เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 200 ตรงกันข้าม
เฉินเยี่ยนรู้สึกได้ถึงแรงโมโหของซินห้าว แต่เธอไม่ได้โกรธเลย ท่าทีของซุนหม่านเซียงเธอเดาไว้แต่แรกแล้ว ถ้าอีกฝ่ายทำดีกับเธอ เธอจะรู้สึกว่ามีปัญหามากกว่า
เฉินเยี่ยนยิ้มให้ซินห้าว ซินห้าวเห็นเฉินเยี่ยนไม่โกรธ เขาเลยใจเย็นลง
ซินซานก็ทำอะไรไม่ได้ วันนี้ภรรยาเขาทำเรื่องไม่ถูกต้อง เขาไม่รู้ว่าภรรยาจะเรียกซูเหม่ยลี่มา ไม่อย่างนั้นเขาจะห้าม แต่ตอนนี้เธอมาแล้ว ไล่กลับก็ไม่ได้ เขาคิดอยากจะพูดอะไรให้บรรยากาศดีขึ้นมาหน่อย
“น้องสาวคุณหรือ? แต่ทำไมฉันได้ยินมาว่าคุณมีน้องชาย ไม่รู้ว่าคุณมีน้องสาวคนนี้ด้วยเลย?”
เฉินเยี่ยนแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องถามซินห้าว
ซินห้าวอึ้งไป แต่ก็รู้สึกตัวทัน แววตาเขามีรอยยิ้ม พูดตอบ “ไม่ใช่น้องสาวผม ผมมีน้องชายคนเดียว”
“อ้อ ตกใจหมดเลย บอกว่าเป็นบ้านตัวเอง เลยนึกว่าเป็นน้องสาวคุณน่ะ คิดว่าเป็นพี่สาวของน้องสามีก็ดีนะ คิดไม่ถึงว่าไม่ใช่”
เฉินเยี่ยนพยักหน้า ถอนหายใจยาว น้ำเสียงฟังดูยังมีแววเสียดาย
ซินห้าววางใจแล้ว เฉินเยี่ยนไม่ใช่คนที่ขี้น้อยใจ แม่คิดจะวางหมากนี้ให้เธอ ต้องดูว่าเฉินเยี่ยนจะกินหรือไม่กิน
ซินซานก็มองเฉินเยี่ยนอย่างแปลกใจ เฉินเยี่ยนมาที่บ้านครั้งแรก คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าเพียงนี้ เกรงว่าครั้งนี้ภรรยาต้องเป็นฝ่ายลำบากเสียแล้ว
ซุนหม่านเซียงและเหม่ยลี่โดนเฉินเยี่ยนพูดแบบนี้จนอึ้งไป ใบหน้าซุนหม่านเซียงเต็มไปด้วยความโกรธ เธอยังไม่ยอมรับให้เธอเข้าบ้านนะ น้องสาวสามีอะไรกัน เธอคิดดีเกินไปแล้ว
ซูเหม่ยลี่อึดอัดเล็กน้อย เดิมทีคิดจะทำให้เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าเธอเป็นคนนอก ให้เฉินเยี่ยนรู้ว่าเธอสนิทกับซินห้าว คนที่แม่ซินชอบคือเธอ คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนพูดประโยคนี้ เธอกลับไปไม่ถูกเลย
“ขอโทษนะ ฉันมาบ่อย เป็นคนยกน้ำยกน้ำชาให้ ดังนั้นฉันเลยเป็นฝ่ายทำให้ เธออย่าโกรธนะ”
ซูเหม่ยลี่เป็นฝ่ายขอโทษก่อน แล้วยังยิ้มให้เฉินเยี่ยน แสดงให้เห็นว่าเธอใจกว้าง
เฉินเยี่ยนคับอกคับใจขึ้นมา แล้วเธอก็คิดว่าซูเหม่ยลี่คนนี้ต่อกรไม่ง่ายเลย คนนี้ใช้วิธีสูงกว่าเฉินเวย ถ้าเป็นเฉินเวย เฉินเวยจะแกล้งทำเป็นโดนแกล้ง น่าสงสาร ให้คนคิดว่าเป็นความผิดเธอ ได้รับความเห็นใจ แต่คนแบบเฉินเวยไม่มีฤทธิ์เท่าไร ซูเหม่ยลี่กลับไม่เหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้ถ้าไม่ใช่นิสัยเปิดเผยมาก ก็ยากที่จะคาดเดา ลงมือเ**้ยมโหด เธอจำเป็นต้องระวังไว้
