เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 229: คืนสุดท้าย
เฉินซุ่ยกลับไม่ได้สังเกตว่าลูกชายรำคาญเธอ
“อาหมิน แม่บอกลูกให้ ที่หมู่บ้านซูมีผู้หญิงคนหนึ่ง ว่ากันว่าหน้าตาไม่แย่เลย เทียบกับเฉินเยี่ยนและเฉินเวยได้ ตอนที่แม่เธอคลอดเธอ เลือดออกมากจนเกือบตาย เลยคลอดลูกไม่ได้อีก ดังนั้นเลยมีลูกสาวคนเดียว ฐานะที่บ้านก็ดี พ่อเธอบอกแล้ว ให้คนที่แต่งงานกับลูกสาวสบายใจได้เลย แต่ลูกสาวเขาเงื่อนไขสูงอยู่ จะหาคนที่หน้าตาดี ไม่เอาผิวดำ เตี้ยก็ไม่เอา อ้วนก็ไม่เอา ผอมไปก็ไม่เอา หน้าตาอัปลักษณ์นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย พอแม่มาคิดดู นี่ตรงกับลูกพอดีเลย เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูดถึง แต่หน้าตาลูกไม่มีที่ติ แม่จะให้ป้าโจวลูกไปทาบทาม ถ้าสำเร็จ พวกเราก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”
เฉินซุ่ยยิ้มหน้าบาน
อวี๋เหวยหมินมองแม่ตัวเองคนนี้ กับแม่คนนั้นในยุคปัจจุบันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน พูดถึงชื่อและรูปร่างหน้าตาของเขา เฉินเยี่ยนและเฉินเวยไม่เปลี่ยน แต่ครอบครัวเปลี่ยน เฉินเยี่ยนเป็นลูกของเฉินจงและหวางนิว แต่ทำไมตัวเองดวงไม่ดีแบบนี้นะ!
อวี๋เหวยหมินมองใบหน้ายิ้มของเฉินซุ่ย รู้สึกสะอิดสะเอียน ยิ้มของเฉินซุ่ยดูก็รู้ว่ามีเลศนัย เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอยู่ว่าฝ่ายหญิงเหมาะที่จะแต่งเพียงใด
แต่อวี๋เหวยหมินก็คิด
“ผู้หญิงคนนั้นดีอย่างที่ว่าจริงหรือ?”
อวี๋เหวยหมินเริ่มหวั่นไหว แต่ก็ยังสงสัยอยู่
“จริง พูดกันว่าผิวขาว หน้าตาสวยเลยนะ”
เฉินซุ่ยรีบพยักหน้า เรื่องพวกนี้เธอล้วนแต่ได้ยินมา
“ได้ งั้นก็ไปทาบทามก่อน เดี๋ยวผมมีเวลาว่างจะไปดู ถ้าไม่ดีอย่างที่พูด ผมไม่เอานะ”
อวี๋เหวยหมินตัดสินใจไปดูด้วยตัวเอง
“ได้ ได้ ถ้าไม่ดีเราไม่เอา ลูกชายแม่ต้องคู่ควรกับคนที่ดีสิ”
เฉินซุ่ยคิดว่าลูกชายตัวเองดี
“เอาล่ะ ไปทำกับข้าวเถอะ หิวจะแย่ละ”
อวี๋เหวยหมินโบกมืออย่างรำคาญ
เฉินซุ่ยไปทำอาหาร
อวี๋เหวยหมินนอนอยู่บนเตียงคิดเรื่องในใจ
ฝั่งหวางนิวพอใจกับลูกสาวมาก ลูกสาวไม่โดนอวี๋เหวยหมินหลอกลวง ถ้าเฉินเวยเป็นเหมือนเฉินเยี่ยน เธอก็คงไม่ต้องมีจุดจบแบบนี้?
กินข้าวเย็นเสร็จ หวางนิวก็ดึงเฉินเยี่ยนกลับเข้าไปในห้อง
ในห้องมีสองแม่ลูก หวางนิวพูดเรื่องที่หวางจวนบอกเธอเมื่อวาน
เฉินเยี่ยนหน้าแดงพยักหน้า
“เยี่ยนจื่อ พรุ่งนี้เป็นวันมงคลของลูก แม่อยากให้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ลูกลองดูว่าสามารถไปที่สถานีตำรวจพูดกับเขาดู ให้เสี่ยวเวยกลับมาหนึ่งวัน?”
