถิด ไทเฮาเห็นแล้วจะได้ดีใจด้วย”
ถาวจวินหลันไม่รู้เรื่องขัดแย้งระหว่างไทเฮากับกู้ซี นางถึงได้คิดว่าไทเฮาเห็นกู้ซีแล้วจะดีใจเป็นแน่ แต่ในใจก็รู้ว่าหลี่เย่คงต้องประหม่าอยู่เล็กน้อย
ความจริงแล้ว หากไม่ใช่เพราะว่าแสดงออกตรงเกินไปจะทำให้คนคิดมาก คราวนี้หลี่เย่คงคิดหาข้ออ้างเลี่ยงกู้ซี เขาไม่ได้ทำตัวไม่ถูก แต่สถานการณ์เช่นนี้อย่างไรเขาก็ควรต้องหลบออกไป อีกทั้งไม่ต้องพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เพียงแค่ความเป็นหญิงชาย เขาก็ควรต้องหลบออกไปก่อนอยู่แล้ว
ถาวจวินหลันเอ่ยปากชวนกู้ซีเดินไปด้วยกันอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ก็ด้วยเพราะมีความคิดหนึ่งเช่นกัน ถ้าต้องให้คนเอาไปคาดเดากันเอาเอง ไม่สู้ทำให้ทุกคนเห็นไปเลย เรื่องมากมายเมื่อทำให้ทุกคนได้เห็นแจ้งแก่ใจ ย่อมไม่มีจุดให้คนสนใจมากถึงเพียงนั้นอีก
อีกอย่างจากตรงนี้ไปถึงวังหย่งโซ่วของไทเฮาก็ไม่ได้ไกลนัก ถึงตอนนั้นนางกับหลี่เย่ทำความเคารพไทเฮาเสร็จค่อยขอทูลลาออกมาก็ได้ ไม่ต้องอยู่นานเกินไป คิดว่าไทเฮาคงจะเข้าใจและไม่กล่าวโทษกัน
กู้ซีก็รับคำอย่างใจกว้าง
ตลอดทางก็ไม่มีเรื่องอะไร หลี่เย่กลับจงใจเดินนำหน้าเล็กน้อย ตามหลักเกณฑ์แล้วเขาทำเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ส่วนถาวจวินหลันก็เดินคู่ไปกับกู้ซี
“พูดไปแล้ว วันนั้นคนเยอะข้ายังไม่ได้มีโอกาสแสดงความยินดีกับพระชายาองค์รัชทายาทเลย” กู้ซียิ้มให้ถาวจวินหลัน พูดแสดงความนับถือ “วันนี้ถือว่าเกิดผลแล้ว คิดว่าพระชายาองค์รัชทายาทคงจะใช้ชีวิตสบายใจได้เสียที”
ถาวจวินหลันได้ยินคำพูดของกู้ซี ก็แปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดมาก เพียงยิ้มบางๆ “แค่โชคดีเท่านั้น พูดแล้วก็ถือว่าสบายใจกระมัง”
คำพูดเป็นแค่คำพูดตามมารยาทเท่านั้น
แต่เมื่อกู้ซีได้ยิน กลับไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น กู้ซีกัดฟัน ก้มหน้าลง ปิดบังสีหน้าของตน ยังคงยิ้มและพูดต่อไปว่า “พูดไปแล้ว ข้ายังมีเรื่องอยากถามท่านสักหน่อย”
ถาวจวินหลันมองเห็นประตูวังหย่งโซ่วแล้ว จึงรับคำอย่างสบายๆ “อย่างนั้นหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร? หากข้ารู้ย่อมต้องช่วยคลายความสงสัยของจวงผินเป็นแน่”
แต่เดิมนางคิดว่าเป็นเรื่องทั่วไป หรืออาจเป็นเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับนาง กู้ซีเพียงแค่อยากถามความเห็นนางเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าพอกู้ซีเอ่ยปากออกมาจะทำให้นางนิ่งตะลึงงันไป
เพราะที่กู้ซีถามคือ “ท่านไม่คิดว่าอี๋เฟยแปลกๆ หรือ? เห็นว่าอี๋เฟยกับฮองเฮาใกล้ชิดกัน อีกทั้งตอนที่องค์ชายเก้าคลอดก็ผิดปกติเล็กน้อย ข้าว่าท่านน่าจะถือไพ่ตายของอี๋เฟยเอาไว้กระมัง แต่ไม่รู้ว่าจะเหมือนที่ข้าเดาหรือไม่?”
