เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 233: แต่งงานใหม่
กินข้าวเสร็จ เฉินเยี่ยนจะไปเก็บล้าง แต่โดนคุณย่ารั้งไว้ ไป๋ซิ่วเหมยและซินหงก็ยิ้มขำแล้วพูด “รู้ว่าเธอเป็นคนขยัน แต่วันนี้เธอเป็นเจ้าสาว ไม่ต้องขยับ ไม่ต้องทำงาน มีพวกเราอยู่”
พวกเธอพูดจบก็นำซินฮุ่ย ซินหลานเริ่มเก็บกวาด โจวเยว่จี้ไม่ได้ขยับ
ณ ตอนนี้เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าคนบ้านซินถือว่านิสัยดีอยู่ ส่วนต่อไปนั้น ค่อยดูกันหลังจากนี้
“พี่สะใภ้ ได้ยินว่าที่บ้านพี่ทำโรงงาน ให้ฉันไปเป็นคนงานที่โรงงานบ้านพี่เถอะ”
โจวเยว่จี้นั่งลงข้างเฉินเยี่ยน แล้วพูดตรงประเด็นเลย เธอพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึง เธอมองโจวเยว่จี้ด้วยความประหลาดใจ
ปีนี้โจวเยว่จี้อายุสิบหกขวบ หน้าตาถือว่าใช้ได้ แต่สวยไม่เท่าแม่เธอซินหง
ซินหง ซินชานและ ซินฉุ่ยต่างได้ยีนส์ของบ้านซินมา แต่โจวเอ้อร์หว๋าเป็นคนทั่วไป ผิวออกดำ โจวเยว่จี้ออกจะเหมือนไปทางโจวเอ้อร์หว๋ามากกว่า ดังนั้นพอมองดูก็ไม่ได้สะดุดตาเท่าไร
กลับกับโจวจื้อ โจวจื้อหน้าตาคล้ายซินหง หนุ่มอายุสิบแปดปี ดูมีพลังเหลือเฟือ
“เธอพูดอะไรน่ะ ตอนแม่มาไม่ได้กำชับเธอหรือไง? ไม่ให้พูดกับพี่สะใภ้เรื่องพวกนี้ ทำไมไม่เชื่อฟังเลย”
โจวจื้อจ้องโจวเยว่จี้ ถึงแม้น้องสาวจะมีความคิดเช่นนี้ ก็ไม่ควรพูดกับพี่สะใภ้ตั้งแต่วันแรกที่แต่งเข้ามา ทำให้พี่สะใภ้อึดอัดใจ
อีกทั้งน้องสาวตัวเองคนนี้โดนพ่อแม่เลี้ยงจนเสียนิสัย วันๆ อยู่บ้านไม่ทำอะไรเลย ถึงตอนนี้แม้แต่โจ๊กธัญพืชยังต้มไม่เป็นเลย แม่ทำงานในไร่กลับมายังต้องมาทำอาหาร น้องสาวมีหน้าที่กินอย่างเดียว ให้เธอทำอะไร เธอจะบ่นว่าลำบาก ไม่มีเรื่องอะไรก็ชอบวิ่งมาบ้านคุณตาอู้งาน โจวจื้อไม่ค่อยชอบน้องสาวตัวเองคนนี้เท่าไร
“ต้องให้พี่มายุ่งเหรอ ตัวพี่เองเป็นคนงานที่โรงงานพี่ซินห้าวแล้ว แล้วพี่ก็มีภรรยาแล้ว พี่ไม่ต้องมาสนใจฉันแล้ว ฉันก็อยากเป็นคนงาน พี่ซินห้าวไม่ให้ฉันไปโรงงานเขา พี่สะใภ้ก็ยังจะไม่ให้เหรอ ยังไงม้วนบุหรี่ก็ไม่ยากเท่าไร ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องให้พี่สะใภ้มาดูแลฉัน เธอให้เงินคนอื่นเท่าไร ก็ให้ฉันเท่านั้นก็ได้ ทุกวันฉันไปโรงงาน ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานฉันก็ไม่กลับหรอก พี่สะใภ้ว่ายังไง”
โจวเยว่จี้พูดแล้วดึงแขนเฉินเยี่ยน เธอคิดว่าเฉินเยี่ยนต้องเห็นด้วยแน่นอน เธอมั่นใจ
เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพอเธอแต่งเข้ามาก็มาเจอเรื่องแบบนี้ ยังไม่พ้นข้ามคืนเลย