“เธอต้องขอโทษอะไร เธอมาช่วยป้า ป้าสิดีใจแทบไม่ทัน อย่าไปฟังเธอซี้ซั้วพูดเลย เธอคนนี้ มาจากบ้านนอก พูดจาไม่เป็น”
ซุนหม่านเซียงมองบนใส่เฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนยิ้ม เหมือนไม่สนใจที่ซุนหม่านเซียงพูด
“เธออย่าใส่ใจเลย คุณป้าไม่ได้ตั้งใจว่าเธอ เพราะฉันกับคุณป้าสนิทกัน คุณป้าเลยอยู่ข้างฉัน รออีกหน่อยเธอมาที่นี่ย่อย เธอจะรู้ว่าคุณป้าเป็นคนดีมาก”
ซูเหม่ยลี่อธิบายกับเฉินเยี่ยน กลัวว่าเฉินเยี่ยนจะเข้าใจผิด
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสา คนส่วนมากก็ชื่นชมคนนอกไม่ใช่หรือ? ส่วนลูกตัวเอง ลูกสะใภ้ จะไม่พูดจาดีด้วย แม่ฉันก็ชอบไปพูดกับคนอื่นว่าฉันไม่ดี อันที่จริงเธอชอบฉันมาก เธออยากจะให้คนอื่นชมฉันน่ะ ฉันเข้าใจ คุณป้าถือว่าฉันเป็นคนกันเอง”
เฉินเยี่ยนพูดอย่างสบายๆ เธอรู้ว่าซุนหม่ายเซียงหมายถึงอะไร แต่เธอจะทำเป็นเข้าใจผิดแบบนี้
สายตาซินห้าวที่มองเฉินเยี่ยนนั้นอ่อนโยน วันนี้แม่เป็นฝ่ายทำไม่ถูกก่อน เฉินเยี่ยนทำแบบนี้ดีแล้ว ไม่ยอมโดนแกล้ง
ซุนหม่านเซียงคิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะพูดแบบนี้ เธอรีบคว้ามือซูเหม่ยลี่แล้วพูด “เหม่ยลี่ ป้าไม่ได้เห็นหนูเป็นคนนอก ป้าไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“คุณป้า หนูรู้ค่ะ คุณป้าวางใจได้”
ซูเหม่ยลี่กุมมือตอบซุนหม่านเซียง แล้วยังเผยรอยยิ้มที่ขำขันด้วย
เฉินเยี่ยนยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น ซูเหม่ยลี่คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา อีกหน่อยจะต้องระวังเธอ
“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้ทั้งเยี่ยนจื่อและเหม่ยลี่ต่างก็มากันแล้ว นานๆ ทีจะครึกครื้น เดี๋ยวรอซินเหล่ยกลับมา พวกเราไปร้นอาหารกัน พวกเธออยากจะกินอะไร?”
ซินชานคิดว่าเขาจำเป็นต้องออกหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าภรรยาจะพูดอะไรออกมาอีก เจอหน้าครั้งแรก เขาไม่อยากให้ทะเลาะกันจนดูไม่ดี
“ไปร้านอาหารทำไม ที่บ้านก็มีของกิน จะไปเสียเงินกับตั๋วทำไม”
ซุนหม่านเซียงไม่เห็นด้วย พูดจบเธอก็เหลือบมองเฉินเยี่ยน แล้วพูดขึ้นมา “เยี่ยนจื่อเธอทำกับข้าวเป็นใช่ไหม? เที่ยงนี้เธอทำกับข้าวแล้วกัน? จะได้ให้ฉันชิมฝีมือเธอด้วย อีกหน่อยถ้าต้องแต่งเข้ามาจริง ทำกับข้าวไม่เป็นนี่ไม่ได้เลยนะ ฉันกับพ่อซินห้าวลำบากมาครึ่งชีวิตแล้ว ควรมีความสุขได้แล้ว”
