เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 244: ตกลง
จนเฉินเยี่ยนเล่าสถานการณ์อย่างชัดเจน หัวหน้าจ้าวโบกมือ “สหายเฉินเยี่ยน เรื่องนี้ผมทำอะไรไม่ได้ คนในอำเภอเยอะขนาดนี้ เรื่องที่ให้คอมมูนแก้ปัญหานั้นมีเยอะเหลือเกิน ในสิบคนนี้มีบางคนมาจากครอบครัวยากจน บางคนรุ่นพ่อผ่านสงครามมา ถ้าไม่หางานให้พวกเขา พวกเราก็ถือว่าดูแลพวกเขาไม่ดี”
สีหน้าหัวหน้าแสดงว่าทำอะไรไม่ได้
เฉินเยี่ยนมองเขาอย่างนิ่งเฉย
“งั้นหัวหน้าเอารายชื่อมาให้ฉัน ฉันจะไปตรวจสอบ ถ้าเป็นอย่างที่หัวหน้าพูดจริง ฉันก็ไม่โต้แย้ง แล้วฉันจะเป็นคนไปบอกชาวบ้านฝั่งนั้นเอง แต่ถ้าไม่ใช่ ฉันไม่สามารถยอมรับสิบคนนี้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเพิ่มอีกสิบคน ยี่สิบคน โรงงานรับไม่ไหว คนเยอะขนาดนี้ ค่าแรงเดือนหนึ่งไม่ใช่น้อยๆ ถ้าไม่มีคำสั่งซื้อมา เกรงว่าจะจ่ายค่าแรงไม่ไหว โรงงานก็จะทำต่อไปไม่ได้”
เฉินเยี่ยนคิดว่าหัวหน้าไม่ใช่ว่าไม่รู้สถานการณ์ เขาแค่อยากจะจัดหาคนของตัวเอง แล้วค่อยๆ ควบคุมโรงงานให้อยู่ในมือเขาอย่างช้าๆ
สายตาหัวหน้าเป็นประกาย
“สหายเฉินเยี่ยน ครั้งนี้ยังไม่ต้องไปหาคนในหมู่บ้านหรอก”
แน่นอนหัวหน้าบอกเฉินเยี่ยนไม่ได้อยู่แล้ว ในสิบคนนี้มีคนที่ลำบากหรือไม่? มี หนึ่งคน มีคนที่พ่อผ่านสงครามมาหรือไม่ มีหนึ่งคน ส่วนคนที่เหลือล้วนมาหาเขาเพราะใช้ความสัมพันธ์ เขาบอกเฉินเยี่ยนไป ไม่ใช่ว่าขายตัวเองหรือ?
“ตอนแรกตกลงกันแล้ว หัวหน้าคะ ฝั่งพวกเราไม่เคยละเมิดข้อตกลงมาก่อนเลย แต่ถ้าหัวหน้าพูดแบบนี้ งั้นพวกเราก็สามารถหาคนจากหมู่บ้านได้เลยใช่ไหมคะ? ถ้าหัวหน้าจะต้องเพิ่มคน ก็ได้ อำเภอให้มาห้าคน ที่หมู่บ้านพวกเราจะหาอีกห้าคน รับทั้งหมดสิบคน”
เฉินเยี่ยนไม่ยอม เพราะเรื่องแบบนี้มีครั้งแรก ก็จะมีครั้งที่สอง ถ้าตัวเองยอมครั้งนี้ อีกหน่อยโรงงานม้วนบุหรี่ก็จะเป็นของหัวหน้าแล้ว
หัวหน้าหน้าบึ้ง เฉินเยี่ยนกลับนั่งไม่ขยับ
“อย่างน้อยก็ให้ผมแปดคนแล้วกัน”
หัวหน้ามองหน้าเฉินเยี่ยนอย่างแน่วแน่ เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“มากที่สุดห้าคนค่ะ เดิมทีช่วงนี้ฉันไม่ได้คิดจะรับสมัครคน คนงานพวกนั้นสามารถทำงานได้อยู่ เพิ่มคนงานมาก ก็ต้องแบ่งกำไรของพวกเขาออกไป พวกเขาจะได้น้อยลง ไม่แน่อาจจะมีคำต่อว่าได้ แล้วยังต้องคอยปลอบใจพวกเขาอีก”
คำพูดเฉินเยี่ยนทำสายตาหัวหน้าเป็นประกาย
“ห้าคนก็ห้าคน สหายอย่างคุณนี่นะ ช่างหัวแข็งเหลือเกิน”
สุดท้ายหัวหน้ายอม เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าที่เฉินเยี่ยนพูดเป็นเรื่องจริง ถ้าให้เฉินเยี่ยนไปตรวจสอบคนงานพวกนั้นที่เขาหามา นั่นยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ อย่างมากครั้งนี้ก็ยอมไปก่อน ผ่านไปอีกหน่อยค่อยเพิ่มคนก็ได้”
“ขอบคุณหัวหน้าค่ะ แต่หัวหน้าต้องบอกพวกเขาก่อนเลย ว่ามีช่วงทดลองงาน ถ้าพวกเขาทำงานไม่ดี ถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยนคน”
เฉินเยี่ยนพูดกำชับอีกประโยค
หัวหน้าโบกมือ แสดงว่ารู้แล้ว ให้เฉินเยี่ยนออกไปได้แล้ว
บรรลุจุดประสงค์แล้ว เฉินเยี่ยนก็ไม่อยากพูดมากอีก เลยเดินออกไปจากคอมมูน
