บัลลังก์พญาหงส์ - บทที่ 657 ได้คืบจะเอาศอก
แต่ไม่ว่าเสียเปรียบหรือไม่ สุดท้ายอี้เฟยก็ไม่ปฏิเสธข้อเสนอของไทเฮา ดูแลจัดการกิจในวัง แม้เป็นเพียงหุ่นเชิด แต่ก็ได้หน้า อีกทั้งคงจะทำให้ฮองเฮาโมโหเป็นอย่างมาก อยู่ในวังมานานหลายปี ความแค้นระหว่างนางกับฮองเฮาย่อมมากจนนับไม่ถ้วน หากยั่วให้ฮองเฮากริ้วโกรธได้ นางเองก็พอใจ
เรื่องเป็นไปตามนี้ ถาวจวินหลันยิ้มพลางเชิญไทเฮาเตรียมพระราชเสาวนีย์ จากนั้นก็ขอตัวไปพร้อมอี้เฟย
ไทเฮาไม่ได้รั้งไว้ เมื่อสองคนออกไปแล้ว ก็หยิบกรรไกรมาตัดแต่งกิ่งไม้ใหม่ แล้วหันไปถามจางหมัวหมัวอีกว่า “เจ้าคิดว่าพระชายาองค์รัชทายาทเป็นอย่างไร?”
“ใช้ได้เลยเพคะ” จางหมัวหมัวพูดเช่นนี้ “จากนี้ไทเฮาทรงวางพระทัยได้แล้วเพคะ”
ไทเฮาหัวเราะ “ใช่แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว สิ่งที่ต้องมอบให้พระชายาองค์รัชทายาทข้าก็ให้ไปหมดแล้ว หญิงชราเช่นข้าคงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้เสียที แต่พอคิดดู ข้าก็เหลือเวลาอีกไม่เยอะแล้ว แต่เซิ่นเอ๋อร์เด็กคนนี้…”
จางหมัวหมัวไม่ค่อยชอบฟังไทเฮาตรัสเช่นนี้นัก จึงพูดว่า “เหตุใดถึงตรัสเช่นนี้เล่าเพคะ? พระองค์ยังอายุยืนนาน เลี้ยงเซิ่นเอ๋อร์ไปจนเติบใหญ่ แต่งตั้งเป็นอ๋องก็ทำได้เพคะ”
ไทเฮาหัวเราะเยาะ “หากข้าจากไปแล้ว เจ้าก็ไปรับใช้พระชายาองค์รัชทายาทเถิด เซิ่นเอ๋อร์ก็ไม่จำเป็นต้องมอบให้ใครเลี้ยง อิ้งกูกูก็ไม่เลว ให้นางคอยดูแลเซิ่นเอ๋อร์ไป จำไว้ว่าอย่าปล่อยให้เจียงซื่อพาเสียคน”
จางหมัวหมัวทำได้แค่รับคำ
ทางด้านนี้ถาวจวินหลันกำชับให้หงหลัวสะพัดเรื่องจนใหญ่โต หงหลัวทำตามอย่างเหมาะสม ฮองเฮาก็ส่งคนมาถามเช่นเดียวกัน แต่ทางด้านกู้ซียังไม่เคลื่อนไหวอะไร
ห้าคน หมอหลวงช่วยให้ฟื้นได้แค่คนเดียว แล้วยังเป็นแม่นมขององค์ชายเก้า
ได้เห็นแม่นมขององค์ชายเก้าอีกครั้ง ถาวจวินหลันพลันทอดถอนรำพึงเล็กน้อย ก่อนหัวเราะกล่าว “คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะพบหน้ากันอีก”
แม่นมลมหายใจรวยริน แต่ก็ยังดิ้นรนร้องขอถาวจวินหลัน “พระชายาองค์รัชทายาท ช่วยด้วยเพคะ”
“ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ ที่ช่วยได้มีแค่ตัวเจ้าเองเท่านั้น” ถาวจวินหลันนั่งพิงเก้าอี้ จัดชายกระโปรงให้เข้าที่ แล้วถึงพูดเรียบๆ ว่า “ข้าไม่ช่วยคนไร้ประโยชน์”