ถาวจวินหลันคิ้วกระตุกอย่างแรง นางคิดไม่ถึงว่าจวงผินจะพูดเรื่องนี้กะทันหัน นางคิดว่ากู้ซีคงรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
แต่นางก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ใช้ท่าทีตื่นตกใจเมื่อครู่นี้ จงใจเอ่ยปากพูดอย่างตกใจว่า “จวงผินหมายความเช่นไร? ตอนที่องค์ชายเก้าคลอดมีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ? อี๋เฟยกับฮองเฮาสนิทกันดี หรือว่าไม่ได้เป็นเพราะอี๋เฟยยอมเข้าสมัครพรรคพวกเล่า?”
กู้ซีจ้องมองใบหน้าของถาวจวินหลันนิ่งครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อไป เพียงแค่ยิ้มบางๆ “อาจเป็นข้าที่คิดสงสัยมากเกินไป แต่เดิมก็คาดเดาโดยพลการเท่านั้น ไม่อาจคิดเป็นจริงเป็นจังได้ ในเมื่อไม่ใช่ข้าเองก็วางใจเพคะ”
ถาวจวินหลันเห็นกู้ซีพูดด้วยท่าทางสบายๆ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จากนั้นก็พูดว่า “ในเมื่อไม่ใช่ เช่นนั้น จวงผินก็ไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว ให้คนอื่นได้ยินเข้าจะไม่ดี หากเข้าใจผิดไป ไม่เพียงไม่เหมาะสม และยิ่งทำให้คนอื่นคิดว่าจวงผินชอบนินทา นั่นจะยิ่งไม่ดีไปใหญ่”
คำพูดของถาวจวินหลันแฝงไว้ด้วยความเข้มงวด กู้ซีเห็นว่าเป็นการสั่งสอนและตำหนิ นางก้มหน้าลงไป พูดตะกุกตะกักเสียงเบา “ข้าผิดไปแล้ว”
ท่าทีเช่นนี้ทำให้คนไม่อาจคิดสงสัยอะไรได้อีก คิดว่ากู้ซีเพียงแค่เอ่ยปากถามเท่านั้น แม้ถาวจวินหลันจะตกใจ แต่ก็ไม่ได้เก็บไปคิด เพียงคิดว่าจะต้องหาข้ออ้างไปตักเตือนอี๋เฟยเสียหน่อย
แต่เดิมก็ไม่ได้มีอะไร แต่พอเข้าไปในห้อง ไม่รู้ว่ากู้ซีคิดอะไร ขาเดินสะดุดธรณีประตูเข้าอย่างจัง ร่างถลาไปข้างหน้า นางจึงรีบยื่นมือออกไปจับตามสัญชาตญาณ ถาวจวินหลันเองก็ถูกลากจนถลาเซไปเช่นเดียวกัน แต่ที่สำคัญคือนางไม่ทันเดินพ้นธรณีประตู ก็สะดุดธรณีประตูเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนส่งเสียงร้องตกใจ
หลี่เย่หันไปจับไว้ตามสัญชาตญาณ โดยจับเข้ากับข้อศอกของกู้ซีพอดิบพอดี แต่ก็รีบปล่อยลงอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปประคองถาวจวินหลันไว้ แม้ว่ากู้ซีจะไม่ล้ม แต่สภาพก็น่าเวทนาเป็นยิ่ง
ถาวจวินหลันสงบใจที่เต้นแรงเพราะความกลัวอยู่ครู่หนึ่ง พลางขมวดคิ้วมุ่น เมื่อครู่นี้หลี่เย่ทำชัดเจนมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะกู้ซีพอประคองตัวเองให้ยืนมั่นคง และถูกนางกำนัลดึงเอาไว้ เกรงว่าคงล้มลงไปจริงๆ
หลี่เย่ปล่อยมือเร็วเกินไป ไม่ว่าอย่างไรก็อธิบายไม่ได้