การปฏิรูปเศรษฐกิจ รีบมาถึงเร็วๆ หน่อยเถอะ ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ต้องงอมืองอเท้าแล้ว แต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถทำโรงงานม้วนบุหรี่ได้แน่นอน รัฐบาลไม่อนุญาตให้ส่วนบุคคลทำ แต่เธอสามารถทำโรงงานอื่นได้
เฉินเยี่ยนกลับมาที่โรงงาน พูดกับเฉินจงเรื่องนี้
เดิมทีเฉินจงคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีทางออกแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนทำได้สำเร็จ
เฉินจงมองเฉินเยี่ยน ลูกสาวดูเหมือนดั่งดอกไม้ เห็นได้ชัดเจนว่าเธอแต่งไปบ้านซินนั้นมีความเป็นอยู่ดีมาก แต่ตัวเองเป็นพ่อ ควรจะทำหน้าที่ปกป้องลูก แต่มีเรื่องมากมาย เพราะว่าตัวเองกลัวไปขัดใจคนอื่น กลัวว่าจะเสียหน้า เลยไม่แกร่งพอ
ต่อจากนี้เขาต้องเปลี่ยนตัวเอง เขาไม่สามารถให้ลูกสาวมาเป็นห่วงทุกเรื่องได้
“งั้นห้าคนนี้ลูกคิดว่าจะรับสมัครยังไง?”
เฉินจงถามเฉินเยี่ยน
“เก็บที่หนึ่งไว้ให้ซินหลาน เธออยู่ที่บ้านกำลังหัดห่อบุหรี่อยู่ค่ะ ลูกสาวคนเล็กนั้นขยันขันแข็ง นิสัยก็ดี ส่วนที่เหลืออีกสี่คนก็ให้เปิดรับสมัครเลยค่ะ ทุกคนมาสมัครได้ แล้วพวกเราเลือก ไม่จำเป็นต้องมาจากหมู่บ้านเรา ไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี มาจากหมู่บ้านอื่นก็ได้ ขอแค่นิสัยไม่มีปัญหา แบบนี้ทุกคนจะได้มีความหวัง รู้สึกดีกับโรงงานขึ้นมาบ้าง”
ระหว่างทางกลับเฉินเยี่ยนคิดเรื่องพวกนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนฝั่งหัวหน้าอีกห้าคนนั้น มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร เป็นเทพมาจากไหน คุณก็ต้องทำงานให้ดี ถ้าคิดจะมาแอบขี้เกียจ ก็ขอโทษด้วย เชิญคุณออกไป ข้อนี้เธอไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น
“ได้ งั้นเรื่องนี้พ่อจัดการเอง”
เฉินเยี่ยนพยักหน้า เขาก็คิดเหมือนที่ลูกสาวคิดเช่นกัน
“ค่ะ”
เฉินเยี่ยนพยักหน้า พรุ่งนี้เธอยังต้องไปทำความรู้จักญาติผู้ใหญ่อีก ดังนั้นเรื่องพวกนี้ให้พ่อจัดการก็ดีเหมือนกัน
หลังกลับมาเฉินเยี่ยนบอกซินหลาน ผ่านไปอีกหลายวันเธอก็ไปทำงานที่โรงงานได้แล้ว ซินหลานดีใจมาก
อันที่จริงพี่ชายคนโตที่บ้านเป็นหัวหน้าโรงงาน เธอไม่ใช่ว่าขอร้องไปทำงานที่โรงงานไม่ได้ แต่เธอไม่อยากทำให้พี่ชายมีปัญหา
อีกอย่างโรงงานที่พี่ชายอยู่นั้นห่างจากบ้านมาก เธอทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ถ้าไปจะต้องโดนคนนินทาแน่นอน
ฝั่งบ้านคุณยายของพี่ชาย พี่ชายก็ไม่เคยรับปากสักคน ถ้าตัวเองจะไป ฝั่งนั้นก็น่าจะคิดมากเหมือนกัน เธอไม่อยากให้ที่บ้านทะเลาะกันไม่มีความสุข ไม่อยากให้คุณปู่และพี่ชายลำบาก
แต่ตอนนี้พี่สะใภ้ยอมช่วยตัวเอง เธอจะทำงานให้ดี ไม่ให้พี่สะใภ้ขายหน้า
“พี่สะใภ้”
ซินหลานดึงมุมเสื้อพี่สะใภ้
เฉินเยี่ยนมองเธอ
“พรุ่งนี้พี่ไปทำความรู้จักญาติพี่น้อง ในบรรดาบ้านซินพี่ต้องระวังคุณป้าเฉียวเฟิ่งให้ดี แต่พี่สะใภ้ต้องเรียกเธอว่าอาสะใภ้ นิสัยเธอ จะพูดยังไงดีนะ คือนิสัยไม่ดี ถ้าเธอยอมให้เงินพี่ พี่ก็รับมา ถ้าเธอไม่ให้ แล้วพูดจาหยาบคาย พี่ก็อย่าไปสนใจเธอ และอย่าเสียใจไป ยังไงทุกคนก็รู้นิสัยเธอกันหมด”
ซินหลานกระซิบบอกเฉินเยี่ยน ตอนนี้ในใจเธอรู้สึกสนิทกับพี่สะใภ้คนนี้ ไม่อยากให้พี่สะใภ้ลำบาก
“คุณอาเฉียวเฟิ่ง? เธอทำอะไรหรือ?”