“พี่สะใภ้ พี่ไม่ต้องไปฟังเธอ เธอทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ไปแล้วจะยิ่งวุ่นวาย”
โจวจื้อบ่นน้องสาวตัวเอง
โจวเอ้อร์หว๋าเงียบไม่พูดอะไร
ซินชานมองซินห้าว แล้วมองเฉินเยี่ยน
ซินห้าวกลับไม่กังวล เฉินเยี่ยนไม่ใช่คนที่ตามใจใคร และไม่กลัวการปฏิเสธ ดังนั้นเขาเชื่อว่าเฉินเยี่ยนจะไม่ตอบตกลงโจวเยว่จี้เพราะกลัวทำให้ขุ่นเคือง แต่ถ้าเฉินเยี่ยนไม่อยากพูด เขาพูดแทนเฉินเยี่ยนได้
“พอได้แล้ว เยว่จี้ อย่าก่อเรื่องให้พี่สะใภ้เจ้าเลย”
ซินต้าฉุยก็รู้จักหลานคนนี้ดี เขาก็ไม่เห็นด้วย
“ใช่แล้ว เยว่จี้ เรื่องรับคนที่โรงงานฉันไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ต้องให้หัวหน้าคอมมูนเห็นด้วยถึงจะได้”
ถือว่าเฉินเยี่ยนปฏิเสธแบบนุ่มนวลแล้ว แต่งเข้าวันแรก ไม่ควรให้ลูกพี่ลูกน้องคนนี้เสียหน้า
“งั้นพี่สะใภ้พี่แต่งงานกับพี่ชายฉันแล้ว ไม่อย่างนั้นพี่ก็ไม่ต้องไปโรงงานแล้ว พี่อยู่บ้านปรนนิบัติพี่ชาย แล้วก็มีลูก ฉันจะไปโรงงานแทนพี่เอง ที่โรงงานให้เงินพี่ก็รับไว้ ฉันไม่ได้ขอมากมาย รอพี่คลอดลูก ฉันจะซื้อรองเท้าให้ลูกพี่ พี่ว่าดีไหม?”
โจวเยว่จี้คิดขึ้นมาอีก พูดได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก เหมือนเธอจะซื้อรองเท้าให้ลูกในอนาคตของเฉินเยี่ยนอย่างแน่นอน เหมือนดูถูกเฉินเยี่ยนมาก
เฉินเยี่ยนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เด็กสาวคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ
“พี่สะใภ้เจ้าไม่มีทางไม่ไปโรงงานหรอก แล้วที่นั่นก็ไม่ได้ขาดคน พอได้แล้ว พี่สะใภ้เจ้ายุ่งแล้วก็เหนื่อยมาทั้งวัน ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว”
ซินห้าวพูดปกป้องภรรยา
โจวเยว่จี้อยากจะพูดอะไรอีก เห็นสายตาซินห้าวที่มองเธอ เธอเริ่มกลัว ลูกพี่ผู้ชายคนนี้คุยด้วยยาก
“คุณยาย”
โจวเยว่จี้ไม่กล้าสู้กับซินห้าว เลยไปอ้อนยาย
“เอาล่ะ รอแม่เธอเก็บกวาดเสร็จ พวกเธอก็รีบกลับกันไปได้แล้ว ฟ้ามืดแล้ว ระหว่างทางกลับก็ระวังหน่อย อย่าให้แม่เป็นต้องเป็นกังวลตลอด”
ย่าซินห้าวก็ไม่ตามใจ หลานสาวคนนี้พูดจาไม่มีเหตุผล
โจวเยว่จี้โกรธจนแก้มป่อง เธอจ้องเฉินเยี่ยนตาเขม็ง คิดว่าเป็นเพราะเฉินเยี่ยน ถ้าเฉินเยี่ยนตกลง เรื่องก็จะไม่เป็นแบบนี้ คราวหน้าเธอจะหาโอกาสทำให้เฉินเยี่ยนขายหน้า
เฉินเยี่ยนไม่สนใจเธอ
เก็บล้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซินหงกลับมา พวกเขาเก็บอีกเล็กน้อย แล้วกลับไป