ซุนหม่านเซียงพูดจบไม่รอให้เฉินเยี่ยนตอบ แล้วพูดกับซูเหม่ยลี่ “เธอนั่งไม่ต้องขยับ วันนี้ให้เธอไปทำอาหาร พวกเราแค่กินก็พอแล้ว ถ้าเธอทำไม่ดี เธอว่าได้เลย เด็กจากบ้านนอกยังไม่เคยออกไปเห็นโลก ถ้าเธอทำไม่ดี อีกหน่อยเธอต้องดูแลสั่งสอนเธอด้วย”
ดูจากจุดประสงค์เธอแล้ว ตอนที่เฉินเยี่ยนทำอาหารให้คนพวกนี้กิน เธอจะหาสิ่งผิดปกติ
“คุณป้า หนูกับเยี่ยนจื่อทำด้วยกันดีไหม? น้องเยี่ยนจื่อมาครั้งแรก เธอไม่คุ้นเคย หนูกลัวว่าเธอจะทำไม่ได้ เดี๋ยวหนูบอกเธอ”
ซูเหม่ยลี่ พูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน ทำท่าเหมือนจะช่วย
“เธอนะ ถือว่าใจดี”
ซุนหม่านเซียงตอบซูเหม่ยลี่ไปหนึ่งประโยค แต่สีหน้ายังคงดูพอใจ
ซินห้าวเหลือบมองเฉินเยี่ยน เขารู้ว่าเฉินเยี่ยนทำอาหารได้ แต่ตอนนี้สภาพแบบนี้ แม่พูดแบบนี้ เขาไม่อยากให้เฉินเยี่ยนทำเลย
“ขอบคุณค่ะ… ใช่แล้ว พี่สาวคนนี้ชื่ออะไร? ซินห้าวคุณยังไม่ได้บอกฉันเลย”
เฉินเยี่ยนพูด มองไปทางซินห้าว
“เธอชื่อเหม่ยลี่ ซูเหม่ยลี่”
ซุนหม่านเซียงตอบเฉินเยี่ยน เธอโกรธเล็กน้อย เธอเรียกมาตั้งนาน เธอไม่เชื่อว่าเฉินเยี่ยนจะไม่รู้
“อ้อ อ้อ พี่เหม่ยลี่ ขอบคุณพี่ค่ะ อย่าพูดเลย ของในห้องครัวฉันไม่รู้จักใช้นะ พี่เหม่ยลี่ต้องทำอาหารอร่อยมากแน่เลย? ฉันไม่มีประสบการณ์มาก ฉันทำอาหารไม่เป็น พี่ซูเหม่ยลี่ช่วยสอนฉันด้วยนะ”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็ยืนขึ้นมา มองซูเหม่ยลี่ หน้าตาเธอจริงจัง
ซุนหม่านเซียงหึออกมา
สายตาซูเหม่ยลี่ที่มองเฉินเยี่ยนมีแววเหยียดหยาม เธอไม่รู้ว่าเฉินเยี่ยนไม่รู้จริงหรือเกล้งไม่รู้ แต่ว่าในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เธอไม่ไปก็ไม่ได้ ซูเหม่ยลี่ยิ้มเล็กน้อย เข้าไปข้างหน้าจับแขนเฉินเยี่ยน เดินเข้าไปในครัวกับเฉินเยี่ยน
บ้านซินใช้ฟืนไม่น้อยเลย และไม่ได้ใช้เตาแบบหมู่บ้านเกษตรกรด้วย พวกเขาใช้เตาแบบเล็ก
เฉินเยี่ยนคิดถึงเตาไฟฟ้าในยุดปัจจุบันเหลือเกิน ก๊าซธรรมชาติ แต่ยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ อยากจะใช้อันนั้น เธอยังต้องรออยู่
“นี่คือ… นั่นคือ…”
ซูเหม่ยลี่แนะนำของทุกอย่างในครัวให้เฉินเยี่ยนอย่างกระตือรือร้น
“นี่คือเนื้อ นี่คือผัก คุณลุงชอบรสเข้มข้นหน่อย เขาชอบกินมัน คุณป้ากินรสจืด เธอชอบอาหารอ่อนๆ ส่วนซินห้าว เขาชอบกินเนื้อ ซินเหล่ยชอยกินอาหารกระป๋อง ชอบรสเผ็ด เธอจำไว้นะ อย่าจำผิดล่ะ ใช่แล้ว เธอทำอะไรเป็นบ้าง ฉันจะดูว่าเที่ยงนี้พวกเราทำอะไรดี”
ซูเหม่ยลี่บอกรสชาติคนบ้านซินให้กับเฉินเยี่ยน
“ฉันทำก๋วยเตี๋ยวน้ำได้ แต่ฉันนวดแป้งไม่เป็น ที่บ้านแม่ฉันเป็นคนนวดแป้ง พี่นวดเป็นไหม?”
เฉินเยี่ยนคิดแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง