เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 103: ลูกสาวบ้านเฉินกล้าหาญ
เห็นปู่หกเดินเข้ามา เฉินจงรีบลุกขึ้นยืนทักทาย หวางนิวก็ให้เฉินหู่เลื่อนเก้าอี้มาให้ เชิญปู่หกนั่ง มีเพียงช่างเหลียน สายตาเธอมีแววหวาดกลัว จ้องเฉินเยี่ยนและเฉินหู่อย่างอาฆาต จากนั้นก้มหน้าลง เธอรู้ว่าปู่หกทำอะไร ไม่ว่าจะยังไง เธอไม่ยอมให้ปู่หกจับชีพจรเธอแน่
เชิญปู่หกนั่งลงแล้ว พูดคุยกันสักพัก บ้านเฉินก็รู้ถึงจุดประสงค์ที่ปู่หกมา และรู้ว่าเฉินหู่ไปทำอะไรมา เขาไม่ได้ไปเล่น แต่ไปเชิญปู่หกมา
แต่ปู่หกมาก็ดีเลย ให้เขาช่วยตรวจชีพจรให้ช่างเหลียน เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กในท้องช่างเหลียนไม่เป็นอะไร ทุกคนจะได้วางใจ
นี่คือความคิดของหวางนิวและเฉินกุ้ย
เฉินจงคิดมากกว่านั้น ลูกสาวบอกว่าช่างเหลียนไม่ได้ท้อง แล้วเรียกให้หู่จื่อไปเชิญลุงหกมา ส่วนช่างเหลียนแสดงออกแบบนั้น หรือว่าลูกสะใภ้โกหกจริงๆ?
เฉินเวยรู้แนวโน้มของสถานการณ์แล้ว เธอยังไม่ทันได้บอกช่างเหลียนเรื่องให้ใส่ร้ายเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนเลยเชิญหมอมา เธอเองก็ประมาทด้วย รู้แค่ว่าสถานีอนามัยอยู่ไม่ไกลจากบ้านพวกเขา คนทั่วไปป่วยก็จะไปสถานีอนามัย น้อยมากที่หมอจากสถานีอนามัยจะมาที่บ้าน เธอลืมไปเลยว่าในหมู่บ้านยังมีปู่หกคนนี้อยู่
พลาดไปหนึ่งก้าว เลยแพ้ทั้งกระดาน ตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าช่างเหลียนจะออกแรงบ้าง ไม่ยอมให้ปู่หกคนนี้ตรวจชีพจร หรือถึงแม้จะจับชีพจร ช่างเหลียนก็โวยวายแข็งข้อขึ้นมา
“ฉันไม่ตรวจชีพจร เขาแก่จะแย่แล้ว ใครจะรู้ว่าเขาตรวจได้หรือเปล่า! ฉันไม่ตรวจ ให้ตายยังไงก็ไม่ตรวจ พวกคุณมาแกล้งฉัน ฉันไม่อยู่แล้ว”
ช่างเหลียนก็รู้ว่าปู่หกมาทำไม หน้าเธอซีดหมดแล้ว เธอไม่มีวิธีอื่น ตอนนี้ทำได้แค่โวยวาย เธอไม่ยอม ใครก็ทำอะไรไม่ได้ ขอแค่หลบวันนี้ไปได้ เธอจะคิดวิธีอื่น
“เหลียนเอ๋อร์ เธอพูดอะไรน่ะ ปู่หกเป็นคนมีความสามารถจริงๆ นะ ให้ตรวจชีพจรให้เธอต้องรู้แน่นอน อย่าร้องเลย ให้ปู่หกช่วยเธอตรวจดูหน่อย”
หวางนิวจ้องลูกสะใภ้ และก็ปลอบไปด้วย
แต่ให้ตายยังไงช่างเหลียนก็ไม่ยอม ทั้งร้องไห้ ทั้งด่า ใครไปใกล้เธอเธอถีบหมด ไม่ว่าจะหวางนิว เฉินกุ้ย ต่างทำอะไรเธอไม่ได้
ใช่แล้ว แบบนี้แหละ! เฉินเวยอดไม่ได้อยากจะปรบมือให้ ตอนนี้ดูเหมือนช่างเหลียนจะไม่ค่อยโง่แล้ว ร้องไปเลย ยิ่งร้องโวยวายมากเท่าไรก็ยิ่งดี