สุดท้ายหวางนิวพูดประโยคนี้ขึ้นมา
สีหน้าเฉินเยี่ยนเคร่งขรึมลง แต่ในใจเธอก็รู้ถึงความรักของหวางนิวที่มีต่อลูก ถึงแม้ลูกจะไม่ดียังไง คนเป็นพ่อแม่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา
“แม่ ก็อย่างที่แม่บอกพรุ่งนี้เป็นวันมงคลของหนู หนูไม่อยากมีเรื่องไม่สบายใจ เฉินเวยก็กลับมาไม่ได้เหมือนกัน”
เฉินเยี่ยนปฏิเสธชัดเจน
“แม่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน ในใจแม่แบบ… เยี่ยนจื่อ อย่าโทษแม่ ถ้าเปลี่ยนเป็นลูก แม่ก็จะเป็นห่วงเหมือนกัน เอาล่ะ แม่ไม่พูดแล้ว แม่รู้ว่าแม่คนนี้บางทีก็ทำให้คนเขารำคาญ แต่แม่คลอดพวกลูกมา ไม่ว่ากับใคร แม่ก็อยากให้พวกลูกได้ดี”
หวางนิวพูดจบก็สูดจมูก เช็ดดวงตา
“หนูรู้ค่ะ พี่ชาย พี่สะใภ้ หนูกับเฉินหู่จะกตัญญูต่อแม่”
เฉินเยี่ยนกุมมือหวางนิว มือหวางนิวทั้งแห้งทั้งหยาบ ไม่มีความมันวาว ดูก็รู้ว่าเป็นมือที่ทำงานเกษตรมาหลายปี
หวางนิวตบเฉินเยี่ยนเบาๆ “ไปอยู่บ้านเขาแล้ว ไม่เหมือนที่บ้านเรานะ แม่ได้ยินมาว่าแม่ซินห้าวนั่นไม่ต้อนรับลูก ลูกแต่งเข้าไปต้องขยันหน่อย ทำงานมากหน่อย ถ้าเธอไม่ต้อนรับลูกจริง ลูกก็ไม่ต้องกลัว พวกเราสนับสนุนลูกอยู่ ซินห้าวก็เป็นเด็กดี พ่อเขาก็นิสัยไม่แย่ แล้วฝั่งนี้ยังมีปู่เขา ย่าเขา พวกลุงเขาอีก พ่อลูกบอกแล้ว พวกเขาเป็นคนดีกันหมด ลูกสบายใจได้”
หวางนิวฝากฝังเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนพยักหน้า ขอแค่ไม่ให้ตัวเองกตัญญูแบบไร้เหตุผลก็พอ ให้ก้มหน้าก้มตากตัญญูตัวเองคงทำไม่ได้
สองแม่ลูกคุยกันจนถึงดึก หวางนิวค่อยไปนอน
เฉินเยี่ยนนอนไม่หลับ นี่เป็นคืนสุดท้ายที่อยู่ในบ้านก่อนเธอจะแต่งงาน ต่อจากนี้ถ้าจะกลับมา เธอก็เป็นแขกแล้ว ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกต่อไป
ต้องจากไปแล้ว เธอรู้สึกอาลัยอาวรณ์จริงๆ
แน่นอน คืนนี้คนนอนไม่หลับมีหลายคน ไม่เพียงแต่เฉินเยี่ยน…
เลยเที่ยงคืนไปแล้วเฉินเยี่ยนค่อยหลับลง แต่หลับไปไม่นานเธอก็ตื่นขึ้นมา มองท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างแล้ว ได้ยินเสียงด้านนอก เฉินเยี่ยนลุกขึ้น
ในสนาม เฉินจงหยิบไม้กวาดกำลังกวาดพื้นอยู่ เพราะเป็นลานดิน ฝุ่นเลยฟุ้งขึ้นมา แต่เฉินจงราดน้ำลงบนสนาม เพื่อกลบฝุ่นไว้ เขากวาดสนามสะอาดมาก วันนี้เป็นวันดีของลูกสาว เขาไม่อยากโดนคนอื่นว่า
ในห้องครัว หวางนิวกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่
“ทำไมตื่นเช้าขนาดนี้? อีกสักพักเดี๋ยวคนก็มาแล้ว ถ้ายังง่วงอยู่ ก็ไปนอนสักหน่อย ป้าลูก พี่สะใภ้ลูกพวกเขายังไม่ตื่นกันเลย”