คนพวกนี้เฉินเยี่ยนไม่คุ้นเคยเลยจริงๆ
“พี่ไม่รู้ ปีที่แล้วมีคนในครอบครัวเราคนหนึ่งแต่งภรรยาเข้ามา ไปทำความรู้จักกับญาติ ป้าเฉียวเฟิ่งจะให้สะใภ้คนนั้นคุกเข่าก้มทำความเคารพ พี่ว่าตอนนี้ยังมีการเคารพแบบนี้ที่ไหนกัน สะใภ้ใหม่คนนั้นหน้าบาง ไม่กล้าพูดอะไร พี่สะใภ้ที่พามารู้จักเห็นท่าไม่ดีเลยเข้ามาแทรก แต่ป้าเฉียวเฟิ่งยังไงก็ไม่ยอม สะใภ้คนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เลยคุกเข่าลง พี่สะใภ้ที่พาเธอมาจะปูเสื่อ ป้าเฉียวเฟิ่งก็ไม่ยอม สะใภ้คนนั้นกลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ เลยคุกเข่า แต่ที่พื้นมีดินอยู่ เลอะขาสะใภ้คนนั้นแล้ว ตอนที่สะใภ้คนนั้นลุกขึ้นยืนยังโดนป้าเฉียวเฟิ่งบ่นเป็นชุด แล้วเงินที่ทำความรู้จักญาติ ป้าเฉียวเฟิ่งก็ให้เธอแค่หนึ่งสตางค์ ทำเอาสะใภ้ใหม่คนนั้นโกรธหนักจนร้องไห้”
ซินหลานเล่าวีรกรรมของป้าเฉียวเฟิ่งให้ฟัง
เฉินเยี่ยนรู้สึกพูดไม่ออก เธอรู้เรื่องการทำความรู้จักญาติ แต่งงานมาวันที่หก พี่สะใภ้ที่บ้านอยู่ใกล้เจ้าสาวคนใหม่จะต้องพาไปทำความรู้จักผู้คน
คนพวกนี้อยู่หมู่บ้านเดียวกันแซ่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันหรือไม่ ความสัมพันธ์ใกล้ชิดหรือห่างเหิน ขอแค่แซ่เดียวกัน ก็ต้องไป
จากนั้นคนพวกนี้ก็ต้องให้เงินกับเจ้าสาวคนใหม่ถือว่าเป็นการทำความรู้จัก คนที่สนิทก็จะให้มากหน่อย คนไม่สนิทก็ให้น้อยหน่อย ไม่ได้มีจำนวนตายตัว เพียงแต่ถ้าคุณให้เธอเยอะ อีกหน่อยเธอก็จะให้คุณเยอะเช่นกัน
เมื่อก่อนคนที่สนิทกันจะคุกเข่าก้มเคารพกันจริง แต่หลายปีนี้แทบจะไม่มีแล้ว
แต่ตอนที่ทำความรู้จักกันปกติพี่สะใภ้ที่พามาก็จะเอาเสื่อมา ทำท่าทาง ให้คนหัวเราะกัน แล้วพูดว่าก้มเคารพ?
แต่ไม่ได้จะมีคนให้เจ้าสาวคุกเข่าก้มเคารพจริง อย่างน้อยเฉินเยี่ยนไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนหลัวเหมยแต่งเข้าบ้านเฉิน ไปทำความรู้จักญาติ ก็ไม่มีใครให้เธอคุกเข่าก้มเคารพ
การล้อเล่นแบบสุภาพสามารถทำได้ เงินให้หนึ่งสตางค์ก็ไม่มีปัญหา เพราะยุคนี้ยังเป็นยุคที่ถ้าเก็บเงินหนึ่งสตางค์ได้ตามถนน ก็ต้องแจ้งคุณลุงตำรวจ เงินหนึ่งสตางค์ก็เป็นเงิน แต่อย่างที่อาเฉียวเฟิ่งทำนั้น ก็ทำเกินเลยไป