เฉินเวยอยู่ข้างๆ ใช้สายตาให้กำลังใจช่างเหลียน
เฉินเยี่ยนเดินก้าวเข้าไป ไม่รอให้ช่างเหลียนตอบโต้ เธอก็จับขาช่างเหลียนไว้
“จับไว้”
เฉินเยี่ยนพูดกับเฉินกุ้ย เฉินกุ้ยจับขาช่างเหลียนให้นิ่ง เขาไม่มีเวลาคิด ทำตามที่เธอพูดทั้งหมด
ช่างเหลียนเห็นขาโดนจับ เธอยื่นมือออกไปจะตีเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนคว้าจับแขนช่างเหลียนอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับหวางจวนและเฉินหู่ “จับแขนเธอไว้ อย่าให้เธอขยับ”
ที่เธอร้องเรียกหวางจวนและเฉินหู่ เพราะทั้งสองคนจะปฏิบัติตามคำสั่งเธออย่างเคร่งครัด แต่หวางนิวไม่ได้ ไม่แน่ช่างเหลียนโวยวาย หวางนิวก็ปล่อยมือแล้ว
หวางจวนกดแขนข้างหนึ่ง เฉินหู่กดอีกข้าง เฉินกุ้ยกดขาของช่างเหลียน ส่วนเฉินเยี่ยนก็กดตัวช่างเหลียนไว้ แบบนี้ช่างเหลียนก็ขยับไม่ได้แล้ว ถึงแม้เธอจะมีปัญญา เธอก็ทำได้แค่ใช้ปากด่า แต่ขยับตัวไม่ได้
“พวกเธอนี่ นี่จะทำอะไรน่ะ”
หวางนิวอึ้งไป ลูกสาวคนนี้ทำไมทำเหมือนจะจับลูกสะใภ้มัดไว้
“ถ้าเธอด่าอีก ฉันจะเอาถุงเท้ายัดปากเธอ”
เฉินเยี่ยนเห็นช่างเหลียนยิ่งด่ายิ่งหยาบคาย เธอพูดอย่างใจเย็น
ช่างเหลียนจ้องเฉินเยี่ยน แต่เธอไม่กล้าด่า ถุงเท้าของเกษตรกร นั่นเป็นถุงเท้าอะไร? อากาศหนาว เหมือนเธอกับเฉินกุ้ย เดือนหนึ่งถึงค่อยล้างเท้าครั้งหนึ่ง ส่วนถุงเท้า ไม่รู้เลยว่าผ่านไปกี่วันถึงสักหนึ่งครั้ง เอามาอุดปาก นั่นก็เหม็นตายพอดีสิ”
เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนพูดจริงทำจริงสามารถทำให้พวกเขาหลายคนมาจับเธอได้ ต้องเอาถุงเท้ามายัดปากเธอได้แน่นอน เธอรับไม่ได้ ดังนั้นช่างเหลียนเลยปิดปาก เม้มปากแน่นมาก
“ปู่หกคะ รบกวนปูช่วยตรวจชีพจรพี่สะใภ้หนูให้หน่อยค่ะ ดูว่าพี่สะใภ้ป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า”
เฉินเยี่ยนเชิญปู่หก
ปู่หกมองด้วยความอึ้ง บ้านเฉินนี่เหมือนเล่นละครอยู่ จะเล่นไม้ไหนเนี่ย? เฉินหู่มาเชิญตัวเองด้วยความเร่งรีบ เขาคิดว่าใครในบ้านเฉินป่วยหนัก คิดไม่ถึงว่ากลายเป็นมาให้จับชีพจรให้สะใภ้บ้านเฉิน แล้วสะใภ้ยังไม่ยอมอีก ยังมาด่าตัวเองด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่โกรธ เตรียมตัวจะกลับ ไม่คิดเลยว่าลูกสาวคนโตบ้านเฉินจะสั่งให้คนมาจับพี่สะใภ้ไว้ แล้วยังพูดว่าจะเอาถุงเท้ามายัดปากเธอ ลูกสาวบ้านเฉินคนนี้ช่างห้าวหาญเกินไปแล้วมั้ง? ผู้หญิงแบบนี้ใครจะมาแต่งงานด้วย