ตามคาด กู้ซีมองหลี่เย่อย่างน้อยใจ จากนั้นก็หัวเราะเวทนาตนเอง หันไปขอบคุณหลี่เย่ด้วยใบหน้าซีดเผือด “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ”
คิ้วของถาวจวินหลันยิ่งขมวดมุ่น กู้ซีไม่พูดขอบคุณยังดีเสียกว่า พอพูดแล้วยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าหลี่เย่ทำผิดศีลธรรม แม้จะบอกว่าหลี่ปล่อยมือเพราะจะช่วยนาง แต่นั่นก็ยังดูเห็นแก่ตัวอยู่เล็กน้อย
หลี่เย่เองก็ได้สติกลับมา มองกู้ซีอย่างขอโทษทีหนึ่ง พูดเรียบๆ ว่า “ข้าปล่อยมือเร็วเกินไป แต่เพราะเห็นว่าชายาข้าจะล้ม จึงไม่ทันได้สนใจ”
หลี่เย่ยอมรับอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ถาวจวินหลันก็หันมองหลี่เย่ แล้วก็เข้าใจความหมายของเขา จึงส่งยิ้มขอโทษให้กับกู้ซี “จวงผินเหนียงเหนียงไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
กู้ซีพยักหน้า “ไม่เป็นไร แค่ตกใจเท่านั้น”
เพราะเรื่องเกิดตอนที่เข้าประตูวัง ไทเฮาจึงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เมื่อพบทุกคนก็เอ่ยถาม “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ถาวจวินหลันจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่หลี่เย่ปล่อยมือ เพียงแค่บอกว่าตกใจแต่ไม่ได้บาดเจ็บอะไร
ไทเฮาขมวดคิ้ว “อยู่ดีๆ ทำไมถึงไปสะดุดธรณีประตูได้เล่า? ทำไมไม่ระวังตัวเลย”
เห็นว่าไทเฮาพูดตำหนิเล็กน้อย กู้ซีก็รีบพูดว่า “หม่อมฉันไม่ระวังเองเพคะ พาลให้พระชายาองค์รัชทายาทเหนื่อยไปด้วย ยังดีที่องค์รัชทายาทประคองหม่อมฉันเอาไว้ ถึงได้ไม่ล้มไปเพคะ”
สายตาของไทเฮาหยุดมองกู้ซีอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พูดว่า “เป็นเช่นนี้นี่เอง ในเมื่ออย่างนั้นก็ถอดธรณีประตูนั่นออกเสีย อย่าให้ขัดขาได้อีก จางหมัวหมัว เจ้าจำเอาไว้ อย่าลืมเสียเล่า”
จางหมัวหมัวรีบรับคำ
ลูกไม้นี้ของไทเฮาทำให้ทุกคนงุนงง จากนั้นไทเฮาก็มองนางกำนัลข้างกายกู้ซี พูดเรียบๆ ว่า “แม้แต่เจ้านายตัวเองยังประคองไว้ไม่ได้ จะเอาไว้ทำไม? ไป รับโทษโบยคนละห้าครั้งข้างนอก”
คราวนี้กู้ซีนิ่งไปจริงๆ ขอร้องวิงวอน “หม่อมฉันไม่ระวังเองเพคะ ไทเฮา…”
“นางกำนัลมีเอาไว้รับใช้เจ้านาย แม้แต่เจ้านายตัวเองยังดูแลไม่ดี ไม่มีไปยังจะดีเสียกว่า ไม่ว่าเจ้าจะไม่ระวัง หรืออย่างไรก็ตาม แต่พบเรื่องอันตรายก็ถือเป็นความรับผิดชอบของพวกเขา ลากไปโบย!” น้ำเสียงของไทเฮาฟังดูแน่วแน่ และไม่อนุญาตให้ต่อต้าน
ถาวจวินหลันฉุกคิดขึ้นได้ทันที ก้าวขึ้นมาข้างหน้าเช่นเดียวกัน “สมควรเป็นเช่นนั้นเพคะ ไม่อย่างนั้น หลังจากนี้คงไม่ใส่ใจปรนนิบัติกัน นี่ถูกต้องที่ไหนหกันเพคะ? ไทเฮาเคยพบมาเยอะกว่าพวกเรามาก ความเห็นของพระองค์ย่อมถูกต้องเสมอ”
แม้นไม่เข้าใจว่าไทเฮาทำอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ทำไม แต่นางคิดว่าไทเฮาไม่ผิด ดังนั้นถึงได้พูดเสริมขึ้นมาเช่นนี้
ไทเฮาพยักหน้า ตำหนิกู้ซีอีก “เจ้าชอบใจอ่อน พวกนางถึงไม่รู้จักกฎเกณฑ์เช่นนี้”
กู้ซีกัดฟันไม่พูดจา แต่กลับกวาดตามองปี้เจียว ชุนฮุ่ยและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังถาวจวินหลันทีหนึ่ง
ไม่รอให้ไทเฮาพูด หลี่เย่ก็เอ่ยขึ้นมาก่อน “พวกเจ้าดูแลพระชายาองค์รัชทายาทไม่ดี ไปรับโทษด้วย”
ปี้เจียวสังเกตเห็นตอนที่กู้ซีมองมา ก็รู้ว่าคงหนีไม่พ้นโทษโบยครั้งนี้เป็นแน่ จึงไม่อิดออด แล้วลากชุนฮุ่ยไปยอมรับผิด และเอ่ยขอบพระทัยไทเฮาที่ประทานบทลงโทษ แล้วถึงได้ออกไปรับโทษเอง
ปี้เจียวและคนอื่นๆ ทำอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ทำให้กู้ซีพูดอะไรไม่ออกอีก แต่ถาวจวินหลันกลับรู้สึกสงสาร แต่เพราะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจดึงดันอะไรได้อีก นางไม่อาจเปิดปากพูดอะไรได้ ถ้าเช่นนั้นจะกลายเป็นอะไร? อีกอย่างหลี่เย่เป็นคนเอ่ยปากเอง นางคงไม่ทำให้หลี่เย่สูญเสียความน่าเชื่อถือเป็นแน่
บทลงโทษนี้ห้ามไม่ได้แล้ว ทำได้แค่กลับไปแอบชดใช้ให้พวกนางบ้างเท่านั้น
ไทเฮาชี้ถาวจวินหลันยิ้มพลางเอ่ยชม “แม้จะบอกว่าคนของเจ้าก็ปรนนิบัติไม่ดีนัก แต่อย่างไรก็ยังถือว่ารู้มารยาท รู้ว่าตนเองผิด ถือว่าสั่งสอนได้”
ไทเฮาชมคนยาก ถาวจวินหลันคิดว่านี่เป็นเรื่องยินดีเหนือคาด จึงรีบหันไปขอบพระทัยไทเฮา
กู้ซียิ่งรู้สึกเสียหน้ามากไปอีก อย่างไรไทเฮาชมคนของถาวจวินหลัน ไม่ชมคนของนาง นี่เป็นการแสดงออกชัดเจนว่านางสอนคนไม่เป็นหรืออย่างไร? บอกว่านางสู้ถาวจวินหลันไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
มาถึงตอนนี้ ถาวจวินหลันก็เริ่มรู้สึกว่าวันนี้ไทเฮาเหมือนจะตั้งแง่กับกู้ซี คิดแล้วก็อึดอัดใจ หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรออกมา เพียงสับสนมากกว่าเดิม
นั่งอยู่ไม่นาน ไม่ทันให้ถาวจวินหลันกับหลี่เย่เอ่ยขอทูลลา ไทเฮาก็พูดขึ้นมาก่อน แต่พูดกับกู้ซี “นี่ก็สายแล้ว เจ้าควรกลับไปเตรียมตัวปรนนิบัติฮ่องเต้ได้แล้ว ข้าไม่รั้งเจ้าเอาไว้ ให้พระชายาองค์รัชทายาทและองค์รัชทายาทอยู่คุยเป็นเพื่อนข้าก็พอ”
คราวนี้กู้ซีเสียหน้าแท้จริง ไทเฮาออกคำสั่งไล่แขกอย่างชัดเจน ถือว่าไม่ไว้หน้านางแล้ว