แม่นมเองก็รู้งาน รีบพูดว่า “ข้าพูด ข้าพูด! ที่จริงแล้วองค์ชายเก้าไม่ได้กินของเสาะท้องเพคะ มีคนเอายามาให้บ่าวป้อนองค์ชายเก้า จากนั้นองค์ชายเก้าก็อาเจียนไม่หยุด! และที่อาเจียนออกมาก็ไม่ใช่เลือดขององค์ชายเก้าเองเพคะ เป็นเลือดของข้า! ข้าทำร้ายตนเองแล้วป้อนนมเลือดให้องค์ชายเก้าดื่ม! นมที่องค์ชายเก้าสำรอกออกมาจึงเป็นสีแดงเพคะ”
แม่นมตกใจลนลาน พูดทุกอย่างอย่างชัดเจนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ถาวจวินหลันได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงจนตาค้าง คิดวิธีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ตอนที่เห็นองค์ชายเก้าสำรอกเป็นเลือด ทุกคนคิดว่ากระเพาะขององค์ชายเก้าไม่ดี แม้แต่หมอหลวงก็ไม่สงสัย แต่คิดไม่ถึงจะเป็นเช่นนี้
“ท่าจะสงสารองค์ชายเก้าจริงๆ” ถาวจวินหลันลองคิดดูก็จริงอย่างว่า กู้ซีต้องการเอาองค์ชายเก้าไปเป็นลูกชาย ย่อมไม่อาจทำร้ายองค์ชายเก้าได้ ฉับพลันก็คลายกังวล แต่ก็ยังอดพูดเย้ยหยันไม่ได้
“นางยื่นข้อเสนออะไรให้เจ้า?” ถาวจวินหลันถามขึ้นมาอีก “ขนาดทำให้เจ้าตายใจ แต่ดูแล้วคงถูกหลอกกระมัง?”
พูดถึงเรื่องนี้ แม่นมก็มีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “นางไร้คุณธรรม ข้าก็จะไม่รักษาคุณธรรม ขอแค่พระชายาองค์รัชทายาทยอมช่วย บ่าวจะบอกคนที่อยู่เบื้องหลังกับพระองค์เพคะ”
“ไม่ใช่จวงผินเหนียงเหนียงหรือ?” ถาวจวินหลันหัวเราะ พูดตรงๆ เรื่องเท่านี้ยังคิดจะมาพูดอ้อมค้อม ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าแม่นมคิดอะไร
แม่นมตกใจไปเล็กน้อย แต่ก็สงบนิ่งอีกครั้ง “ในเมื่อพระชายาองค์รัชทายาทรู้แล้ว คิดว่าคงอยากตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับจวงผินเป็นแน่ บ่าวยอมชี้ตัวจวงผินเพคะ”
ถาวจวินหลันมองแม่นมด้วยแววตาสงสาร “ทำไมข้าต้องตั้งตนเป็นศัตรูกับจวงผินด้วยเล่า? นางทุ่มเททุกอย่างเพื่อแย่งองค์ชายเก้าไปเลี้ยง คิดว่าคงรักใคร่เอ็นดูองค์ชายเก้า สำหรับข้าแล้วมีอะไรเสียหายกัน? อีกทั้งนางยังเป็นญาติผู้น้องขององค์รัชทายาท สกุลกู้ เจ้าคิดว่าข้ามีเหตุผลอะไรต้องไปเป็นศัตรูกับนางเล่า?”
“แต่นางจะตลบหลังท่าน!” แม่นมเริ่มเกิดอาการลนลาน มือไม้พันกันพยายามพูดหาเหตุผล
ถาวจวินหลันยังแย้มยิ้ม “เป็นเช่นนั้นไม่ผิด แต่ก็ไม่เป็นอะไร ข้าก็ใช่ว่าอยากทำเรื่องใหญ่โต เพียงแค่แอบแก้แค้นสักครั้งเท่านั้นเอง”
สุดท้ายแม่นมก็หมดหวัง “เช่นนั้นบ่าวต้องทำอย่างไร พระชายาองค์รัชทายาทถึงจะยอมช่วยบ่าวเพคะ?”
“ข้าช่วยเจ้าแน่ แต่ข้าจะส่งเจ้ากลับไปข้างกายองค์ชายเก้า” ถาวจวินหลันยิ้มบางๆ มองแม่นม “ตั้งแต่นี้ไป เจ้าเป็นตาของข้า เป็นปากของข้า เป็นหูของข้า ไม่เพียงนำสิ่งที่เจ้าได้ยิน ได้เห็นมาบอกข้า แต่ยังต้องคอยย้ำเตือนกู้ซีตลอดเวลา อย่าได้คิดทำเรื่องสกปรกเช่นนั้นอีก! มิเช่นนั้นข้าจะเค้นความจริงจากเจ้า ก็สามารถจับนางได้”
แม่นมอึ้งไป มีท่าทีไม่ยินยอม “ถ้าให้บ่าวกลับไป เกรงว่าจวงผินเหนียงเหนียงคงไม่ปล่อยบ่าว”
“วางใจ นางไม่กล้า” รอยยิ้มของถาวจวินหลันไม่เปลี่ยนแปลง “เพราะเจ้าจะทิ้งคำให้การไว้ให้ที่นี่ชุดหนึ่ง”
กู้ซีอย่างไรก็เป็นคนตระกูลกู้ นางจึงต้องปล่อยไปก่อน ไม่อาจทำอะไรนางจริงๆ ได้ แต่ยังเตือนและหาเรื่องเดือดร้อนให้ได้บ้าง ในขณะเดียวกันก็ต้องเอาสายตาไปแทรกไว้ข้างกายกู้ซีอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ให้กู้ซีผลีผลามบุ่มบ่ามได้อีก
“อีกอย่าง หากเจ้าดูแลองค์ชายเก้าไม่ดี หลังจากนี้ไม่เพียงชีวิตของเจ้า แม้แต่ชีวิตของคนในครอบครัวเจ้าก็อยู่ในอันตรายเช่นกัน” พอถาวจวินหลันพูดจบ ก็ให้คนโยนแม่นมไปไว้ในวังกู้ซี
จัดการเรื่องนี้แล้ว ถาวจวินหลันถึงได้ไปวังของฮองเฮาพร้อมกับอี้เฟย
ฮองเฮารู้เรื่องนี้แล้วเป็นแน่ ท่าทางไม่พอใจมาก บวกกับเห็นซุนกูกูที่ถูกกุมตัวเข้ามา สีหน้าของฮองเฮาก็มืดมนเป็นยิ่ง “พระชายาองค์รัชทายาท นี่หมายความว่าอย่างไร?”
ทั้งๆ ที่ถาวจวินหลันกับอี้เฟยเข้ามาพร้อมกัน แต่ฮองเฮากลับมั่นใจว่าเป็นถาวจวินหลัน และไม่สนใจอี้เฟย
ถาวจวินหลันหัวเราะ “ฮองเฮาเหนียงเหนียงหมายถึงอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจ” พอทำความเคารพ นางก็ดึงให้อี้เฟยนั่งลงก่อน แล้วแค่นยิ้มมองฮองเฮา
ฮองเฮาไม่ได้แสดงอาการเกรี้ยวโกรธตามคาด แต่กลับทำใจเย็น ถามว่า “พระชายาองค์รัชทายาทคิดอะไรกันแน่?”
“เรื่องในหน่วยซักล้าง คิดว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงคงทราบแล้วเป็นแน่เพคะ” ถาวจวินหลันประสานมือไว้บนตัก ท่าทีสงบนิ่ง “ไม่เพียงแค่หน่วยซักล้าง ที่อื่นก็มีเช่นกัน แต่ที่หน่วยซักล้างค่อนข้างรุนแรง กูกูคนนี้เป็นคนที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงจัดการส่งเข้าไป หม่อมฉันจะจัดการก็ไม่เหมาะสม ถึงได้พามาหาฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ”
“ในเมื่อทำความผิด ก็ลากออกไปประหาร” ฮองเฮาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังหงุดหงิด จ้องเขม็งถาวจวินหลัน “เจ้าพอใจแล้วหรือยัง?”
ถาวจวินหลันพอใจแน่นอน แต่ก็ต้องเอ่ยปากพูดว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงจัดการคนของตัวเอง หม่อมฉันจะไม่พอใจได้อย่างไรเพคะ?”
ฮองเฮายิ่งหงุดหงิด นางเองก็ไม่รู้ว่าถาวจวินหลันต้องการอะไรกันแน่
แล้วอี้เฟยก็เอ่ยปาก พูดยิ้มๆ ว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียงดูแลกิจในวัง แต่กลับเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไทเฮาได้ยินเช่นนี้จึงสั่งลงมา ถึงใจสู้แต่กำลังไม่สู้ จะทำให้ลำดับการขนบธรรมเนียมภายในวังวุ่นวายเพคะ”
ฮองเฮาได้ยินแล้วจะไม่เข้าใจได้อย่างไร นางรู้ความตั้งใจของถาวจวินหลันดี หรี่ตาลงเล็กน้อยปิดบังความเ**้ยมโหดในแววตาเอาไว้ ถามถาวจวินหลันว่า “พระชายาองค์รัชทายาทกระวีกระวาดร้อนใจเช่นนี้เชียวหรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมถึงไม่ยอมรับข้อเสนอของข้า แต่กลับทำเช่นนี้เล่า? อีกทั้งยังเอาหุ่นเชิดมาวางตั้งให้คนอื่นดู นี่จำเป็นด้วยหรือ?”
ฮองเฮาไม่ปิดบังท่าทีดูถูกอี้เฟย
อี้เฟยโกรธขึ้ง แต่ก็เพียงแค่มองถาวจวินหลันอย่างตกใจแกมสงสัย ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ฮองเฮากำลังแสดงให้เห็นว่าจงใจเปิดโปงเรื่องนั้น ให้อี้เฟยเกิดความสงสัย ถาวจวินหลันไม่พูดไร้สาระอีก พูดตรงๆ ว่า “สุภาพชนต้องรับแต่ทรัพย์สินที่ถูกต้องตามศีลธรรม แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่ใช่สุภาพชน แต่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเพคะ”
นี่ถือเป็นการปฏิเสธฮองเฮาอย่างตรงไปตรงมา
ฮองเฮาหัวเราะเสียงเย็น ท่าทีขึงขัน “ถ้าอย่างนั้นข้าไม่เห็นด้วยที่จะให้อี้เฟยมาควบคุมกิจวังหลวง นางถือเป็นใครกัน?”
อี้เฟยได้ยินคำพูดของไทเฮาก็ถูกยั่วโมโห พูดย้อนอย่างประชดประชัน “ใช่เพคะ หม่อมฉันไม่อาจเทียบกับฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ แต่ก็ยังดีที่หม่อมฉันยังมีลูกชายดี อย่างไรก็กตัญญูต่อหม่อมฉันเพคะ”
นี่เป็นความเจ็บปวดของฮองเฮา ตอนนี้ถูกอี้เฟยจี้จุดเข้าให้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
ถาวจวินหลันมองห้ามปรามอี้เฟย ไม่ให้ไปยั่วโมโหฮองเฮาอีก และพูดออกมาก่อนที่ฮองเฮาจะโกรธไปมากกว่านี้ “ฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงหวงไปทำไมเพคะ? อย่างไรพระวรกายของพระองค์ก็ไม่เหมือนแต่ก่อน มอบให้คนอื่นไปจัดการก็ถือว่าเหมาะสม พระองค์จะได้เพ่งสมาธิไปที่เรื่องสำคัญเพียงอย่างเดียว พระองค์ว่าดีหรือไม่เพคะ?”
ฮองเฮาตอบกลับด้วยความเงียบ สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
ถาวจวินหลันสูดลมหายใจเข้าลึก ใช้ไม้ตาย พูดตรงๆ ว่า “เรื่องนี้หม่อมฉันได้ตัดสินใจแล้วเพคะ จะต้องสำเร็จจนได้ หากฮองเฮาเหนียงเหนียงอยากจะแย่งชิง ถ้าเช่นนั้นพวกเราคงต้องปะทะกัน”
คำพูดนี้ข่มขู่เต็มที่
ฮองเฮามองถาวจวินหลันอย่างเย็นชา หงุดหงิดไม่พอใจเล็กน้อย แต่ในใจของนางรู้ดีว่าถาวจวินหลันกล้าลงมือจริง อย่างน้อยคงถือไพ่ไม้ตายของนางเอาไว้แล้วเป็นแน่ หากเป็นเรื่อง ก็ไม่เพียงขายหน้า เกรงว่ายังพ่ายแพ้ราบคาบ เจ็บไปถึงแก่น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พระชายาองค์รัชทายาทยังต้องเกรงใจข้าทำไม? มาถามความเห็นของข้าเช่นนี้ ไม่คิดว่าเสแสร้งเกินไปหรืออย่างไร?” สุดท้ายฮองเฮาก็ทำได้แค่หัวเราะหยัน จงใจพูดเยาะเย้ยออกมา
ถาวจวินหลันยังไม่หุบยิ้ม “อย่างไรก็ต้องเจรจาพาทีตามมารยาทก่อนจึงใช้กำลังเพคะ หม่อมฉันก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด มารยาทนับเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากพูดคุยเรื่องนี้ได้ด้วยดี ทำไมพวกเราต้องให้เรื่องวุ่นวายด้วยเพคะ?”
ฮองเฮาเพียงแค่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา
ถาวจวินหลันกลับได้คืบจะเอาศอก “ในเมื่อฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่เห็นต่าง เช่นนั้นก็ขอพระองค์มอบให้อี้เฟยเหนียงเหนียงเถิดเพคะ ไทเฮามีพระราชเสาวนีย์มาแล้ว แต่พอคิดดูหากเอาออกมาบังคับ คงไม่น่าดูเท่าไรนัก พระองค์ว่าอย่างไรเพคะ?”