แต่เหตุผลที่เขามาคือมารักษาคน คนเขายอมแล้ว เขาตรวจดูก็ได้
ปู่หกเดินเข้าไป ช่างเหลียนอยากจะต่อต้านแต่ขยับไม่ได้ เธออยากจะด่า พอเจอสายตาเฉียบขาดของเฉินเยี่ยนก็เลยกลืนคำด่าลงไปในท้อง เธอทำได้แค่มองปู่หกใช้มือมาจับชีพจรเธอตาปริบๆ
ปู่หกจับฝั่งหนึ่งแล้วก็ไปจับอีกฝั่ง ขมวดคิ้วขึ้นมา
จับชีพจรเสร็จแล้ว เขามองสีหน้าช่างเหลียนอีกรอบ แล้วยังให้ช่างเหลียนแลบลิ้นออกมาให้เขาดู ช่างเหลียนไม่ทำ เฉินเยี่ยนจิกคางช่างเหลียน ไม่ต้องรอให้เฉินเยี่ยนออกแรง ไม่ต้องรอให้เฉินเยี่ยนพูดอะไร ช่างเหลียนก็อ้าปาก แลบลิ้นออกมาให้ปู่หกดูอย่างว่าง่าย
ปู่หกดูเสร็จก็ขมวดคิ้ว หวางนิวตื่นเต้นแล้วถาม “ลุงหก ทุกคนไม่เป็นอะไรใช่ไหม? เด็กในท้องเธอยังปกติดีใช่ไหม?”
เดิมทีควรจะเป็นเฉินจงออกมาพูด แต่นี่เป็นเรื่องลูกสะใภ้ท้อง ดังนั้นหวางนิวถามจะเหมาะสมกว่า แต่เฉินจงก็เป็นห่วงเหมือนกัน
“เด็ก? ลูกสะใภ้เจ้าไม่ได้ท้อง จะมีเด็กมาจากไหน?”
ปู่หกถามหวางนิวกลับด้วยความแปลกใจ
จบคำพูดปู่หก เฉินเยี่ยนปล่อยมือออก ส่งสัญญาณให้หวางจวนและเฉินหู่ปล่อยมือด้วย หวางจวนและเฉินหู่เชื่อฟังเฉินเยี่ยน รีบปล่อยมือทันที ฝั่งเฉินกุ้ยกลับไม่เห็นสายตาของเฉินเยี่ยน ในหูเขาเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมา ดังจนเขานิ่งงันไป ปู่หกพูดอะไร? ภรรยาไม่ท้อง? ในท้องไม่มีเด็ก?
เขารู้สึกว่าเขาตั้งตัวไม่ทัน มือออกแรงโดยไม่รู้ตัว
“คุณมันบ้าไปแล้ว จะบีบฉันจนตายเลยหรือ”
ช่างเหลียนร้องเจ็บ ออกแรงผลักเฉินกุ้ยออกไป เฉินกุ้ยรู้สึกตัวปล่อยมือ ช่างเหลียนยังไม่หายโมโห ยกขาถีบเฉินกุ้ยต่อ
“ลุงหก นี่ สะใภ้ฉันไม่ได้ท้องเหรอ? ทำไมถึงบอกว่าไม่มีล่ะ? ลุงช่วยตรวจอย่างจริงจังอีกทีให้หน่อย”
หวางนิวก็อึ้งไป ทำไมถึงไม่มีนะ ลูกสะใภ้พูดอยู่ว่าเธอท้องแล้ว
“ข้าจับชีพจรดูมือสองข้างแล้ว คนที่ท้องลักษณะชีพจรจะไหลเวียนราบลื่น เมื่อใช้นิ้วสัมผัสจะรู้สึกเหมือนสัมผัสไข่มุก ลูกสะใภ้เจ้ากลับตรงกันข้าม ไม่มีทางท้องหรอก”
ปู่หกพูดอย่างระงับอารมณ์ เขารู้สึกโกรธหน่อย พวกเขาสามารถสงสัยในตัวเขาได้ แต่ไม่ควรจะสงสัยฝีมือการแพทย์ของเขา เขามีประสบการณ์มากขนาดนี้ หรือว่าแม้แต่ท้องหรือไม่ท้องเขาจะตรวจไม่ออกเลยหรือ?
“แต่ แต่ ลูกสะใภ้ฉันบอกว่าเธอมีแล้วนี่ ทำไมถึงไม่มีล่ะ นี่เกิดอะไรขึ้น?”
หวางนิวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เธอก็รู้สึกตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน
——–