ซินต้าฉุยและคนอื่นก็กลับไปบ้านหลังเดิม ในพริบตาที่นี่ก็เหลือแค่ซินห้าวและเฉินเยี่ยน
ซินห้าวปิดประตูใหญ่ เฉินเยี่ยนยังไม่ทันขยับ ก็รู้สึกว่าตัวเธอลอยขึ้นกลางอากาศ เธอโดนซินห้าวอุ้มขึ้นมา
เฉินเยี่ยนร้องเสียงเบา
“คุณ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนรู้ว่าซินห้าวดื่มเหล้าไปมาก กลัวซินห้าวอุ้มไม่ไหวแล้วล้มลง
“ไม่เป็นไร วางใจได้ ผมไม่ได้เมา”
ซินห้าวพูดจบก็อุ้มเฉินเยี่ยนอย่างมั่นคงกลับเข้าห้อง
เฉินเยี่ยนซบหน้าไปกับหน้าอกซินห้าว ดีที่ท้องฟ้ามืดแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอจะรู้สึกขัดเขิน
จนถูกซินห้าววางลงบนเตียง มือเฉินเยี่ยนยังดึงเสื้อซินห้าวไว้อยู่ ซินห้าวกดทับลงบนตัวเฉินเยี่ยน
“เทียน”
เห็นริมฝีปากซินห้าวกำลังจะเข้ามาจูบ เฉินเยี่ยนชี้ไปที่เทียนสีแดงที่ยังสว่างอยู่ เทียนพวกนั้นกำลังส่องแสงอย่างเต็มที่
“ไม่เป็นไร ปล่อยให้สว่างไว้”
ซินห้าวกลับไม่สนใจ เฉินเยี่ยนสวยขนาดนี้ เขาอยากจะมองให้เต็มตา
“ฉันกลัว ไม่เอาเทียน”
เฉินเยี่ยนหน้าแดง
ซินห้าวทำอะไรไม่ได้ เลยต้องลุกขึ้นไปดับเทียน
“คุณสามารถใช้ลมปราณจากนิ้วทำให้เทียนดับได้ไหม?”
เฉินเยี่ยนดึงซินห้าวไว้ ถามด้วยแววตาอยากรู้ ไม่รู้ว่าเธอจะได้เห็นวรยุทธ์การใช้นิ้วมือหรือไม่ ถ้าซินห้าวทำได้ จะหล่อมากเลย
ซินห้าว…
“ที่แท้เรื่องในทีวีในนิยายเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น”
เฉินเยี่ยนรู้ว่าซินห้าวทำไม่ได้
“ก็ไม่แน่”
ซินห้าวพูดจบก็ลุกขึ้น แล้วใช้ฝ่ามือตบไปทางเทียน เทียนสั่นไหวสักพัก แล้วก็ดับไป ฝ่ามือซินห้าวทำให้เทียนดับ นี่ต้องทำในระยะใกล้ถึงจะดับ ที่เหมือนในทีวีก็ยังทำไม่ได้เลย
ในห้องมืดสนิท เฉินเยี่ยนไม่ทำตัวเหมือนเด็กน้อยแล้ว เธอรู้สึกได้ว่าซินห้าวเข้ามาใกล้ เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หัวใจเธอเต้นจนจะหลุดออกมาแล้ว
ริมฝีปากที่เร่าร้อน ร่างที่หนัก จุดไฟเฉินเยี่ยนขึ้นมา
เธอโอบคอซินห้าว ตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อน
ริมฝีปากทั้งสองคนพัวพันกันสักพักกว่าจะผละออกจากกัน ลมหายใจซินห้าวเริ่มกระชั้นถี่แล้ว
รู้สึกได้ถึงพลังของมือใหญ่นั้น เฉินเยี่ยนร้องครางเบาๆ ไม่หยุด
“มีคนมาแอบฟังข้างกำแพงหรือเปล่า?”
อยู่ๆ เฉินเยี่ยนก็นึกถึงคำถามนี้ขึ้นมา เธอถามซินห้าว เธอไม่อยากให้เรื่องทุกอย่างของเธอและซินห้าวโดนคนแอบฟัง
“วางใจได้”
เสียงซินห้าวแหบแห้งเล็กน้อย เขาก็รู้ธรรมเนียมนี้ ดังนั้นเขาเลยเตรียมตัวไว้อย่างดี ไม่ให้ใครมาแอบฟังข้างกำแพง