หวางนิวสงสารลูกสาว อันที่จริงเธอก็ไม่ได้นอนเกือบทั้งคืนเหมือนกัน คิดว่าลูกสาวจะแต่งงานไปบ้านอื่นแล้ว ในใจเธออดไม่ได้ที่จะเสียดาย
“ไม่นอนแล้วค่ะ นอนไม่หลับด้วย”
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ล้างหน้าหวีผมเรียบร้อย เธอจะช่วยหวางนิวทำกับข้าว หวางนิวไม่ยอม บอกว่าวันนี้เฉินเยี่ยนไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่แต่งตัวสวยงามก็พอ
นั่งอยู่บนม้านั่ง มองหวางนิวที่ยุ่งอยู่ เฉินเยี่ยนรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง
เธอคิดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ในยุคนี้ แล้วลงหลักปักฐานไปแล้ว
รอคนทยอยกันตื่น ก็เริ่มกินข้าวเช้ากัน
เฉินเยี่ยนกินน้อย เพราะกลัวว่าจะต้องเข้าห้องน้ำ หมู่บ้านเกษตรกรสมัยนี้ไม่เหมือนยุคหลัง ห้องน้ำในยุคนี้โดนวิจารณ์เป็นอย่างมาก ส่วนของบ้านเฉินเพราะว่าเฉินเยี่ยนสะอาดเลยไม่เท่าไร ห้องน้ำบ้านคนส่วนใหญ่เฉินเยี่ยนอุดจมูกยังเข้าไม่ไหวเลย
มีหลายคนที่ปล่อยในที่โล่งแจ้งเลย แต่เธอไม่อยากใช้ชีวิตที่ต้องทนเข้าห้องน้ำแบบนี้
ตอนกินข้าวป้าเฉินเยี่ยนและบรรดาญาติมีเรื่องฝากฝังเฉินเยี่ยนไว้เยอะมาก พวกเขาแย่งกันพูด แต่เป็นเพราะหวังดีกับเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนพยักหน้ารับ ส่วนเธอจะทำหรือไม่ทำ ก็ต้องดูสถานการณ์
กินข้าวเสร็จ คนก็เริ่มทยอยมากัน เป็นญาติของฝั่งบ้านเฉิน และมีคนในหมู่บ้านที่มามุงดู นั่งกันในโถงบ้าน มีคนมาคุยกับเฉินเยี่ยนในห้อง
เฉินเยี่ยนไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ตื่นเต้น รอคอย และมีความดีใจกับหวาดหวั่น
“เยี่ยนจื่อ ไม่วาดหรือ”
มีผู้หญิงในหมู่บ้านคนหนึ่งถามเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนเข้าใจความหมายเธอ เธอจะให้ตัวเองแต่งหน้า แต่ยุคนี้ไม่มีเครื่องสำอาง และไม่มีช่างแต่งหน้า เธอไม่อยากใช้แท่งถ่านสีดำมาวาดคิ้ว และไม่อยากใช่แป้งขาวมาโปะหน้า ไม่ใช้กระดาษสีแดงมาเป็นลิปสติก เธอยอมให้ดูเป็นธรรมชาติแบบนี้ดูดีกว่าแต่งแบบนั้นออกมาเยอะเลย
แต่วันนี้เธอเป็นเจ้าสาว ต้องแต่งตัวหน่อย
เฉินเยี่ยนคิด เธอลงมือเกล้าผมตัวเอง
ฝีมือเกล้าผมของเธอแน่นอนไม่มีทางเทียบกับช่างทำผมได้ และไม่มีปิ่นปักผมพวกนั้น เฉินเยี่ยนแค่มัดเป็นมวยผม ไม่มีสเปรย์ฉีดผม เธอเลยฉีดน้ำเล็กน้อยให้อยู่ทรง ข้างหูยังทำผมปอยหนึ่ง หน้าผากมีผมม้า เพื่อจะบังรอยแผลเป็นไว้
คิดแล้ว เฉินเยี่ยนก็ไปหน้าประตูเด็ดดอกกุหลาบสีแดงดอกหนึ่งมาประดับไว้บนศีรษะ